https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 120.3

ufac4

 เดินทางไกล
โดย

การเดินทางด้วยระยะทางอีกสองร้อยกว่าลี้บนแม่น้ำซิ่วฮวาหลังจากนั้นผ่านไปอย่างสงบมั่นคง

ตอนที่พวกเฉินผิงอันลงจากเรือ ทั้งหลี่ไหวและหลินโส่วอีต่างก็ได้สะพายหีบหนังสือคนละใบ บวกกับหลี่เป่าผิงอีกคน ยิ่งทำให้พวกเขาดูสมกับคำว่าแบกตำราออกทัศนาจรไกลมากขึ้นทุกที ผลกลับกลายเป็นว่าทำให้เด็กหนุ่มรองเท้าแตะยิ่งเหมือนข้ารับใช้หนุ่มของครอบครัวตระกูลใหญ่ หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองมาก่อนก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าเด็กหนุ่มคือผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่สามารถทำให้ราชเลขาฝ่ายบู๊ข้างกายนายอำเภอคนหนึ่งของต้าหลีไร้เรี่ยวแรงให้เอาคืน ตอนที่ลงเรือก็แทบจะมีคนวางไม้พาดแล้วแบกลงไปให้

ก่อนหน้าที่จะลงเรือเฉินผิงอันได้ดูแผนที่ฮวงจุ้ยอย่างละเอียดแล้ว จึงไม่คิดจะข้ามผ่านอำเภอหว่านผิง แต่อ้อมเมืองลงทางใต้ หลังจากนั้นต้องเดินผ่านเทือกเขาสูงตระหง่านแถบหนึ่งซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาเดินเท้าประมาณครึ่งเดือนกว่า ตอนอยู่บนเรือเฉินผิงอันได้ถามคนในท้องถิ่นจึงรู้ว่าทางบนภูเขาสามารถเดินได้ เพียงแต่เมื่อเทียบกับทางเดินม้าที่ปูด้วยหินเขียวบนภูเขาฉีตุนแล้วกลับเดินยากลำบากกว่ามาก รถม้าไม่อาจผ่านได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นลาหรือล่อที่แบกสัมภาระสิ่งของ

หากไม่เดินบนภูเขาก็จำเป็นต้องผ่านเขตการปกครองแห่งหนึ่ง หลินโส่วอีบอกว่าเขายังไม่สามารถบรรลุวิชายันต์พลังหยาง จึงไม่อาจทำให้เทพหยินอำพรางปราณอึมครึมของตัวเองที่มีมาตั้งแต่เกิดได้ จึงมีความเป็นไปได้มากที่มันจะไม่สามารถเข้าเมืองไปอย่างเปิดเผย ตามคำบอกของอาเหลียงในเมืองจะมีศาลเทพอภิบาลเมือง ศาลบุ๋นบู๊และจวนของแม่ทัพอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเกรงว่าคงต้องเกิดอคติต่อเทพหยินตามธรรมชาติ หากมียอดฝีมือนั่งบัญชาการณ์ก็ง่ายที่จะเกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้น

คนทั้งกลุ่มสอบถามเส้นทางพลางเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนั้นเฉินผิงอันยังสอบถามจากนายพรานหรือไม่ก็สตรีแต่งงานแล้วตามหมู่บ้านว่าเทือกเขาเหล่านั้นมีเรื่องเล่าประหลาดอะไรหรือไม่ จะมีภูตผีปรากฏตัวขึ้นบนภูเขาหรือเปล่า ชาวบ้านในท้องถิ่นเห็นว่าเด็กทั้งสี่คนต่างก็อายุไม่มาก อีกทั้งยังสะพายหีบหนังสือจึงมองว่าพวกเขาเป็นเด็กนักเรียนของครอบครัวตระกูลสูงศักดิ์ที่ออกเดินทางท่องเที่ยว จึงพูดกับเฉินผิงอันยิ้มๆ ว่าลำธารและภูเขาแถบนั้นไม่มีแม้แต่ชื่อ ไหนเลยจะมีเรื่องแปลกประหลาดได้ เอาเป็นว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน สุดท้ายคนส่วนใหญ่ยังไม่ลืมแนะนำศาลเทพแม่น้ำของแม่น้ำซิ่วฮวาให้กับคนทั้งสี่ บอกว่าหากไปไหว้พระขอเซียมซีที่นั่นจะศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่แน่ว่าอาจจะมีองค์เทพแม่น้ำอยู่จริงๆ เพราะทุกปีใต้เท้านายอำเภอจะต้องพาคนไปทำพิธีเซ่นไหว้ที่นั่น เสียงประทัดดังสนั่นไปทั้งท้องฟ้า ครึกครื้นอย่างมาก

ก่อนหน้าที่คนทั้งสี่จะเดินขึ้นเขาเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี หลี่ไหวยืนอยู่ตรงตีนเขา ค้อมตัวกุมมือคารวะแรงๆ สามครั้ง พอเงยหน้าขึ้นกลับเห็นว่าเฉินผิงอันไม่ขยับเขยื้อน จึงถามด้วยความแปลกใจ “เฉินผิงอัน คราวก่อนที่อยู่เขาฉีตุนเจ้ายังกราบไหว้ บอกว่ากราบไหว้เทพภูเขา ทำไมครั้งนี้ถึงได้แอบอู้ซะล่ะ?”

เฉินผิงอันลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ยังตอบคำถาม “เมื่อก่อนข้าขึ้นเขาพร้อมกับผู้เฒ่าบ่อยๆ จึงพอจะมีความสามารถในการดูภูเขาชิมดินอยู่บ้างเล็กน้อย เวลาที่ผู้เฒ่าอารมณ์ดีเคยพูดให้ฟังถึงเรื่องทิศทางแนวเทือกเขา สถานที่แบบไหนจะมีเทพภูเขาวางร่างทองของตัวเองเอาไว้ พิถีพิถันอย่างมาก ซึ่งโดยคร่าวๆ แล้วภูเขาลูกหนึ่งจะมีเทพภูเขาเฝ้าพิทักษ์อยู่หรือไม่ ก่อนจะขึ้นเขาเจ้ามองอย่างละเอียดครู่หนึ่งก็พอจะเห็นต้นสายปลายเหตุได้บ้างแล้ว บวกกับที่ก่อนหน้านี้คนในพื้นที่ต่างก็บอกว่าที่นี่ไม่มีเรื่องเล่าอะไร ก็พอจะแน่ใจได้ว่าเส้นทางบนภูเขาที่พวกเรากำลังจะเดินไปนี้ไม่ใช่ถิ่นของเทพภูเขา”

จิตของหลินโส่วอีขยับไหวเล็กน้อย จึงกล่าวว่า “ผู้อาวุโสเทพหยินบอกแล้วว่า จำนวนของเทพภูเขาและเทพแม่น้ำของราชวงศ์หนึ่งมีจำกัด ไม่มีทางที่จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทั่วทุกหนแห่ง หาไม่แล้วหากมีมากเกินไปจะกลายเป็นหายนะ ทำให้โชคชะตาของพื้นที่แห่งหนึ่งปั่นป่วนวุ่นวาย บวกกับที่การแย่งชิงภูเขาและแม่น้ำก็ไม่ต่างจากการแย่งชิงที่นาหรือต้นกำเนิดน้ำล่างภูเขา ซึ่งมีแต่จะส่งผลร้ายต่อราชสำนัก ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วศาลเทพภูเขาที่ไม่ได้บันทึกไว้ในอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ท้องถิ่นอย่างชัดเจนก็ไม่มีทางที่มีเทพภูเขาอยู่จริง”

หลี่ไหวผิดหวังอยู่บ้าง “เฮ้อ ข้าอุตส่าห์อยากจะได้หุ่นไม้หลากสีมาเพิ่มอีกสักหน่อย”

ที่แท้ตอนอยู่ภูเขาฉีตุนได้รับโชคเพราะหายนะ หลี่ไหวจึงได้หุ่นไม้หลากสีที่มีชีวิตชีวาเสมือนจริงตัวหนึ่งมาครอง ทำให้หลี่ไหวคาดหวังอย่างมาก แทบอยากจะให้ตัวเองได้หุ่นไม้ทุกครั้งที่เดินผ่านภูเขาหนึ่งลูก ถ้าอย่างนั้นรอให้ตนไปถึงสถานศึกษาที่ต้าสุยเมื่อไหร่ ในหีบหนังสือใบเล็กของตนก็คงเต็มแน่นพอดีเลยใช่หรือไม่? ไม่ใช่ว่าพอไปถึงปลายทางในหีบไม้ไผ่ที่ตนสะพายกลับมีแค่หุ่นไม้หนึ่งตัวกับหนังสือหนึ่งเล่ม แบบนั้นก็ออกจะยากจน “ทั้งบ้านมีแค่ผนังสี่ด้าน” เกินไป

หลินโส่วอีหัวเราะถอนฉิว “เจ้ายังจะมีหน้ามาพูดว่าเฉินผิงอันเป็นคนโลภมากอีกรึ?”

หลี่ไหวทำหน้าไร้เดียงสา “ข้าไม่เคยพูดสักหน่อย ข้าแค่เคยบอกว่าเฉินผิงอันคือวิญญูชนที่รักในทรัพย์สินและเงินทอง แต่ต้องหามาครองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”

หลินโส่วอีแค่นเสียงเย็น “เจ้าเด็กขี้ประจบ!”

หลี่ไหวเดือดดาล “หากไม่เป็นเพราะข้าขอร้องด้วยความยากลำบาก เจ้าจะได้มีหีบหนังสือกับเขาหรือ? หลินโส่วอีเจ้าหัดมีเมตตาธรรมบ้างได้ไหม?”

หลี่เป่าผิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “หุบปาก”

ในช่วงเวลาที่ไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้เคียง เฉินผิงอันมักจะฝึกเดินนิ่ง เพราะด้านหลังแบกตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่จึงไม่กล้าทำเสียงดังครึกโครม จึงพยายามเก็บพละกำลังของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด ค่อยๆ ฝึกเดินไปอย่างเชื่องช้า เพราะอย่างไรซะตอนที่อาเหลียงถ่ายทอดวิธีโคจรลมปราณสิบแปดหยุดให้ในจุดพักม้าเจิ่นโถวก็เคยบอกว่าคำว่าช้า คือแก่นสำคัญของการฝึกสิบแปดหยุด ตอนนี้เฉินผิงอันติดอยู่ระหว่างขั้นที่หกกับขั้นที่เจ็ด จะอย่างไรก็ไม่อาจข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปได้ จึงเอาท่าเดินนิ่งของการฝึกหมัดตามตำราเขย่าขุนเขามาฝึกปรือฝีมือได้พอดี

เดินขึ้นเขามาประมาณสองชั่วยาม หลี่ไหวก็หอบหายใจดังฮักๆ หลี่เป่าผิงเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

เฉินผิงอันรู้ว่านี่คือการสิ้นสุด “ลมหายใจหนึ่งเฮือก” แล้ว จึงเลือกหยุดพักที่ข้างธารน้ำสายหนึ่ง ไม่เสียแรงที่หลินโส่วอีเป็นเทพเซียนที่ย่างเท้าก้าวหนึ่งขึ้นไปบนภูเขาแล้ว ลมหายใจของเขายังคงสงบนิ่งเป็นปกติ มีเหงื่อซึมเล็กน้อยบนหน้าผาก แค่ยังเทียบกับเฉินผิงอันไม่ได้เท่านั้น ต่างคนต่างหาที่นั่ง เฉินผิงอันหยิบดาบเล่มนั้นของหลี่เป่าผิงออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่ แม้อาเหลียงจะเคยบอกว่าดาบแคบที่เขาตั้งชื่อว่า “ยันต์มงคล” นี้อยู่ในอันดับล่างสุด แต่เฉินผิงอันไม่ใช่คนตาบอด อีกทั้งยังเป็นคนที่ใช้มีดหั่นผักและมีดผ่าฟืนมาจนชิน แม้แต่มีดทับกระโปรงของแม่นางหนิงเขาก็เคยยืมใช้มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง รู้ว่าดาบเล่มนี้ต้องมีมูลค่าสูงแน่ ดังนั้นหากรอบด้านไม่มีคนอื่นอยู่ เขาก็จะต้องหยิบเอาแท่นสังหารมังกรก้อนเล็กที่โผล่มาอย่างน่าประหลาดใจก้อนนั้นออกมาลับคมดาบอย่างระมัดระวัง

หลังจากชักดาบออกจากฝัก เขาก็เอาแท่นสังหารมังกรสีดำแวววาวจุ่มน้ำเบาๆ เฉินผิงอันนั่งยองอยู่ริมธารน้ำแล้วเริ่มลับมีดช้าๆ ท่วงท่าผ่อนคลายไม่รีบร้อน คล้ายปฏิบัติต่อเครื่องปั้นบรรณาการของเมืองเล็กที่เปราะบางน่าทะนุถนอมที่สุด

เฉินผิงอันชอบที่จะตั้งใจทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะหากทำได้ดี เด็กหนุ่มก็จะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ

ก็เหมือนทุกครั้งที่เดินไปบนยอดเขาได้เห็นทัศนียภาพอันกว้างไกล แล้วฝึกยืนนิ่ง ฝึกท่าหมัดเจี้ยนหลู เฉินผิงอันก็จะรู้สึกสบายใจมากที่สุด ทุกครั้งที่ดึงสมาธิและจิตใจกลับคืนมาก็จะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะอยากจะศึกษาวิชาหมัดท่าหลังๆ ให้ได้ลึกซึ้งอย่างถึงแก่น เกิดความเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เรียนทุกอย่างให้สำเร็จได้ในรวดเดียว ทำให้การออกหมัดของตนยิ่งมีเหตุผล ยิ่งรวดเร็วดุดัน มีพลังอำนาจเหมือนกับอาเหลียงตอนที่ทะยานขึ้นฟ้าไปจากจุดพักม้าเจิ่นโถว

ทว่าทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ เฉินผิงอันจะฝึกเดินนิ่งไปเงียบๆ ค่อยๆ สะกดกลั้นความร้อนใจนี้ลงไปทีละนิด บอกกับตัวเองว่าไม่ต้องใจร้อน ต้องสงบ จิตใจต้องสงบ หากใจไม่สงบ คิดแต่จะทำให้เสร็จโดยเร็วก็จะเหมือนการขึ้นรูปเครื่องปั้นที่กลับจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย และทุกอย่างที่ทำมาล้วนต้องเสียเปล่า บางครั้งก็ที่ฝึกเดินนิ่งก็มีช่วงเวลาที่สงบใจไม่ได้ ดังนั้นเฉินผิงอันจึงพลิกเปิดดูแผนที่ฮวงจุ้ย มีครั้งหนึ่งที่เปิดไปเจอเทียบยาสามแผ่นที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งก็คือเทียบยาที่เขียนด้วยลายมือของนักพรตหนุ่มแซ่ลู่ แม่นางหนิงบอกว่าตัวอักษรพวกนี้เขียนได้อย่างไร้รสชาติ เหมือนกับตัวอักษรแบบบรรจงที่พวกบัณฑิตชอบใช้กัน เป็นตัวอักษรที่น่าเบื่อที่สุด

แต่ทุกวันนี้หากเฉินผิงอันว่างเมื่อไหร่ก็จะเอากระดาษสามแผ่นนี้ออกมา มองไปมองมา อ่านไปอ่านมา จิตใจก็สงบลงได้โดยไม่รู้ตัว

แม่นางน้อยชุดผ้าฝ้ายบุนวมสีแดงล้างหน้าตัวเอง เส้นผมหลายเส้นแนบติดอยู่บนหน้าผาก เดินทางไกลมายาวนานขนาดนี้ แม่นางน้อยตากแดดจนผิวเข้มขึ้นหลายส่วน ดังนั้นหน้าผากที่ตอนนี้ไม่มีเส้นผมมาบางจึงดูขาวเกลี้ยงนวลเนียนเป็นพิเศษ หลี่เป่าผิงชอบดูเวลาที่อาจารย์อาน้อยตั้งใจลับดาบ ยามที่ดาบแคบขยับเคลื่อนอยู่บนแท่นสังหารมังกรก็คล้ายว่าระหว่างฟ้าดินนี้หลงเหลือแค่อาจารย์อาน้อยอยู่เพียงคนเดียว ไม่ว่านางมองอย่างไรก็มองไม่เบื่อ

แน่นอนว่าเวลาที่เฉินผิงอันฝึกหมัดตอนเดินทาง ตอนที่เขายืนขวางอยู่เบื้องหน้านางใช้หมัดอธิบายเหตุผลกับคนอื่น ตอนที่เรียนตัวอักษรจากพวกเขา ฯลฯ นางก็ล้วนชอบทั้งหมด

เพียงแค่มีแบ่งเป็นชอบ ชอบมาก ชอบมากยิ่งกว่า ชอบที่สุด

แน่นอนว่าก็มีช่วงเวลาที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ด้วย ทว่าโดยทั่วไปแล้วหลี่เป่าผิงจะลืมได้เร็วมาก

แต่จู่ๆ หลี่เป่าผิงก็นึกถึงตอนอยู่จุดพักม้าเจิ่นโถวที่เมืองหงจู๋ นึกถึงจดหมายฉบับนั้นที่ตนส่งกลับไปที่บ้าน แม่นางน้อยก็รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย

เฉินผิงอันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของแม่นางน้อยจึงถามยิ้มๆ ว่า “ทำไม มีเรื่องในใจหรือ?”

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset