https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 302.2 เสียใจ

ufac4

จิตหยินที่น่าสงสารเหมือนจอกแหนไม่สมประกอบใบหนึ่งที่ถูกปราณกระบี่ไหลบ่ากระแทกผ่านไป

บนโลกนี้ไม่เหลือร่องรอยของผู้เฒ่าอีกแม้แต่นิดเดียว

หลังจากฟันกระบี่ออกไปได้สำเร็จ เฉินผิงอันในตอนนี้ก็มีสภาพอเนจอนาถดั่งตะเกียงที่น้ำมันแห้งขอด แขนทั้งแขนข้างที่ถือกระบี่ ‘ปราณยาว’ เหลือให้เห็นเพียงกระดูกขาวโพลน เป็นเหตุให้นิ้วทั้งห้ากำด้าม ‘ปราณยาว’ ไม่อยู่ กระบี่ยาวร่วงตกลงไปบนพื้น ไม่เพียงแค่นี้ร่างทั้งร่างของเฉินผิงอันก็ร่วงลงมาอย่างหมดเรี่ยวแรงด้วย

ชูอีสืออู่เต็มไปด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย บินวนอยู่รอบร่างที่กำลังร่วงลงกระแทกพื้น แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

ยังดีที่ลู่ไถซึ่งมียันต์ดอกบัวพลิบานอยู่บนมือและเท้าพุ่งเข้ามารับตัวของเฉินผิงอันกลางทาง สุดท้ายประคองให้เขายืนบนกระบี่บินที่ค่อยๆ ลดระดับลง ส่วนตัวลู่ไถเองนั้นยืนอยู่กลางอากาศนอกกระบี่บิน ชายแขนเสื้อกว้างใหญ่โบกสะบัดรุนแรง

ลู่ไถมองเฉินผิงอันที่สภาพน่าสังเวชก็ทั้งสงสาร ทั้งโมโห “เฉินผิงอัน เจ้ามุทะลุเกินไปแล้ว! ชีวิตนี่ยังจะเอาไว้ไหม ปล่อยให้เขาหนีไปแล้วอย่างไร แค่วิญญาณหยินกลุ่มเดียวเท่านั้น คิดจะคืนชีพกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีหรืออาจถึงขั้นเป็นร้อยปี ถึงเวลานั้นเจ้ากับข้ายังต้องกลัวเขาอีกงั้นรึ?!”

เฉินผิงอันเบี่ยงศีรษะไปถ่มเลือดออกจากปากหนึ่งคำ และยังมีแก่ใจไล่สายตามองตามก้อนเลือดไปอีกนาน ทำเอาลู่ไถที่มองดูอยู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เฉินผิงอันดึงสายตากลับมา หันหน้าไปมองสนามรบกลางอากาศที่ผู้ฝึกตนเฒ่าตายไป ไม่ได้มีสีหน้าลำพองใจที่ประสบความสำเร็จ “ข้ากำลังไล่ฆ่าคนนี่นา”

ลู่ไถรีบควักขวดกระเบื้องใบหนึ่งออกมา เทยาทาที่มีกลิ่นหอมอีกทั้งเนื้อยายังเข้มข้นออกมากลางฝ่ามือ แล้วค่อยๆ เทลงไปบนแขนข้างที่สภาพน่าสยดสยองจนแทบทนมองไม่ได้ของเฉินผิงอัน ต่อให้เป็นเฉินผิงอันที่ทนกับความลำบากได้ดีก็ยังแสยะปากแยกเขี้ยว ลู่ไถช่วยอธิบายให้เบาๆ ว่า “ทนเอาหน่อย มันสามารถทำให้กระดูกของคนมีเนื้องอกขึ้นมาใหม่ได้”

ลู่ไถสังเกตเห็นว่าเฉินผิงอันกำลังกวาดตามองไปรอบด้านคล้ายกำลังมองหาอะไรอยู่ จึงเข้าใจได้ทันควัน พูดเสียงขุ่นว่า “เมื่อครู่นี้ข้าช่วยรับกระบี่ยาวและเชือกพันธนาการปีศาจไว้แทนเจ้า ตอนนี้อยู่ในเข็มขัดหลากสีของข้าชั่วคราว แต่บอกให้รู้ไว้ก่อนว่าเชือกพันธนาการปีศาจเสียหายหนักมาก ต้องจ่ายเงินเกล็ดหิมะไม่น้อยถึงจะสามารถซ่อมแซมมันได้เป็นปกติดังเดิม แต่เจ้าก็วางใจเถอะ เงินก้อนนี้ข้าต้องเป็นคนออกให้แน่นอน”

เฉินผิงอันโล่งอก จากนั้นก็ถามต่อทันที “แล้วกวานสูงชิ้นนั้นล่ะ?”

ลู่ไถเหลือกตามองสูง “ใต้ฝ่าเท้าพวกเราคือผืนป่า ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเจอเข้าหรอก หาเจอง่ายนักล่ะ”

คนสองคนบนกระบี่บินเล่มเดียวกันค่อยๆ ลดตัวลงบนพื้น

เฉินผิงอันถอนหายใจ เบาะรองนั่งใบนั้นถูกทำลายไปแล้ว น่าเสียดายไม่น้อย การกำจัดปีศาจปราบมารครั้งนี้สุดท้ายกลับเหลือแค่กวานสูงห้าขุนเขาชิ้นเดียว

แต่สำหรับก่อนหน้านี้ที่ ‘ทวนกระแส’ ดึงดันจะสังหารผู้ฝึกตนเฒ่าให้ตายคาที่ ถือว่ามีประโยชน์ต่อการหล่อหลอมเรือนกายและจิตวิญญาณของเฉินผิงอันมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าวิถีวรยุทธ์ขอบเขตสี่ของตัวเอง ‘จม’ ลงไป ไม่ได้เป็นความรู้สึกเหมือนมายาล่องลอยที่จับต้องไม่ได้อีก

การเปลี่ยนแปลงหรือควรจะพูดว่าโอกาสในครั้งนี้คล้ายคลึงกับการเลือกของเทพหยินบิดากู้ช่านระหว่างเดินทางไกลไปต้าสุยอย่างมาก

เฉินผิงอันรู้สึกว่าการเข่นฆ่าครั้งนี้ ต่อให้ไม่มีกวานห้าขุนเขาอันนั้น ต่อให้เชือกพันธนาการปีศาจจะพังภินท์ลงอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ถือว่าขาดทุน

ตอนนี้ยังได้กำไรก้อนโตด้วย

ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่ชือซินกระบี่ยาวที่เปี่ยมไปด้วยปราณแห่งความชั่วร้ายเล่มนั้น ตอนนี้ระดับขั้นเพิ่มขึ้นไปสูงมาก หากเอาไปขายต่อก็มีแต่เงินทั้งนั้น

แต่ถึงอย่างไรสมบัติอาคมบนโลกใบนี้ก็เป็นแค่ของนอกกาย มีเพียงวิชาหมัดและเวทกระบี่เท่านั้นที่ถึงจะเป็นต้นทุนในการหยัดยืนที่เฉินผิงอันอยากคว้าไว้ให้อยู่มืออย่างแท้จริง

ลู่ไถพลันเอ่ยขึ้นกลั้วหัวเราะ “กวานห้าขุนเขาอันนั้นสวยมากจริงๆ ดูเหมือนว่าตาแก่นั่นยังไม่เคยสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของมันออกมาได้ คงไม่รู้ภูมิหลังที่แท้จริงของกวานห้าขุนเขานี้ เดี๋ยวพอข้ากลับไปทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเมื่อไหร่ จะไปที่หอหนังสือของตระกูลแล้วพลิกเปิดหาตำราภูมิศาสตร์ดูหลายๆ เล่มหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง”

เฉินผิงอันพูดพลางหัวเราะพลาง “ใช้ได้เลยนะเจ้า นี่คือหมายความว่าอยากเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองสินะ แค่เจ้าบิดก้นก็รู้แล้วว่าเจ้าจะผายลมอะไรออกมา”

ลู่ไถพูดเสียงขุ่น “เฉินผิงอัน จะดีจะชั่วเจ้าก็เคยอ่านตำราอริยะปราชญ์มาบ้าง ช่วยพูดจาให้สุภาพหน่อยได้ไหม?”

เฉินผิงอันร้องโอ้ยหนึ่งที “บุรุษตัวโตๆ สองคน จะมัวพิถีพิถันกับเรื่องพวกนี้ไปทำไม?”

ลู่ไถตวัดตามองค้อน

ต่อให้เดินทางมาร่วมกัน หากนับรวมช่วงที่โดยสารปลาวาฬกลืนสมบัติจากภูเขาห้อยหัวมาถึงใบถงทวีปก็เป็นระยะทางหลายพันลี้ แต่เฉินผิงอันก็ยังรู้สึกทนรับท่าทางแบบนี้ของเขาไม่ได้อยู่ดี

คนทั้งสองพลิ้วกายลงกลางผืนป่านอกป้อมอินทรีบิน จิตของลู่ไถขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อย ม่ายกวางกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตก็พุ่งสวบจากไป

ลู่ไถเป็นฝ่ายเปิดเผยความลับของตัวเองให้เฉินผิงอันฟังว่า “เมื่อเทียบกับเจินเจียนแล้ว พลังการต่อสู้ของม่ายกวางค่อนข้างธรรมดา แต่ตอนที่ม่ายกวางถือกำเนิดก็มีวิชาอภินิหารที่หายากอย่างการ ‘ค้นหาสมบัติ’ ติดตัวมาด้วย”

“ได้ยินไหม เป็นกระบี่บินเหมือนกัน แต่ของคนอื่นเขากลับไม่เหมือนกัน” เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่พูดยิ้มๆ ชูอีกับสืออู่กลับเข้ามาซ่อนตัวอยู่ข้างในแล้ว

แต่ว่าครั้งนี้ต่อให้เป็นชูอีก็ยังไม่ระบายความขุ่นเคืองใส่เฉินผิงอัน คงเป็นเพราะศึกตัดสินเป็นตายในครั้งนี้ไม่เหมือนสองครั้งตอนที่อยู่ในศาลเทพอภิบาลเมืองและตอนที่อยู่เหนือกองทัพนับหมื่น คุณความชอบของพวกมันมีไม่มาก

แต่สาเหตุที่แท้จริงยังคงเป็นเพราะ แม้ปากของเฉินผิงอันจะพูดว่าอิจฉาคนอื่น แต่ลึกๆ ในใจกลับยังคงซาบซึ้งใจในตัวของชูอีและสืออู่อย่างมาก

เฉินผิงอันนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ชำเลืองตามองแขนที่กระดูกขาวโผล่อย่างน่ากลัวแล้วเบ้ปาก

ลู่ไถตาแดงก่ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วก็เหมือนว่าจะเงียบขรึมไป

เฉินผิงอันปรายตามองเขา “เจ้าน้ำตาเป็นผู้หญิงไปได้!”

ลู่ไถอึ้งตะลึง

เฉินผิงอันจึงหัวเราะ หัวเราะอย่างอารมณ์ดีมาก

ตอนอยู่เรือนไม้ไผ่บนภูเขาลั่วพั่ว เฉินผิงอันเคยถูกผู้เฒ่าเปลือยเท้าด่าทำนองนี้มาก่อน ตอนนั้นเขาเสียใจมาก

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าพอด่าคนอื่นแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน

ลู่ไถมองเฉินผิงอันที่หัวเราะเสียงดังอย่างร่าเริง ในใจก็พลอยรู้สึกสงบตามไปด้วย เขานั่งลงตรงข้ามกับเฉินผิงอัน ถามว่า “ทำไมต้องสู้สุดชีวิตขนาดนี้ด้วย?”

เฉินผิงอันทำสีหน้าจริงจัง “ก่อนหน้านี้พวกเราก็ตกลงกันไว้แล้วไม่ใช่หรือว่า เจ้าไปที่หอหลักของป้อมอินทรีบิน ข้ามารับมือที่ทะเลเมฆ เรื่องที่รับปากเจ้าไปแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้สำเร็จไม่ใช่หรือ? แล้วนับประสาอะไรกับที่ภายหลังผู้เฒ่าลัทธิมารคนนั้นตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะสังหารข้า ข้าไม่ทุ่มสุดชีวิตก็ต้องตาย ยังจะทำยังไงได้อีก”

เฉินผิงอันหยุดชะงักไปชั่วครู่ ทำท่าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก็พูดเสริมไปว่า “ในเมื่อต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับคนอื่น คิดถึงผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนย่อมไม่ผิด หากเชือกพันธนาการปีศาจถูกทำลายไปจริงๆ ข้าก็ไม่มีทางโทษเจ้า เพราะนั่นเป็นการตัดสินใจของข้าเอง ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่พวกเรารับมือกับกลุ่มคนที่มาดักปล้นชิงทรัพย์ ข้ารู้สึกว่าสามารถหยุดมือได้แล้ว แต่เจ้าก็ยังไล่ตามไปฆ่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง ก็คือหลักการเดียวกัน”

ลู่ไถเอ่ยขอโทษ “เข็มขัดเส้นนั้นเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตของข้า ขอโทษด้วยนะ”

เฉินผิงอันโบกมือบอกให้ลู่ไถรู้ว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร เห็นว่าลู่ไถมีสีหน้าหม่นหมองก็ยิ้มปลอบใจเขา “นี่ไม่ได้เป็นเพราะข้าไม่แยแส แต่เป็นเพราะข้าเต็มใจเชื่อเจ้า ถึงได้รู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องเมื่อเจ้าทำไปแล้ว แสดงว่าเจ้าเองก็ต้องชั่งน้ำหนักและคิดใคร่ครวญมาดีแล้ว ระหว่างสหาย ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ”

ลู่ไถน้ำตาคลอขึ้นมา เฉินผิงอันจึงพูดด้วยความปรารถนาดีว่า “เจ้าน่ะ ไม่ใช่ผู้หญิง เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากจริงๆ เมื่อก่อนข้ามีสหายในยุทธภพอยู่สองคน ก็คือนักพรตหนุ่มและจอมยุทธ์เคราดกที่เคยเล่าให้เจ้าฟังนั่นแหละ ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้ พวกเขาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยแบบเจ้าเลย เจ้าขี้เกรงใจเกินไปแล้ว”

คนคนหนึ่งที่เห็นคนอื่นเป็นสหายไปทั่ว มักจะไม่มีสหายที่แท้จริง

คนคนหนึ่งที่ปากชอบเรียกขานคนอื่นว่าพี่น้อง แท้จริงแล้วในใจกลับไม่เคยเห็นใครเป็นพี่น้อง

ดังนั้นลู่ไถจึงรู้ดีว่าคำว่า ‘สหาย’ ที่หลุดออกมาจากปากของเฉินผิงอันนี้ มีน้ำหนักมากแค่ไหน

มากจนสามารถฝากความเป็นความตายไว้ให้ได้!

และในความเป็นจริงแล้วเฉินผิงอันก็ทำอย่างนี้จริงๆ ตอนที่ผู้เฒ่ากวานสูงใช้ห้าขุนเขากดทับลงมา ขอแค่ลู่ไถลงมือช้ากว่านั้นอีกสักหน่อย ต่อให้เฉินผิงอันหลบอยู่ในหลุมใหญ่ใต้ ‘ตีนเขา’ ก็ยังต้องถูกปราณวิญญาณกดกำราบ หายใจไม่ออกตายอยู่ในนั้น

พอลู่ไถคิดถึงเรื่องนี้ก็เริ่มกลัดกลุ้มทุกข์ใจคิดมาอีก ท่าทางจึงยิ่งเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่

เพราะตอนนั้นที่อยู่ในลานบ้านขนาดเล็ก เขาคือผู้ฟังคนเดียวที่ได้ยินเฉินผิงอันเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับความฝันและความปรารถนาจากปากของเขาเอง

ดังนั้นลู่ไถจึงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เฉินผิงอัน การแบ่งของกันครั้งนี้ ข้าจะต้องทำให้เจ้าได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแน่นอน”

เฉินผิงอันเหลือกตามองสูง คร้านจะพูดให้เปลืองน้ำลายอีก

เงียบงันกันไปนาน

มีเพียงแสงแดดของฤดูใบไม้ร่วงที่ส่องลอดผ่านร่องใบไม้ที่แน่นหนาลงมาในผืนป่า

ในที่สุดลู่ไถก็พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “เฉินผิงอัน เจ้ากลัวตาย ข้ากลัวการมีชีวิตอยู่ เจ้าว่าพวกเราหัวอกเดียวกันไหม?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว ข้าเป็นลูกผู้ชายกว่าเจ้าเยอะ”

กว่าลู่ไถจะยอมพูดความในใจกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย ผลกลับกลายเป็นว่าถูกสาดน้ำเย็นใส่หน้า จึงพลันโมโหเดือด “เฉินผิงอัน! ทำไมเจ้าถึงได้น่าเบื่อขนาดนี้!”

เฉินผิงอันกะพริบตาปริบๆ “ข้าเป็นผู้ชายเต็มตัว จะต้องการให้ผู้ชายอีกคนมารู้สึกว่าข้าน่าสนใจไปทำไม ข้าเป็นบ้าหรือไง?”

ลู่ไถพูดเสียงหงอย “ก็ได้ ข้าบ้าเอง”

จากนั้นเขาก็พูดพึมพำเสียงเบาราวเสียงยุง “ขนาดตัวข้าเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”

เฉินผิงอันที่เงี่ยหูฟังถึงกับอึ้งตะลึง “หมายความว่าไง?”

ลู่ไถทิ้งตัวไปด้านหลัง นอนหงายลงบนพื้น “ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ ข้าก็คือตัวประหลาด ตั้งแต่เล็กจนโต คนที่รู้ความลับนี้มีแค่พ่อแม่ข้า อาจารย์อีกสองคน แล้วก็บรรพบุรุษของตระกูลอีกหนึ่งคน เจ้าคือคนที่หก พอขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้ว ข้าถึงจะสามารถ…”

กล่าวมาถึงช่วงท้าย เฉินผิงอันก็ได้ยินไม่ถนัดแล้ว

เฉินผิงอันต้องข่มกลั้นความอยากรู้ไว้เป็นนาน

ลู่ไถที่เงยหน้ามองเหม่อไปบนท้องฟ้าถึงพูดว่า “อยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะ ในเมื่อข้าเอ่ยออกมาแล้วย่อมสามารถยอมรับทุกความคิดเห็นของเจ้าได้”

เฉินผิงอันขยับตำแหน่งมานั่งใกล้ลู่ไถ เอ่ยถามเบาๆ ด้วยความอยากรู้ แต่ก็อดรู้สึกลำบากใจไปด้วยไม่ได้ “เวลาที่ผู้หญิงเป็นวันนั้น เจ็บปวดมากเลยใช่ไหม?”

ลู่ไถเหมือนถูกฟ้าผ่า หันหน้าดำทะมึนกลับมา พูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ทำไมเจ้าไม่ไปถามแม่นางคนนั้นที่เจ้าชอบล่ะห๊ะ?!”

เฉินผิงอันยกมือเกาหัวโดยไม่รู้ตัว “ข้ากล้าเสียที่ไหน”

ลู่ไถพลันหัวเราะ ชี้ไปที่แขนข้างนั้นของเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันสบถหนึ่งคำแล้วรีบวางแขนข้างที่เลือดเนื้อกำลังงอกช้าๆ ลง เจ็บชะมัด

คนทั้งสองเงียบงันกันไปอีกครั้ง

ตอนที่ลู่ไถลุกขึ้นนั่งพลันสังเกตเห็นว่าเจ้าหมอนั่นกำลังเสียใจ แถมยังเป็นความเสียใจที่มากล้นอีกด้วย

ลู่ไถรู้สึกเหลือเชื่อ

ไม่รู้ว่าใต้หล้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้เฉินผิงอันคิดไม่ตกได้ขนาดนี้

เห็นเพียงว่าบนหัวเข่าของเฉินผิงอันวางตราประทับเล็กๆ อันหนึ่งที่ลู่ไถไม่เคยเห็นมาก่อน

วันนี้หายนะใหญ่มาเยือนป้อมอินทรีบิน แต่สุดท้ายพวกเขาก็รอดมาได้อย่างปลอดภัย

และเขาเฉินผิงอันก็ยังมีชีวิตอยู่

ถ้ำสวรรค์หลีจู

ทุกคนเองก็อยู่อย่างเป็นสุขปลอดภัย ถึงขั้นที่ว่าขนาดเด็กบ้านนอกอย่างเขาเฉินผิงอันก็ยังได้ออกมาท่องยุทธภพไกลขนาดนี้

เพราะพวกเรามีอาจารย์ฉี

แล้ว

อาจารย์ฉีล่ะอยู่ที่ไหน?

—–

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset