https://ufanance.com ufafat Lockdown168 hydra888 lotto432 KINGDOM66 panama888 sexygame1688 1688sagame Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ lotto77 SAGAME1688 SEXYGAME1688 Casino ออนไลน์ Casino ออนไลน์ สล็อต เกมสล็อต slot game

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 153 เทียนเอ๋อร์เกิดเรื่องรึ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!

ufac4

บทที่ 153 เทียนเอ๋อร์เกิดเรื่องรึ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!

แดนบูรพา เมืองหมอกลับแล ภายในพระราชวัง

ตอนนี้ผ่านช่วงเถาจองจำเซียนคลั่งไปแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน

ยอดค่ายกลพิทักษ์เทพสวรรค์ยังคงยืนหยัดอยู่ ในใจทุกคนเต็มไปด้วยความหวัง

เพราะพวกเขาพบว่าหมอกวิญญาณในเมืองหมอกลับแลค่อยๆ สลายไป ไม่หนาเหมือนก่อนหน้าอีก

แม้พลังจิตจะยังได้รับผลกระทบอยู่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้ามากแล้ว ทัศนวิสัยกว้างขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน

ตอนนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดดีใจยิ่ง ส่วนจะดีใจเพียงใดนั้น ก็อ้างอิงได้จากสัญญาณมือถือกลับมาหลังจากถูกปิดกั้นแล้วกัน

ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นทักทายกับผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคน รอจนหมอกวิญญาณสลายไปหมดแล้วจะใช้กำลังของอาณาจักรสร้างรูปปั้นทองคำให้เสิ่นเทียน

ทั้งพระราชวังเต็มไปด้วยกลิ่นอายความสุข มีเพียงจางอวิ๋นซีที่ยังมีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เพราะมีเพียงนางที่รู้ว่าเสิ่นเทียนไม่ได้เดินทางไปปราบปีศาจในที่ราบหมอกลับแล

ทุกครั้งที่เสียเวลาไปหนึ่งเค่อ ศิษย์น้องก็จะยิ่งอันตราย

ไม่ได้การ จะรอต่อไปไม่ได้แล้ว!

เมื่อคิดได้ดังนั้น จางอวิ๋นซีก็พูดกับประมุขอาณาจักรอู้อิ่น “ผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงศักดิ์ทั้งหมดตรึงค่ายกลไว้อย่าให้วุ่นวาย ข้าจะออกไปตรวจสอบดูหน่อยว่าเถาจองจำเซียนถอยไปหมดแล้วรึยัง หากข้ายังไม่กลับมา ทุกคนห้ามออกจากพระราชวังโดยพลการ”

เอ่ยจบ เกราะแสงสว่างบนตัวจางอวิ๋นซีก็เปล่งประกายแสง

นางสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่งก่อนพุ่งขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปยังรอบนอกกรงขังหมอกวิญญาณ เมื่อนางเข้ามาในพื้นที่หมอกวิญญาณก็เร่งความเร็วขึ้น พลังจิตได้รับผลกระทบมากขึ้นเช่นกัน

เวลานี้ จางอวิ๋นซีรู้สึกว่าพลังจิตถูกสั่นคลอนตลอด แยกทิศทางได้ไม่แน่ชัดเล็กน้อย การมองเห็นบิดเบี้ยวไปหมด

นางรู้ว่าหมอกวิญญาณมีความสามารถพิเศษส่งผลต่อประสาทสัมผัสทั้งหกของผู้ฝึกบำเพ็ญกลางหมอกได้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงขังผู้ฝึกบำเพ็ญไม่ได้

แต่ว่าระดับความหนาของหมอกวิญญาณตอนนี้ลดลงไปมาก จางอวิ๋นซีกัดฟันไปก็ยังรับผลกระทบนี้ไหว

โฮก!

ปรากฏการณ์พยัคฆ์ขาวคำรามนภาปรากฏขึ้นข้างหลังจางอวิ๋นซี ขับไล่หมอกวิญญาณรอบกายออกไปได้บ้าง จนในที่สุดนางชักกระบี่ยาวข้างหลังออกจากฝัก ฟันออกเป็นพลังชีวิตสายหนึ่งกลางหมอกวิญญาณ

ใช่ นางพุ่งออกจากพื้นที่เมืองที่ถูกหมอกปกคลุมแล้ว ดวงตะวันบนฟ้าสาดส่องกาย ตอนนี้นางเหมือนเกิดใหม่ ทว่านางก็ยังไม่ทันดีใจอะไรมากนัก เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าศิษย์น้องเสิ่นเทียนเป็นตายร้ายดีอย่างไรเลย

แม้นางจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็รู้ว่าตนแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหมอกลับแลตอนนี้คนเดียวไม่ได้ จึงหยิบป้ายคำสั่งอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อก่อนถ่ายจิตสัมผัสกับพลังฤทธิ์เข้าไป “ท่านพ่อ ท่านได้ยินหรือไม่ ซีเอ๋อร์มีเรื่องจะรายงาน”

…….

ณ โลกเล็กเทพสวรรค์ วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั่งบนบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ทั่วร่างยังปกคลุมด้วยประกายเซียน

นักพรตชราคนแก่สุขภาพดีดูมีราศีเซียนยืนอยู่กลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความโอหัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

นักพรตชราแค่นเสียงขึ้นจมูก “ศิษย์น้อง ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะวางอุบายใส่ศิษย์พี่นะ เหตุใดจู่ๆ ข้าถึงเสียความทรงจำไปหนึ่งวันล่ะ”

สายฟ้าประกายเซียนกระเพื่อมเบาๆ ก่อนเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะเอ่ยอย่างเฉยชา “ศิษย์พี่เสียความทรงจำไปแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า”

นักพรตชราแบะปาก “เจ้าให้มันน้อยๆ หน่อย จะตีมึนใส่ข้ารึ ศิษย์พี่ตรวจสอบความทรงจำแล้ว วันนั้นที่หายไปคือวันที่ข้าพาเจ้าหนูเสิ่นเทียนมา อีกทั้งศิษย์พี่ยังสอบถามมาแล้วว่าศิษย์น้องหญิงบัวทองคำเคยมาที่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าต้องทำอะไรบางอย่างแน่ๆ!”

เหมือนนึกอะไรได้อีก นักพรตชราก็มีสีหน้าโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม “อ้อ ศิษย์พี่รู้แล้ว! อัสนีเทพหยินหยางทวนวารีนั่นคงไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนค้นพบหรอกนะ!

บอกมา พวกเจ้าเห็นแก่ผลประโยชน์เลยร่วมมือกันแย่งสิ่งประดิษฐ์ของศิษย์พี่ใช่หรือไม่ ดีมากจางหลงหยวน ศิษย์พี่ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นคนเช่นนี้ เสียแรงที่ข้ามองเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆ มาตลอด ฮือๆๆ~”

พูดถึงช่วงท้ายสุด นักพรตชราทำหน้าเศร้าอยากจะร้องไห้ ทำท่าเหมือนโดนหักหลัง

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง เขารู้ว่าศิษย์พี่ตนหน้าไม่อาย แต่ไม่นึกเลยว่าจะหน้าไม่อายถึงเพียงนี้

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดอย่างเย็นชา “ศิษย์พี่ ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ท่านใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไรกัน”

นักพรตชราทำเสียงขึ้นจมูก “ข้าใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่มีหลักฐานรึ เจ้าเห็นโอสถลบความทรงจำระดับห้าเป็นผักกาดขาวรึ จะให้ศิษย์พี่ลืมความทรงจำได้ อย่างน้อยต้องโอสถลบความทรงจำเทียบระดับหก ในแดนศักดิ์สิทธิ์เรา นอกจากเจ้าแล้วใครจะมีของแบบนี้ติดตัวได้กัน เจ้าบอกมาสิ!

แล้วก็ ท่านศิษย์น้องบอกว่าข้าทำจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์หายรึ ข้าเองก็เชื่อมารยาของเจ้า ข้าตั้งใจตรวจสอบความทรงจำมาแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย จี้มังกรพยัคฆ์ก็หายไปในวันนั้นเช่นกัน!

ได้เลยจางหลงหยวน ข้ามองเจ้าเป็นน้อง แต่เจ้ากลับแทงข้างหลังข้า! เจ้าทำร้ายหัวใจศิษย์พี่สาหัสนัก เรื่องนี้ถ้าไม่มียอดเขาวิญญาณแปดลูกสิบลูก ข้าจะไม่ยอม!”

เมื่อเห็นนักพรตชราโกรธแค้นอยู่เต็มอกเพื่อขู่รีดเอาผลประโยชน์แล้ว ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับค่อยๆ สงบนิ่งลง

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเฉยชา “ช่างเถอะ ในเมื่อศิษย์พี่ยึดมั่นอยากจะเอาความทรงจำวันนั้นคืน ข้าก็จะทำให้ศิษย์พี่พอใจ ให้ท่านเห็นเรื่องในวันนั้น”

เมื่อกล่าวจบ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ตบบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์เบาๆ ก่อนจะยิงประกายเซียนชัดเจนออกมาสายหนึ่ง

ประกายเซียนนั้นค่อยๆ รวมขึ้นเป็นภาพสามดี สะท้อนพวกเสิ่นเทียนและนักพรตชรากลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์

ใช่ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ฉายภาพวันนั้นอีกครั้ง ให้นักพรตชราเห็นความจริง

แน่นอน ภาพที่เกี่ยวกับหลักการยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางถูกลบไปแล้ว

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วันนั้นฉายขึ้นอีกครั้ง

จิตใจของนักพรตชรากำลังระเบิด!

…….

‘ถ้าข้าสำนึกเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้า!’

‘เรียกท่านปู่ให้ฟังหน่อย!’

‘ท่านปู่~’

‘ส่วนเดียวได้ แต่ท่านต้องตอบตกลงสามเงื่อนไข’

‘ถ้าศิษย์พี่ปฏิเสธสอนวิชาหลอมกายให้เทียนเอ๋อร์ จะยกเลิกข้อตกลงกัน’

‘ตอนนี้ศิษย์พี่ไม่มีใจจะสอนวิชาหลอมกายอะไรเขา’

‘ถ้าข้าเสียใจ ข้าจะเป็นหลานเจ้า!’

‘ข้าไม่ได้ผิดคำสาบาน ฮิๆๆๆๆ~’

ฉายถึงช่วงท้ายสุดแล้วภาพก็หยุดลงทันที ดูเร่งรีบนิดๆ

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกิดคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กระทั่งเสียงเขายังสั่นไหว “ศิษย์พี่ดู ข้าไม่ได้ผิดคำสาบาน”

ตอนนี้ แม้นักพรตชราจะมีจิตใจที่แกร่งกว่านี้ ใบหน้าก็ยังแดงก่ำขึ้นมา “ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

ช่วงที่นักพรตชรากำลังแยกเขี้ยวกางกรงเล็บเตรียมจะลงมือนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลันนิ่งอึ้งไป

ป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในอกเสื้อเขาลอยขึ้นมาช้าๆ เปลือกนอกป้ายคำสั่งปรากฏร่างมายาขึ้น

นั่นคือร่างของจางอวิ๋นซี “ท่านพ่อ ซีเอ๋อร์มีเรื่องจะรายงาน”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายค่อยๆ สงบลง

…..

แม้นักพรตชราจะโมโหอยู่ในใจ แต่ก็รู้ว่าเวลาคุยเรื่องสำคัญก็ต้องให้เกียรติศิษย์น้อง

ถ้าไม่อย่างนั้นศิษย์น้องได้ทุบตีเขาจริงๆ แน่

เมื่อรับข้อมูลจากป้ายคำสั่งมาแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็พูดนิ่งๆ “ซีเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น”

จางอวิ๋นซีตอบ “ท่านพ่อ ที่ราบหมอกลับแลเปลี่ยนไป เถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณจำนวนมากปิดล้อมโจมตีเมืองหลัก”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พูดเหมือนมีความคิดบางอย่าง “เถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณรึ ข้าจะให้ฟางฉางกับอวิ๋นถิงไปช่วยเจ้า!”

จางอวิ๋นซีส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่พอ เรื่องคราวนี้ตึงมือมาก ลูกคิดว่าคงไม่ง่าย ตอนนี้ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋กับศิษย์น้องที่มีอัสนีเทพกำเนิดฟ้าพวกนั้นถูกขังอยู่ในเมืองหมอกลับแล”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยอย่างเย็นชา “ถูกขังไว้รึ ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้ศิษย์พี่บัวมรกตไปดูหน่อย”

จางอวิ๋นซีพูดเสริมอีก “ไม่ใช่แค่นั้น ศิษย์น้องเสิ่นเทียนก็อยู่ในเมืองหมอกลับแลด้วย ทั้งยังหลงกับพวกเราไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว”

ทันใดนั้น สายฟ้าประกายเซียนเกิดระลอกคลื่นรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แทบจะแตกกระจาย

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “เมืองหมอกลับแล ไม่ผิดแน่นะ! รอก่อน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”

……………………

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน
Status: Ongoing
อ่านนิยายบุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอนเพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset