https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

ตอนที่ 381.1 หลังจากแยกย้ายก็จะได้กลับมาพบกันใหม่

ufac4

เฉินผิงอันมาที่โต๊ะกินข้าวของประมุขสกุลเฉินแล้วนั่งลงตรงตำแหน่งของจางซานเฟิง บอกกับสวีหย่วนเสียอย่างง่ายๆ ว่าจางซานเฟิงถูกอาจารย์ของเขาพาตัวไปแล้ว สำหรับจอมยุทธ์เคราดกแล้ว อย่าว่าแต่เรื่องการจากลาเลย ในอดีตเขาเคยมีชาติกำเนิดอยู่ในสนามรบ เรื่องความเป็นความตายล้วนเห็นมาจนชินแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเศร้าใจเท่าไหร่นัก เฉินผิงอันดื่มเหล้าร่วมกับสวีหย่วนเสียสองสามจอก ก่อนจะมาที่โต๊ะกินข้าว ในมือเฉินผิงอันหิ้วเหล้าหมักกุ้ยฮวาสองกา กาหนึ่งมอบให้แก่ผู้เฒ่าที่สวมชุดคลุมตัวยาว ส่วนอีกกาหนึ่งเอามาดื่มร่วมกับสวีหย่วนเสีย

ผู้เฒ่าดื่มเหล้าเกาเหลียงที่หมักเองมาทั้งชีวิต ความทรงจำที่มีต่อเหล้าจึงเป็นประมาณว่าแสบร้อนลำคอ เผาไหม้ท้องไส้ แถมยังเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาจึงบอกให้อาจารย์ที่สอนหนังสือซึ่งนั่งอยู่ข้างกายบอกกับเฉินผิงอันด้วยภาษาทางการของแจกันสมบัติทวีปว่าเหล้านี่น่าจะแพงมาก เพียงแต่รสชาติอ่อนนุ่มไปหน่อย ไม่แรงพอ ขาดรสชาติบางอย่างไป ให้สตรีในหมู่บ้านดื่มน่าจะกำลังดี สำหรับเรื่องนี้เฉินผิงอันก็ได้แต่จนใจ สวีหย่วนเสียรู้ดีถึงความล้ำค่าของเหล้าหมักกุ้ยฮวาว่าเป็นเหล้าตระกูลเซียนที่สามารถต่ออายุขัยให้คนธรรมดาได้ เหล้ากาเล็กกานี้ ต่อให้เอาเหล้าเกาเหลียงทั้งหมู่บ้านมารวมกันก็ยังซื้อไม่ได้ ผลกลับถูกผู้เฒ่าชุดคลุมยาวพูดซะเสียหาย ชายฉกรรจ์เคราดกได้ยินแล้วเกือบจะสำลักตาย

พอกินอาหารแล้ว เฉินผิงอันกับสวีหย่วนเสียก็ไปเดินเล่นอยู่ในหมู่บ้านที่เงียบสงบ หลังจากเฉินผิงอันคืนมีดสั้นเล่มนั้นแล้ว สวีหย่วนเสียก็เก็บมีดสั้นลงไป ได้ยินคำอธิบายถึงอาจารย์ของจางซานเฟิงจากปากเฉินผิงอัน สวีหย่วนเสียก็ตกตะลึงอย่างมาก “การย่อพื้นที่ให้หดสั้นของผู้ฝึกลมปราณ เดิมทีก็มีต้นกำเนิดมาจากก้าวลมกรดของลัทธิเต๋า จางซานเฟิงคือนักพรตต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ อาจารย์ของเขาเชี่ยวชาญวิชานี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วก็ยังคงเป็นวิชาของสำนักตัวเอง ประเด็นสำคัญคือต้องดูที่ว่าใช้วิชาอภินิหารครั้งหนึ่งสามารถไปได้ไกลแค่ไหน หนึ่งครั้งไปได้สิบกว่าจั้งกับหลายสิบจั้ง ทั้งสองฝ่ายย่อมต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่หากจะบอกว่าสามารถวาดยันต์ไว้ใต้ฝ่าเท้า พาคนจากไปด้วยกันได้ กลับยังไม่เคยได้ยินมาก่อน”

สวีหย่วนเสียกล่าวต่อ “หากแค่นี้ก็แล้วไปเถิด ทว่าการที่เขาวาดยันต์กลางฝ่ามือจางซานเฟิงก็สามารถเอากระบี่เจินอู่และมีดสั้นกลับมาได้จากระยะทางยาวไกลนับพันลี้ นั่นมันคือวิชาอะไร?”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “ไม่รู้เหมือนกัน”

สวีหย่วนเสียยิ้มกล่าว “ไม่ว่าจะอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องดีที่จางซานเฟิงมีอาจารย์ที่มีวิชาล้ำเลิศเช่นนี้ เพียงแต่เจ้าหมอนั่นไม่มีคุณธรรมสักเท่าไหร่ เอาแต่ปิดบังไว้ ทำให้ข้าเข้าใจผิดมาตลอดว่าเขาคือลูกศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักบนภูเขาที่ไม่เข้าขั้นของอุตรกุรุทวีป ถึงอย่างไรพวกนักต้มตุ๋นที่บอกว่าตัวเองเป็นเทียนซือของภูเขามังกรพยัคฆ์ ลงจากภูเขามากำจัดปีศาจปราบมารก็มีมากมาย ตลอดทางที่เดินทางกันมาข้าเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา คอยหยั่งเชิงถามอยู่หลายครั้ง อยากจะแน่ใจว่าเขาเข้าไปอยู่ในสำนักที่ขุดหลุมดักเงินของคนอื่นหรือไม่ หากไปกราบไหว้นักต้มตุ๋นที่มีความรู้งูๆ ปลาๆ เป็นอาจารย์เข้าจริงๆ ก็ควรจะกลับตัวเสียแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องย้อนกลับไปที่อุตรกุรุทวีปแล้ว ดีนะที่ตอนนั้นข้าไม่ได้อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นคงถลึงตามองจนตาแทบหลุดออกจากเบ้าไปแล้ว”

เฉินผิงอันหัวเราะเหมือนคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น

สวีหย่วนเสียยังลังเลใจอีกเล็กน้อย

คนทั้งสองเดินเลียบเส้นทางหินดำของบ่อน้ำไปอย่างเชื่องช้า เฉินผิงอันกล่าวว่า “พี่ใหญ่สวีมีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ ระหว่างพวกเรายังจะต้องเกรงใจอะไรกันอีก”

สวีหย่วนเสียจึงเอ่ยว่า “การเดินทางมาแคว้นชิงหลวนครั้งนี้ แรกเริ่มเป็นจางซานเฟิงที่เอาเถ้าอัฐิของสหายโกศนั้นมาส่งเป็นเพื่อนข้า ภายหลังเป็นข้าที่ไปชมงานสัมมนามหายานและพิธีหลัวเทียนร่วมกับจางซานเฟิง ตอนนี้จางซานเฟิงไปจวนเทียนซือที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางกับอาจารย์ของเขาแล้ว ข้าเลยเริ่มคิดถึงบ้านขึ้นมาบ้างแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับไป”

สวีหย่วนเสียหยุดเดิน ยื่นฝ่ามือออกมาลูบเคราข้างแก้ม “พเนจรอยู่นอกบ้านมานานหลายปี นอกจากส่งเงินที่ได้จากการเป็นทหารและจดหมายกลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแล้ว”

เฉินผิงอันถามเบาๆ “ให้ข้าไปกับท่านดีไหม? หากท่านรู้สึกว่าพวกเว่ยเซี่ยนสี่คนไม่ควรไป ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะพาเผยเฉียนไปกับท่านแค่คนเดียว ให้พวกเว่ยเซี่ยนรออยู่ที่เมืองหลวงแคว้นชิงหลวนก่อน”

สวีหย่วนเสียยิ้มพลางโบกมือ “เจ้าไม่ใช่สตรีงดงามราวบุปผาสักหน่อย ข้าจะต้องให้เจ้ากลับไปบ้านเกิดเป็นเพื่อนทำไม? เจ้าเดินทางไปตามแผนการเดิมของตัวเองเถอะ อย่าให้เสียแผนเพราะข้าเลย”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เดิมทีข้าก็ไม่มีแผนการอะไรอยู่แล้ว ทำไม ที่บ้านเกิดของท่านมีเรื่องอะไรที่ให้คนรับรู้ไม่ได้งั้นหรือ? กลัวว่าข้าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของท่านหรือไร?”

สวีหย่วนเสียถอนหายใจหนึ่งที นั่งยองอยู่ข้างบ่อน้ำ หยิบมีดสั้นออกมา ใช้ด้ามมีดเคาะลงบนพื้นหินดำเบาๆ “ฐานะครอบครัวของข้าถือว่าพอมีพอใช้ ในอำเภอก็ถือว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง ในอดีตข้าเคยมีคู่หมายมาก่อน ก่อนจะออกจากบ้านเกิด ข้าแอบไปมองแม่นางคนนั้นแวบหนึ่ง หน้าตางดงามใช้ได้ อันที่จริงข้าก็ชอบนาง แต่ตอนนั้นข้าค่อนข้างทระนงตัว คิดว่าแค่สามปีห้าปีก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้ตนเองได้ ถึงเวลานั้นจะไปสู่ขอนางอย่างมีหน้ามีตา คิดไม่ถึงว่าไม่ทันระวังก็ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมาสิบกว่าปีแล้ว”

เฉินผิงอันนั่งยองลงข้างกายสวีหย่วนเสีย เอ่ยปลอบใจ “พี่ใหญ่สวี ท่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้าที่แท้จริง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการสู้รบ เมื่ออยู่ในบ้านเกิดของท่าน หากคิดจะเป็นแม่ทัพของราชสำนักก็คงไม่ยากกระมัง”

สวีหย่วนเสียพยักหน้ารับ “ไม่ยาก”

แต่จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง “ใกล้ถึงบ้านเกิดกลับยิ่งขลาดกลัว แค่คิดแบบนี้ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว ตอนที่สู้รบเอาชีวิตรอดอยู่บนสนามรบตอนเป็นหนุ่มยังไม่เคยกลัดกลุ้มขนาดนี้มาก่อนเลย”

เฉินผิงอันครุ่นคิด ในเมื่อสวีหย่วนเสียอยากกลับบ้านเกิดเพียงลำพังมากกว่า แสดงว่าต้องมีเหตุผลของตัวเอง เขาจึงพูดขึ้นเบาๆ ว่า “จากนี้ข้าจะไปเยือนเกาะชิงเสียที่ทะเลสาบเจี่ยนหู ไปหาเด็กคนหนึ่งที่ชื่อกู้ช่าน ในอดีตเขาเคยอาศัยอยู่ในตรอกหนีผิงเหมือนกับข้า ตอนนี้อาจารย์ของเขาคือหลิวจื้อเม่าสกัดคงคาเจินจวิน หากทุกอย่างราบรื่น หลังจากนั้นข้าจะไปสำนักศึกษาที่ต้าสุย ไปหาเด็กๆ ที่มาจากบ้านเกิดเดียวกับข้า พี่ใหญ่สวี กลับบ้านเกิดไปแล้ว หากท่านมีเรื่องที่แก้ไขคนเดียวได้ไม่ง่าย ก็อย่าลืมว่ายังมีเพื่อนรักที่ได้รู้จักกันในยุทธภพอยู่อีกสองคน ในเมื่อตอนนี้จางซานเฟิงหาตัวเจอยาก ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาข้าเฉินผิงอัน เพียงแต่ว่าอาจจะยุ่งยากสักหน่อย จำเป็นต้องส่งจดหมายไปพร้อมกันสองฉบับ จะได้ไม่คลาดกับข้า”

สวีหย่วนเสียตบไหล่เฉินผิงอัน จากนั้นก็ชี้ไปยังบ่อน้ำที่อยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง “ที่บ้านเกิดของข้าใหญ่แค่บ่อน้ำนี่เอง ไม่ใช่แม่น้ำทะเลสาบอะไรหรอก ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตห้าคนหนึ่ง อีกทั้งยังมีอาวุธวิเศษระดับไม่ธรรมดาอีกสองชิ้น มากพอจะให้ข้าโอ้อวดบารมีแล้ว ต่อให้ขุนนางใหญ่ในพื้นที่เจอหน้าข้าก็ยังต้องเห็นข้าเป็นดั่งแขกผู้มีเกียรติ เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนเจ้าเฉินผิงอันหรือไร?”

เฉินผิงอันส่งน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไปให้ พูดเบาๆ ว่า “ดื่มเหล้าที่อยู่ในนี้สิ นี่ถึงจะเป็นสุราดีอย่างแท้จริง หากท่านชอบดื่มก็เอาเหล้าไป แต่แน่นอนว่าต้องทิ้งกาเหล้าเอาไว้”

สวีหย่วนเสียเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผลคือพอดื่มเหล้าหลอมเล็กที่หลอมมาจากโอสถทองของเจียวเฒ่าก่อกำเนิดใน ‘กาเหล้าสีชาด’ หนึ่งคำ ใบหน้าเขาก็พลันแดงก่ำ ปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ในร่างทะยานขึ้นลง พุ่งไปตามช่องโพรงลมปราณแห่งต่างๆ ประหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ตีกระทบหินผา สวีหย่วนเสียรีบโคจรปรับลมปราณ กว่าจะสลายแรงกระแทกจู่โจมขุมนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเรอเอิ้กพ่นเอาลมปราณขุ่นมัวที่เก็บสะสมมานานซึ่งไม่อาจทำให้บริสุทธิ์ได้สักทีออกมาคำหนึ่ง ครั้นจึงเช็ดปาก ดวงตาเป็นประกายแวววาว “เหล้านี้ ผู้ฝึกยุทธ์ดื่มแค่อึกเดียวเท่านั้น สุดยอดจริงๆ เลย”

เฉินผิงอันไม่ได้รีบร้อนเก็บน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่กลับมา เขายกสองแขนกอดอก พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านคิดว่าทุกคนเหมือนท่านสวีหย่วนเสียไปซะหมดหรือไร? ไม่ว่าใครก็ดื่มเหล้าหลอมเล็กในกาเหล้าใบนี้ได้หรือ?”

ชายฉกรรจ์หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง แล้วจึงไม่คิดจะเกรงใจเฉินผิงอัน ดื่มยาดองอีกอึกใหญ่เพื่อช่วยขจัดลมปราณขุ่นมัวที่ปะปนกันอยู่ในลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ในร่าง สุดท้ายยังไม่สาแก่ใจจึงดื่มเป็นอึกที่สาม ถือโอกาสนั่งลงขัดสมาธิ เข้าฌานดั่งภิกษุเฒ่าอยู่เป็นนาน พอลืมตาขึ้นก็คืนกาเหล้าให้เฉินผิงอัน “เอาล่ะ เรื่องเดิมไม่ทำซ้ำสามครั้ง ในที่สุดชีวิตนี้ก็พอมีความหวังว่าจะได้เห็นทัศนียภาพของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหกบ้างแล้ว สามคำก็พอ มากเกินไปจะกลายเป็นว่าไม่ดี รากฐานวรยุทธ์ปูมาได้ไม่ดีพอ ไม่อาจแบกรับของดีๆ เช่นนี้ได้ แต่บอกไว้ก่อนว่ารอให้ข้าฝ่าคอขวดสุดท้ายของขอบเขตห้าได้เมื่อไหร่ ถึงเวลานั้นค่อยขอเหล้าเจ้าดื่มอีกครั้ง”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างสงสัย “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเหล้าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องคอยมาขอจากข้าให้ยุ่งยาก”

แม้ว่าตอนนี้เฉินผิงอันจะต้องการเหล้าดองหลอมเล็กมาบำรุงร่างกายและจิตวิญญาณ แต่การฝึกตนบนวิถีวรยุทธ์ในตอนนี้ได้เดินกลับเข้ามายังเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่ดื่มเหล้าก็แค่ทำให้การไต่ทะยานของตบะช้าลงเท่านั้น ไม่เหมือนการส่งถ่านร้อนท่ามกลางหิมะอย่างตอนที่เพิ่งถูกเรือกลืนกระบี่อาวุธเซียนทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บสาหัสในนครมังกรเฒ่า แต่เป็นแค่การปักบุปผาลงบนผ้าแพรเท่านั้น แต่สำหรับสวีหย่วนเสียแล้ว เหล้าดองที่ทองพันชั่งก็ยากจะหาซื้อได้กานี้กลับมีความหมายไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ของแคว้นเล็กในแจกันสมบัติทวีปนอกเหนือจากราชวงศ์ต้าหลี ความต่างระหว่างขอบเขตห้ากับขอบเขตหกมักจะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน หากเป็นแคว้นเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล ไม่แน่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตเจ็ดก็อาจเกี่ยวพันไปถึงโชคชะตาบู๊ของหนึ่งแคว้นแล้ว ถ้าเช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหกที่มีหวังว่าจะเลื่อนสู่ขอบเขตร่างทองก็ย่อมกลายเป็นสมบัติล้ำค่าในใจของกษัตริย์แคว้นเล็กๆ เป็นดั่งของหายากที่ควรต้องเก็บสะสมเอาไว้

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset