หลี่เจี่ยซินรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง คู่หมั้นของเธอคนนี้ปกติไม่ค่อยชอบกอดกับเธอเท่าไหร่ มีหลายครั้งที่หลี่เจี่ยซินเผลอตัวไปกอดเขาหลายครั้งยังถูกถีบออกมาอีก
แต่เอาล่ะวันนี้เฉินเฟยอวี๋คงจะตื่นกลัวมาก หลี่เจี่ยซินจึงเป็นฝ่ายดึงเขาเข้ามากอดอย่างแนบแน่น
หลิวไห่แอบยิ้ม เขากอดเธอแน่นยังแกล้งตัวสั่นอีกด้วย เขาถามเธอเสียงเบา
“ดูเหมือนว่าที่รักจะยิงปืนแม่นมาก”
หลี่เจี่ยซินจึงบอกว่า
“ก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทักษะพวกนี้จริง ๆ ก็แค่ฝึกเล่น ๆ แต่ดันเก่งก็งงเหมือนกัน”
หลิวไห่จึงแกล้งแซว
“น่าจะไปสมัครเป็นนักยิงปืนทีมชาติ คงได้เหรียญทองโอลิมปิกแน่”
หลี่เจี่ยซินปล่อยเขา แล้วหัวเราะ
“อยู่กับที่รักได้เงินเยอะกว่าไม่ใช่เหรอ ถึงตอนนี้ที่รักจะกำลังถังแตกก็เถอะ”
หลิวไห่ถามเธอตรงไปตรงมา
“รู้แล้วว่ากำลังจะถังแตกทำไมยังอยู่ด้วยล่ะ”
หลี่เจี่ยซินลูบศีรษะของเขาอย่างเคยชิน
“ก็สงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างที่รัก ถ้าฉันไม่อยู่ใครจะดูแลเธอล่ะ เอาเป็นว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ที่รักรีบกลับมารวยเราสองคนจะได้ไม่อดตายอยู่กันอย่างมีความสุขจนแก่เฒ่าไปด้วยกันดีหรือเปล่า เธอห้ามทิ้งฉันไปมีสามีก่อนแล้วกัน”
หลิวไห่พูดว่า
“ไม่มีทาง ฉันคิดจะอยู่กับที่รักจนวันสุดท้ายนั่นแหละ”
หลี่เจี่ยซินหัวเราะ เธอออกรถและบอกว่า
“เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันยังมาเจออะไรแบบนี้อีก”
หลิวไห่พยักหน้า เขาเอื้อมมือไปดึงมือของหลี่เจี่ยซินมาจับ หญิงสาวมองเขาด้วยความสงสาร
“ยังไม่หายกลัวเหรอ เหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือเลย”
“อืม ยังตกใจอยู่เลย จับมือจนถึงบ้านได้หรือเปล่า”
“ได้สิ”
หลี่เจี่ยซินอนุญาตในขณะที่หลิวไห่ยังทำท่าอ่อนแอ ซบหน้าเข้าที่แขนเล็ก ๆ ของเธออีก หลี่เจี่ยซินขับรถจนถึงบ้านเธอจอดรถแล้ววิ่งอ้อมมาด้านเปิดประตูรถให้หลิวไห่ ช่วยประคองเขาลงจากรถเมื่อคู่หมั้นของเธอทำท่าทางว่าจะเดินไม่ไหว
“ดูจะกลัวมากจริง ๆ ปกติเจอก็ไม่ขนาดนี้นี่”
หลิวไห่จึงพูดว่า
“วันนี้คงทั้งเดินทางมาไกล ทั้งไปบ้านคุณย่าเหนื่อยมากทั้งยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีกน่ะ”
หลี่เจี่ยซินประคองเขาเข้าไปในบ้าน สั่งคนใช้ให้ไปเตรียมน้ำให้เขาอาบ หลิวไห่ไม่รู้ว่าห้องตัวเองอยู่ไหนจึงอ้อนหลี่เจี่ยซิน
“ที่รักพาเค้าไปที่ห้องหน่อยสิ เขาเดินไม่ไหวอีกแล้ว”
หลี่เจี่ยซินจึงเป็นฝ่ายเดินนำโดยมีผู้ชายร่างโตออดอ้อนอยู่ข้าง ๆ หลี่เจี่ยซินรู้สึกเดินลำบากจึงบอกเขาว่า
“ที่รักจะอุ้มเธอเองนะ สาวน้อย”
ว่าแล้วหลี่เจี่ยซินก็ทำในสิ่งที่หลิวไห่ไม่คาดคิด เมื่อหญิงสาวตัวเล็กร่างบางทั้งยังนุ่มนิ่มเหมือนนุ่นคนนี้จู่ ๆ ก็ช้อนข้อพับขาของเขาทั้งสองข้างแล้วอุ้มเขาขึ้นจนตัวลอย
หลิวไห่ลืมตัวด้วยความตกใจจึงร้องเสียงดังออกมา
“เฮ้ย ทำไรน่ะ”
หลี่เจี่ยซินกลับมองเขาด้วยความสงสัย
“ที่รักเป็นอะไร ปกติเมาฉันก็อุ้มเธอตลอดนี่ ไม่เห็นต้องทำเสียงตกใจขนาดนี้ ดูสิเสียงแมนหลุดเลย”
หลิวไห่ที่ยังตกใจไม่หายเกือบจะยกมือตีศีรษะของตัวเองแล้ว เขารู้ว่าเธอแรงเยอะแต่นี่จะไม่มากเกินไปเหรอที่สามารถอุ้มผู้ชายร่างกายสูงกว่าเธอเกือบยี่สิบเซ็นติเมตร อีกทั้งกล้ามเป็นมัด ๆ แบบนี้ราวกับปุยนุ่น
นี่จะไม่มากเกินไปเหรอ มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว สรุปแล้ว หลี่เจี่ยซินคนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่
หลิวไห่ปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาซบเข้ากับไหล่เล็ก ๆ ของเธอแล้วพูดเบา ๆ ว่า
“พาเขาไปที่ห้องเถอะ ทีหลังจะอุ้มก็บอกกันก่อนนะ คนมันตั้งตัวไม่ทันน่ะ”
หลี่เจี่ยซินคิดว่าวันนี้คงหนักหนาสำหรับคู่หมั้นของเธอมากไปแล้ว ปกติเฉินเฟยอวี๋ทั้งขี้กลัวทั้งอ่อนแอ เขาเคยถูกไล่ล่ามาบ้างแต่วันนี้ดูจะเป็นวันแรกที่ประจันหน้ากับคนร้าย ย่อมตกใจจนแปลกประหลาดเป็นธรรมดา
“ขอโทษแล้วกัน วันหลังจะไม่อุ้มเธอโดยพละการอีก”
หลี่เจี่ยซินอุ้มหลิวไห่จนถึงห้อง เธอยังจะช่วยเขาถอดเสื้อผ้าอีกด้วย หลิวไห่ตกใจจนเกือบจะร้องออกมา
ในขณะที่หลี่เจี่ยซินมึนงงกับท่าทางที่แปลกประหลาดของหลิวไห่ตั้งแต่เจอหน้ากันวันนี้
“ที่รักเธอแปลกไปมากนะ ปกติก็ให้ฉ้นช่วยถอดเสื้อผ้าอาบน้ำไม่ใช่เหรอ อะไรต่ออะไรของเธอก็เห็นจนหมดแล้วนี่”
หลี่เจี่ยซินชินกับเขา เพราะปกติเฉินเฟยอวี๋มักจะเมากลับบ้าน และพาผู้ชายมานอนด้วย หลายครั้งที่เมาหลับตรงหน้าบ้านหรือจะเป็นที่บรรไดก็เป็นเธอที่หอบหิ้วเขาขึ้นมาบนห้อง ยังช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำให้เหมือนเด็ก ๆ
แรก ๆ หลี่เจี่ยซินก็รู้สึกอายอยู่บ้าง แต่ระยะหลังเธอทำจนกลายเป็นเรื่องเคยชิน และงูของเฉินเฟยอวี๋เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอไม่เคยผงาดเลยสักครั้ง เอาแต่หลับเหมือนโดนวางยา
หลี่เจี่ยซินรู้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะจิตใจของเฉินเฟยอวี๋เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอจึงเห็นเขาเป็นเพื่อนสาวที่แท้จริงมาตลอด
แต่วันนี้เฉินเฟยอวี๋ของเธอดูเปลี่ยนไปมากจริง ๆ จนเธอเริ่มสงสัยบางอย่าง
หลิวไห่เห็นท่าทางของหลี่เจี่ยซินแล้วในใจอยากจะเปิดเผยความจริง แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่ารับปากน้องชายเอาไว้แล้ว อยากให้หลี่เจี่ยซินยังอยู่บ้านนี้กับเขาอย่างสนิทใจ และต้องการใกล้ชิดกับเธอ เขาจึงพูดว่า
“ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันจะพยายามเป็นผู้ชายนี่ ที่รักยังทำเหมือนเดิมเมื่อไหรฉันจะเป็นผู้ชายได้ล่ะ”
“อ้อ ที่แท้ก็แบบนี้”
หลี่เจี่ยซินพยักหน้าเข้าใจ เธอชี้ไปที่ประตู
“งั้นที่รักดูแลตัวเองนะ ฉันออกไปก่อนมีอะไรก็เรียกได้ตลอด”
หลิวไห่จับแขนของเธอเอาไว้แล้วบอกว่า
“ที่รักแต่คืนนี้เค้ากลัวอยู่เลย อาบน้ำเสร็จมานอนเป็นเพื่อเค้านะ”
หลี่เจี่ยซินยิ้ม เธอเขย่งเท้าแล้วดึงเขาลงมาให้ก้มต่ำ ก่อนจะยกมือลูบศีรษะของหลิวไห่อีกครั้ง ดูเหมือนว่ากิริยานี้หลี่เจี่ยซินจะเคยชินแล้วหญิงสาวยังบอกเขาเสียงเบาว่า
“ได้สิเจ้าลูกหมา เดี๋ยวที่รักมานอนด้วยนะ อีกสักชั่วโมงจะเข้ามาหาแล้วกันที่รักขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
หลี่เจี่ยซินยังจูบที่แก้มเขาเบา ๆ หลิวไห่ตกตะลึงจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกไป หลิวไห่ยังยืนอยู่หน้าประตูแล้วจับแก้มที่ถูกเธอจูบเมื่อสักครู่โดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
กระทั่งเขายิ้มออกมา ความรู้สึกร้อนจากริมฝีปากของหญิงสาวยังคงอยู่ที่ตรงนั้น หลิวไห่พึมพำโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ตัว
“หลี่เจี่ยซิน เธอเป็นใครถึงมาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงได้ขนาดนี้”