https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 236.2 ดอกไม้เหลืองของบ้านเกิดเป็นสีเหลืองอร่าม

ufac4

เซี่ยสือตบไหล่เด็กหนุ่ม “ไปที่แห่งหนึ่งเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

เด็กหนุ่มคิ้วยาวติดตามบรรพบุรุษของตัวเองไปที่ร้านตระกูลหยาง ตอนที่เดินออกมาบนร่างของเขาก็มี ‘วัตถุจื่อชื่อ’ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งชิ้น รวมไปถึงคำสัญญาข้อหนึ่งที่หยางเหล่าโถวมอบให้

และค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ก็คือคำสัญญาข้อหนึ่งอย่างเท่าเทียมกันจากเทียนจวินเซี่ยสือ

กลับมาถึงลานบ้านขนาดเล็ก เซี่ยสือก็เล่าให้เด็กหนุ่มคิ้วยาวฟังเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุที่เรือคุนเกิดเรื่อง

เด็กหนุ่มเห็นว่าบรรพบุรุษมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงถามด้วยความใคร่รู้ “ท่านบรรพบุรุษ ในเมื่อแจกันสมบัติทวีปของพวกเราคือทวีปที่เล็กที่สุดของใต้หล้าไพศาล อีกอย่างท่านบรรพบุรุษเองก็เป็นผู้นำแห่งลัทธิเต๋าของทวีปที่ใหญ่โตอย่างอุตรกุรุทวีป แล้วยังมีสิ่งใดให้ท่านต้องเป็นกังวลอีก?”

เซี่ยสือส่ายหน้าเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องทางโลกง่ายเกินไปแล้ว วันหน้าย่อมต้องถูกคนนับไม่ถ้วนตะโกนใส่หน้าว่า ‘กุรุทวีปทำอย่างนี้เพราะคิดรังแกแจกันสมบัติทวีปของเราที่ไม่มีทางสู้หรือ?’ ในบรรดาคนที่พูดแบบนี้ เกินครึ่งดีแต่โบกธงโห่ร้องปลุกระดม ดีแต่นั่งดูไฟชายฝั่ง อีกเกือบครึ่งที่เหลือจะหมายมั่นปั้นมืออยากลงมือกับเจ้า และในบรรดาคนอีกเกือบครึ่งนี้ก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กรูกันมาจากสี่ด้านแปดทิศด้วยเหตุผลและเจตจำนงที่แตกต่างกันออกไป ในคนกลุ่มนี้จะต้องมียอดฝีมือที่แท้จริงซุกซ่อนอยู่ ยอดฝีมืออย่าง…คนแบบเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะ อีกทั้งคนเหล่านี้ เมื่อถึงท้ายที่สุดจะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าตอนนี้เจ้าแค่รอดูอย่างเดียวก็พอ สรุปก็คือไม่ว่าเรื่องนี้จะพัฒนาไปในทิศทางใด ก่อนหน้าที่เจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตบนก็อย่าได้ยื่นมือเข้าแทรก แค่ติดตามอยู่ข้างกายหร่วนฉง ฝึกวิชากระบี่ให้สบายใจไปก่อน”

เด็กหนุ่มคิดหนักเหมือนมีเรื่องมากมายให้กังวลใจ เซี่ยสือเห็นเข้าก็หลุดหัวเราะ “ต่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็ไม่มีทางปรากฏภายในปีครึ่งปีนี้ เจ้าจะเป็นกังวลไปทำไม?”

เด็กหนุ่มที่กลัดกลุ้มเป็นทุกข์หมุนกายเดินไปทางประตูเรือน “ท่านบรรพบุรุษ ข้าไปฝึกวิชากระบี่ก่อนล่ะ”

เซี่ยสือนั่งอยู่ข้างโต๊ะหินเพียงลำพัง หลับตาลงคำนวณแนวโน้มของสถานการณ์ในแจกันสมบัติทวีปเงียบๆ

เท้าของเซี่ยสือและเด็กหนุ่มคิ้วยาวก้าวออกจากร้านตระกูลหยางได้ไม่นานเท่าไหร่ เฉาซีก็เดินเข้ามาที่ร้านยา ลูกจ้างในร้านไม่ได้แปลกใจนัก ตอนนี้เมืองเล็กเจริญรุ่งเรือง คนมีเงินมีให้เห็นมากมาย เพิ่มเจ้าอ้วนคนนี้มาสักคนก็ไม่ได้มีอะไรต่างจากเดิม

เฉาซีสอบถามด้วยรอยยิ้มว่าผู้อาวุโสหยางเหล่าอยู่ที่เรือนหลังหรือไม่ ลูกจ้างหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังชั่งน้ำหนักตัวยาอยู่ตรงชั้นวางยาชำเลืองตามามองเศรษฐีร่างอ้วนฉุคนนี้ แล้วพยักเพยิดคางไปยังประตูหลังของห้องโถงใหญ่ที่มีม่านไม้ไผ่ห้อยแขวนอยู่เพราะคร้านจะพูดให้มากความ เฉาซีเอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปทางนั้นช้าๆ เลิกผ้าม่านขึ้นก็เห็นเพดานเปิดอ้ารูปทรงสี่เหลี่ยม รวมถึงระเบียงสี่เส้นที่อยู่ใต้ชายคา เมื่อเทียบกับบ้านบรรพบุรุษสกุลเฉาแล้วดูทันสมัยและงดงามมากกว่าเล็กน้อย

ในระเบียงทางเดินที่อยู่ตรงข้ามกับห้องหลักของเรือนด้านหลังมีม้านั่งยาวตัวหนึ่งวางอยู่ ราวกับว่าเตรียมไว้ให้แขกอย่างเฉาซีโดยเฉพาะ

นอกห้องหลักที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หยางเหล่าโถวกำลังนั่งสูบยาอยู่บนม้านั่ง กระบอกไม้ไผ่สีเขียวถูกกาลเวลาขัดเกลาให้กลายเป็นสีออกเหลืองนานแล้ว มองผ่านม่านควันยาสูบออกไป ผู้เฒ่ามองเห็นเซียนกระบี่ที่เดินทางข้ามทวีปมาจากทักษินาตยทวีปผู้นั้น แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้จักกัน ตอนที่เฉาซีไปจากเมืองเล็ก เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เพียงแต่ว่าเฉาซีกลับมีความทรงจำต่อหยางเหล่าโถวที่หลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังร้านยา นั่งก้นบ่อมองท้องฟ้าปีแล้วปีเล่าผู้นี้เจือจางมาก แต่เชื่อว่าหยางเหล่าโถวต้องไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าปีนั้นที่เขาเดินออกจากถ้ำสวรรค์หลีจูไปได้สำเร็จ ก็อาจเป็นฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ที่จัดการอยู่เบื้องหลัง

เฉาซีมาที่นี่แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ว่าบุญคุณน้ำหนึ่งหยดตอบแทนด้วยน้ำพุหนึ่งสายอยู่แล้ว ต่อให้หยางเหล่าโถวไปหาถึงที่ ก็ไม่แน่เสมอไปว่าเฉาซีจะเต็มใจให้ความสนใจ หยางเหล่าโถวที่อยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจู หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเขตการปกครองหลงเฉวียน ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นแก่หน้าของเขาอยู่หลายส่วน แต่เมื่อเฉาซีทำการค้าครั้งนี้สำเร็จก็จะหวนกลับนาตยทวีป ทำหน้าหนาไปขอค่าตอบแทนจากบุรพาจารย์สกุลเฉินอิ่งอิน ต่อให้ฐานะของหยางเหล่าโถวจะลึกลับสักแค่ไหน ในอนาคตเขาที่อยู่ในแจกันสมบัติทวีปจะร้ายกาจสักเท่าไหร่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเฉาซี

ส่วนสกุลเฉาที่เป็นนายพลเอกเสาหลักค้ำราชวงศ์ต้าหลี ในอนาคตจะโชคดีหรือโชคร้ายก็อยู่ที่บุพเพวาสนาของพวกเขาเอง อย่างมากก่อนจะจากไปเฉาซีก็แค่ช่วยเหลือพอเป็นพิธีเท่านั้น ส่วนข้อที่ว่าฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลีจะรับน้ำใจหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เฉาซีมีลูกหลานจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วนับประสาอะไรกับที่การฝึกตนไม่ได้ฝึกเพื่อให้มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง คำกล่าวที่ว่าไก่และหมาพากันได้ขึ้นสวรรค์ (มาจากสำนวนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ ไก่และหมาพากันขึ้นสวรรค์ เปรียบเปรยว่าเมื่อคนหนึ่งได้ดี ลูกหลานบริวารก็ได้ดีตามไปด้วย) ก็เป็นแค่ของรางวัลที่ได้มาเพิ่มพิเศษเท่านั้น

คำถามแรกของเฉาซีก็คือ “ผู้อาวุโสหยางเหล่า ท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานหลายพันปี ในถ้ำสวรรค์หลีจูที่มีขนาดเล็กสุดในบรรดาถ้ำสวรรค์ทั้งหลายของใต้หล้าแห่งนี้ คนที่เดินออกไปภายใต้เปลือกตาของเจ้า ใครที่ประสบความสำเร็จสูงสุด?”

หยางเหล่าโถวถามกลับ “เจ้านับเป็นต้นหอมต้นไหน?” (เป็นคำดูหมิ่น คล้ายประโยคว่า คิดว่าตัวเองเป็นใคร?)

เฉาซีชูข้อมือ เผยให้เห็นข้อมือขาวอวบท่อนหนึ่ง ด้านบนรัดเชือกสีเขียวมรกตไว้หนึ่งเส้น พูดพลางหัวเราะฮ่าๆ “ในนี้มี ‘หอมต้นหนึ่ง’ อยู่จริงๆ”

หยางเหล่าโถวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “มีลมก็รีบผาย”

เฉาซีลดมือลง รีบเปลี่ยนสีหน้าเสียใหม่ กล่าวด้วยน้ำเสียงประจบว่า “ผู้อาวุโสหยางเหล่า ผู้น้อยได้ยินมาว่าท่านมีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่เลิศล้ำ ไม่ทราบว่าท่านรู้หรือไม่ว่าวิญญาณของมารดาข้าอยู่ที่ไหน? สลายไปท่ามกลางฟ้าดิน หรือว่าไปเกิดใหม่แล้ว? หรือว่า…ถูกท่านผู้อาวุโสแอบเก็บเอาไว้ เพื่อรอให้ราคาสูงแล้วค่อยขาย?!”

หยางเหล่าโถวไม่สนใจคำพูดช่วงท้ายที่ซ่อนนัยยะทิ่มแทงของเซียนกระบี่พสุธาผู้นั้น เขากล่าวเข้าประเด็นทันทีว่า “เจ้าเฉาซีคิดจะจ่ายเงินซื้อ? ขอแค่เจ้าให้ราคาที่สูงมากพอ อย่าว่าแต่แม่เจ้าเลย ต่อให้เป็นพ่อเจ้าก็ยังไม่มีปัญหา”

เฉาซีหัวเราะเสียงดัง มือข้างหนึ่งชี้ไปยังผู้เฒ่าที่พ่นควันโขมงอยู่อีกฟากหนึ่ง “ผู้อาวุโสหยางเหล่าเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ดีๆๆ! ครั้งนี้นับว่าไม่มาเสียเที่ยว! หึหึ เพียงแต่ไม่รู้ว่าชีวิตของท่านผู้อาวุโสมีค่ามากเท่าไหร่?”

หยางเหล่าโถวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คิดจะทำการค้าก็ยินดีต้อนรับ แต่เมื่อมาเยือนถึงบ้าน ได้พบหน้ากันแล้ว ไม่ยอมควักเงิน ก็รีบไสหัวไปให้ไกล”

เฉาซีได้ยินแล้วก็หรี่ตาลง ถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าด้วยกันเบาๆ ทั้งสองมือ ท่าทางของเขาจึงดูน่าขันอย่างถึงที่สุด

แต่ปราณสังหารกลับแผ่ออกมาเด่นชัด

หยางเหล่าโถวไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

แล้วจู่ๆ เฉาซีก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่น “การค้าย่อมทำได้ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาข้าเฉาซีชอบทำการค้ากับคนอื่นมากที่สุด เพียงแต่หวังว่าราคาของท่านผู้อาวุโสจะไม่สูงมากเกินไป เพราะข้าคงไม่ซื้อแน่ๆ ข้าเป็นคนอย่างไร ผู้อาวุโสหยางเหล่าอาจจะยังไม่แน่ใจนัก เพื่อการฝึกตนแล้ว บุตรชายและหลานชายแท้ๆ ก็ยังขายแลกเงินได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้รวยแล้ว เจริญรุ่งเรืองแล้ว สวมผ้าแพรกลับบ้านเกิด เห็นสิ่งของก็ให้คิดถึงคน ถึงได้เกิดความอาลัยอาวรณ์เล็กๆ น้อยๆ นั่นขึ้นมา”

หยางเหล่าโถวเอ่ยเนิบช้า “มีเด็กคนหนึ่ง ชื่อหลี่หลิ่ว ติดตามพ่อแม่ของนางไปที่กุรุทวีป ดวงวิญญาณของพ่อแม่เจ้าตอนนี้ล้วนอยู่กับนาง หากเจ้าคิดจะทำการค้าอย่างยุติธรรม ข้าก็จะทำกับเจ้า รับรองว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ถึงเวลานั้นจะมอบคืนให้เจ้าครบทั้งหัวทั้งหาง แน่นอนว่าหากเจ้ากลับคำ คิดจะบังคับแย่งชิงไปก็ได้ ตอนนี้เจ้าสามารถหมุนตัวเดินจากไปได้เลย หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็รอรับผลลัพธ์ที่จะตามมาเอาเอง”

เฉาซีหน้ามุ่ย “ครบทั้งหัวทั้งหาง…ผู้อาวุโสหยางเหล่าท่านพูดไม่น่าฟังเอาซะเลย เอาเถอะ ท่านเปิดราคามาได้เลย”

หยางเหล่าโถวใช้กระบอกยาสูบชี้ไปที่ข้อมือของเฉาซี

เฉาซีพลันเดือดดาลอย่างรุนแรง “หมายความว่าไง? จะให้ข้าผู้อาวุโสมอบกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตเล่มนี้ให้กับเด็กหลี่หลิ่วนั่น?! หยางเหล่าโถว เจ้าเสียสติไปแล้วหรือไง?”

หยางเหล่าโถวชำเลืองตามามอง ก่อนพูดต่อว่า “กระบี่บินเล่มที่เจ้าได้ครอบครองก่อนจะหลอมแม่น้ำสายใหญ่สายนี้ได้ คงยังเก็บเอาไว้ตลอดกระมัง เจ้าสามารถมอบมันให้กับหลี่หลิ่ว จำไว้ว่าแม้แต่คาถากระบี่เจ้าก็ต้องถ่ายทอดให้นางไปพร้อมกันด้วย”

สีหน้าของเฉาซีเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างเอาแน่เอานอนไม่ได้

หยางเหล่าโถวแค่นเสียงเย็น “อย่าได้รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบ ชั่วชีวิตนี้เจ้าไม่เคยได้รับลูกศิษย์ดีๆ สักคน นี่เท่ากับข้าช่วยหาให้เจ้าคนหนึ่งโดยไม่คิดค่าตอบแทน ไม่แน่ว่าในอนาคตเมื่อทุกคนพูดถึงเจ้าเฉาซี อาจจะกล่าวว่า ‘เฉาซีน่ะหรือ เขาก็คืออาจารย์ของหลี่หลิ่ว’ ก็เป็นได้”

เฉาซีรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย ถูมือจุ๊ปากพูด “นังหนูนั่นร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?”

หยางเหล่าโถวกระตุกมุมปาก “ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรไปหานางด้วยตัวเอง ตอนที่มอบกระบี่บินเล่มนั้นให้นาง เชื่อว่าเจ้าจะยินยอมพร้อมใจอย่างยิ่ง”

“การค้าครั้งนี้ ข้าผู้อาวุโสตกลงทำ! จะเดิมพันก็ต้องเดิมพันให้ใหญ่ นี่ต่างหากถึงจะเหมาะสมกับฐานะเซียนกระบี่ของข้าผู้แซ่เฉา!”

เฉาซีตบเข่าฉาด ลดระดับน้ำเสียงลงเล็กน้อย “นอกจากนี้ล่ะ? เจ้าและข้ายังมีการค้าอะไรที่ทำด้วยกันได้อีกไหม?”

น้ำเสียงของหยางเหล่าโถวราบเรียบ “ดวงวิญญาณของพ่อเจ้า”

เฉาซีตะลึง จากนั้นก็ค้อนตาคว่ำ “เลิกพูดๆ ให้เปล่าข้ายังไม่ต้องการเลย”

หยางเหล่าโถวเริ่มพ่นควันโขมงอีกครั้ง “ในเมื่อไม่เอาก็เปลี่ยนเป็นอันใหม่ เจ้าไปหาหม่าขู่เสวียนที่ภูเขาเจินอู่ ไปเป็นผู้ปกป้องมหามรรคาของเขา ภายในยี่สิบปีนี้ ไม่ต้องคอยจับตามองเขาตลอดเวลา นับรวมๆ กันแล้วแค่เจ้าเฉาซีทำให้ได้ครบสิบปีก็พอ”

เฉาซีหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม “เซียนกระบี่คนหนึ่งที่มีหวังจะเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสอง ต้องไปเป็นผู้ปกป้องมหามรรคาให้เด็กคนหนึ่ง?! ข้าเฉาซีช่างไม่รักศักดิ์ศรี ไม่รักหน้าตาเอาซะเลย แม้ว่าอยู่ที่นาตยทวีปจะมีชื่อเสียงด้านความหน้าด้านไร้ยางอาย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรักษาหน้าตาเอาไว้บ้างสิ!”

หยางเหล่าโถวพูดเสียงหนัก “บอกให้เฉาจวิ้นไปเข้าร่วมกองทัพต้าหลี ฝึกขัดเกลาจิตแห่งกระบี่ที่แตกพังอยู่ในสนามรบ ข้าสามารถให้คนแอบปกป้องเขาอย่างลับๆ ยี่สิบปี จนกระทั่งจิตแห่งกระบี่ของเขาถูกซ่อมแซมจนสมบูรณ์แบบ”

สีหน้าของเฉาซีเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

หยางเหล่าโถวหลุดหัวเราะพรืด “ได้ผลประโยชน์ไปแล้วก็อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสา ศักดิ์ศรีน้อยนิดของเจ้าเฉาซี กับเซียนกระบี่พสุธาที่จะเพิ่มมาในตระกูลอีกคนหนึ่ง อะไรที่มีค่ามากกว่ากัน?”

เฉาซีทำสีหน้าลำบากใจ “เจ้าเด็กเฉาจวิ้นผู้นั้น แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นพวกคนเนรคุณ ปล่อยให้เขาได้กลายเป็นเทพเซียนพสุธา เขาจะไม่ก่อกบฏเลยหรือ? ตระกูลเฉาร้ายกาจแล้ว ตระกูลเดียวมีเซียนกระบี่ตั้งสองคน ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนก็สามารถเป็นคนยืนยืดเอวได้ตรง อ้อไม่ถูกสิ ต้องเป็นเทพเซียน แต่บรรพบุรุษอย่างข้าไม่แน่ว่าอาจจะถูกเจ้าเด็กนั่นคิดบัญชีย้อนหลัง…”

หยางเหล่าโถวไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเขาเรื่องนี้ พูดเข้าประเด็นโดยตรงว่า “หลังจากเฉาจวิ้นกลายเป็นเซียนกระบี่พสุธาแล้ว จำเป็นต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง วางใจเถอะ ไม่ได้ให้เขาไปตายหรอก และสำหรับเฉาจวิ้นในเวลานั้นแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากสักเท่าไหร่”

เฉาซีรู้สึกสงสัยเล็กน้อยจึงถามว่า “ผู้อาวุโสหยางเหล่า ทำไมเจ้าถึงไม่ไปหาเฉาจวิ้นโดยตรง? ระหว่างนี้คงไม่ได้มีแผนเล่นงานอะไรหรอกนะ? จะอย่างไรพวกเราสองคนก็ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันครึ่งตัว คนบ้านเดียวกันเจอคนบ้านเดียวกันก็ไม่ควรซาบซึ้งใจจนน้ำตาคลอหรอกหรือ ไม่ควรจะทำร้ายคนบ้านเดียวกันหรอกกระมัง?”

หยางเหล่าโถวตัดบทตอบตามตรง “ตอนนี้เฉาจวิ้นยังไม่มีคุณสมบัติจะมาคุยเรื่องค้าขายกับข้า แต่เจ้าเฉาซีมี”

เฉาซีพูดไม่ออกเป็นนาน

สุดท้ายตอนที่เดินออกมาจากร้านตระกูลหยาง เฉาซีมายืนอยู่บนถนนเส้นใหญ่ หันหลังกลับไปมองร้านยาแวบหนึ่งแล้วพึมพำกับตัวเอง “เรื่องพวกนี้ คงไม่ได้เป็นแผนการของตาเฒ่าเฉินฉุนอันด้วยหรอกนะ?”

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset