“พี่ชายปล่อยฉันไปเถอะ ฉันกลัวจริง ๆ นะ”
เฉินเฟยอวี๋พยายามพูดคุยดี ๆ กับผู้ชายคนนั้น ตอนนี้เขายังถูกปิดตารู้แต่ว่าตัวเองถูกมัดแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่
ผู้ชายคนนั้นที่บอกเขาว่าชื่อหยางเจิงคล้ายจะเดินไปวนมาอยู่ข้างหน้าเขา แต่ไม่พูดอะไร จนกระทั่งมีเสียงคนเปิดประตูเข้ามาพวกเขาพูดคุยกันเสียงเบา เฉินเฟยอวี๋เงี่ยวหูฟัง ดั่งที่เขาบอกว่าหากคนเราสูญเสียประสาทสักด้านอีกด้านหนึ่งจะแจ่มชัดขึ้น
ตอนนี้เฉินเฟยอวี๋ถูกปิดตามองไม่เห็นคิดว่าหูของตนเองคงจะดีแน่ ๆ แต่จนแล้วจนรอดกลับไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เฉินเฟยอวี๋จึงเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่เขาถูกจับมานี่ เฉินเฟยอวี๋ในใจก็กังวลเป็นอย่างมาก โชคดีในตัวของเขายังมีเครื่องติดตามจึงคิดว่าไม่นานคนของหลิวไห่คงตามตัวเขาพบ
แต่เขาไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีสัญญาณรบกวนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณอะไรก็ไม่สามารถส่งออกไปได้ กระทั่งโทรศัพท์ยังไม่มีคลื่น สถานที่ถูกจับกุมตัวของเฉินเฟยอวี๋อยู่ที่ไหนนั้นทางหลิวไห่แม้จะให้ดวงตาสวรรค์ค้นหาก็ยังหาเขาไม่พบ
เมื่อมองไม่เห็น หูก็ไม่ค่อยดี เฉินเฟยอวี๋จึงลองสูดกลิ่นรอบ ๆ ดู เขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ดูเหมือนว่าสถานที่นี้จะสะอาดเป็นอย่างยิ่ง ที่นี่คงไม่ใช่ตึกร้าง เขายังได้กลิ่นหอมสะอาดจาง ๆ เหมือนกลิ่นที่ใช้ในโรงแรมราคาปานกลาง
แต่คิดไปคิดมา หากจะจับคนไปที่โรงแรมก็ดูเหมือนว่าจะเสี่ยงต่อการพบเห็น เพราะฉะนั้นที่นี่ย่อมไม่ใช่โรงแรม แต่กลิ่นแบบนี้ต้องอยู่ในโรงแรมชัด ๆ
เฉินเฟยอวี๋เป็นคนมีความรู้เรื่องกลิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบเอามาก ๆ เหมือนเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่งของเขา เมื่อแยกแยะกลิ่นออกแล้วเขาก็เริ่มต้นวิเคราะห์อย่างจริงจังว่ามีส่วนผสมอะไรในกลิ่นนั้นบ้าง
และแล้วเขาก็จับสังเกตุถึงบางสิ่งได้ผ่านลมที่ลอยพัดเข้ามา ด้านนอกยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้หลายชนิด ปะปนกันไป หรือที่นี่จะเป็นสวนที่ใดสักแห่งที่เอาไว้ใช้ผลิดพวกสบู่หรือยาสระผมเทือกนั้น
ในฮ่องกงมีสถานที่แบบนี้อยู่มากแค่ไหนกันนะ เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้
เขาใคร่ครวญและรอคอย จนกระทั่งผ่านไปสักพักเฉินเฟยอวี๋ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ง่วงเพราะต้องการพักผ่อน แต่ง่วงเพราะกลิ่นที่โชเข้ามต่างหาก มันเหมือนเป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาก็คล้ายหลับคล้ายตื่น เฉินเฟยอวี๋ถูกใครบางคนจับให้ลุกขึ้น เขาแน่ใจว่าต้องเป็นพ่อหนุ่มที่เขากำลังคั่วอยู่จนตกอยู่ในอันตราย ได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้คิดหลอกคุณพวกเขาจับแม่ของผมเอาไว้แล้วให้ผมมาล่อลวงคุณ”
เสียงนั้นเบามากและเขาถูกยากล่อมประสาท แต่เฉินเฟยอวี๋กลับรับรู้ได้ว่ามันเป็นความจริง
ความจริงแล้วมันก็ย่อมเป็นเรื่องที่วางแผนเอาไว้ เพียงแต่เขาข้องใจว่าคนคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาจะไปฟิตเนสวันนี้ เรื่องของเขาที่ไปไหนมาไหนมีเพียงทีมบอดี้การ์ดที่รู้ นอกจากจะมีหนอนบ่อนไส้
มาเฟียฮ่องกงถนักนักเรื่องหักหลังกัน เขาคิดอย่างละเอียดแล้วว่าต้องมีใครบอกพวกมันเป็นแน่
และหลังจากนั้นเฉินเฟยอวี๋ก็หลับไป
การตามหาตัวเฉินเฟยอวี๋ค่อนข้างลำบากสำหรับดวงตาสวรรค์ เมื่อสัญญาณติดตามตัวของเขาหายไปโดยจุดสุดท้ายที่เขาส่งข้อมูลให้หลิวไห่ คนของหลิวไห่ก็ปูพรมหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งหลิวไห่เดินทางมาถึงฮ่องกง โดยที่เขาไม่บอกแม้กระทั่งหลี่เจี่ยซิน จนกระทั่งเขาลงเครื่องถึงได้พบข้อความสารพัดของหลี่เจี่ยซินที่ส่งมา ทั้งหมดคือเป็นห่วงเขาให้รีบติดต่อกลับ
หลิวไห่โทรหาเธอในทันที
“มีเรื่องงานด่วนฉันจะรีบกลับไม่ต้องห่วงนะ ฉันปลอดภัย”
เขาคุยกับหลี่เจี่ยซินไม่กี่ประโยค ทั้งยังกำชับว่าให้เธอคุ้มครองนักวิทยาศาสตร์คนนั้นให้ดีอย่าให้ใครมาทำร้ายได้ หลี่เจี่ยซินใจก็เป็นห่วงเขาแต่คิดว่าเฉินเฟยอวี๋ระยะหลังมานี่สามารถวางใจได้ เธอจึงตั้งใจคุ้มครองความปลอดภัยของนักวิทยาศาสตร์คนนั้นให้ดีที่สุด
สิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเปิดปากทำให้หลี่เจี่ยซินถึงกับตกตะลึง เรื่องที่พวกเขากำลังทดลองอยู่
หลี่เจี่ยซินนั่งรออย่างสงบ คนของหลิวไห่หลายคนที่เข้ามาดูมีความรู้และเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เธอใส่เสื้อผ้ามิดชิดยังสวมหน้ากากปะปนกับคนของหลิวไห่ เธอกำลังรอหูเสี่ยวเทียนอยู่ หลังจากสอบคนจนได้ข้อมูลแล้ว หลิวไห่ก็ติดต่อกับหูเสี่ยวเทียนอย่างลับ ๆ ให้ตำรวจมาสืบเรื่องนี้ต่อโดยให้คนในกรมตำรวจรู้น้อยที่สุด
คนที่หลิวไห่ไว้ใจมีเพียงหูเสี่ยวเทียนในตอนนี้ แน่นอนว่าเขามั่นใจว่าหูเสี่ยวเทียนย่อมไม่ทุจริตในหน้าที่
เดิมสกุลของหูเสี่ยวเทียนร่ำรวยมาก ธูรกิจของเขาหลัก ๆ กระจายกันอยู่หลายประเทศทั่วโลก ทำให้เขาไม่ต้องพึ่งพานักการเมืองท้องถิ่นสักเท่าไหร่
หูเสี่ยวเทียนเดินผ่านหลี่เจี่ยซินไป เขาไม่รู่ว่าคนชุดดำที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกคือเธอ