เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 514 คุณชายหนิงถ่ายทอดฝีมืออีกครั้ง (3)

จะชักจูงให้เขาปรากฏตัวได้เช่นไร แล้วจับเขาเอาไว้ ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

แม้ว่าครั้งที่แล้ว หลูเจิ้งหยางจะปรากฏตัวที่บ้านไร่ แต่วันนั้นหนิงเซ่าชิงไม่อยู่ที่นี่

บ้านไร่มีแค่กุ่ยซาที่ฝีมือแข็งแกร่ง เขาไม่กล้าออกห่างจากมั่วเชียนเสวี่ยอีกแม้แต่ครึ่งก้าว และไม่มีความมั่นใจว่าจะจัดการหลูเจิ้งหยางได้ในทันที ทั้งยังกลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น บวกกับวิชาตัวเบาของหลูเจิ้งหยางสูงส่ง การแยกแยะเสียงก็ดีมาก จึงทำได้แค่ปล่อยเขาไป

แน่นอนว่าการที่หนิงเซ่าชิงไม่ได้รวบตัวเขาเอาไว้ทันที เป็นเพราะอยากจะสืบฐานะ ภูมิหลัง และเป้าหมายสุดท้ายของเขาให้ชัดเจน รวมไปถึงกำจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เขาวางไปทั่วด้วย

เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเหม่อลอยอีกครั้ง หนิงเซ่าชิงก็กระแอมไอเบาๆ ตบตั่งที่อยู่ใต้ร่าง มั่วเชียนเสวี่ยจึงได้สติคืนมา แล้วเดินไปเอนตัวลงนอนในอ้อมแขนของเขาด้วยท่าทางเกียจคร้านอย่างว่าง่าย

ทั้งคู่เบียดกันอยู่บนตั่งตัวเล็กๆ หนิงเซ่าชิงกระชับอ้อมแขน กักขังมั่วเชียนเสวี่ยไว้ที่แผงอกเขา เพื่อป้องกันไม่ให้นางตกลงไป

“เชียนเสวี่ย เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาเช่นนั้น! เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่า เรื่องนี้ประหลาดมาก เหตุใดเขาต้องลงมือในวันที่จัดพิธีหมั้นหมายนี้ด้วย”

“ท่านกล่าวมาเถอะ ข้าจะฟัง”

หนิงเซ่าชิงมองใบหน้าด้านข้างของมั่วเชียนเสวี่ยด้วยสายตาเจือประกายลึกซึ้ง เห็นมั่วเชียนเสวี่ยมีสีหน้าท่าทางจริงจัง จึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“เขาก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ สังหารทูต โยนความผิดให้เจิ้นหนานอ๋อง จากนั้นก็สร้างข่าวลือในตอนที่เพิ่งจะเกิดเรื่อง เห็นได้ชัดว่าต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างเจ้ากับเจิ้นหนานอ๋อง แล้วยั่วยุให้ชายแดนตะวันตกเกิดความอาฆาตแค้นต่อฮ่องเต้แคว้นเทียนฉี จากนั้นก็ยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับชายแดนตะวันตก”

“เห็นได้ชัดว่าแผนการแต่ละก้าวไม่ได้วางแผนในวันสองวัน การที่เขาเลือกลงมือในวันนี้ เพราะต้องการให้ตระกูลหนิงของข้าตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ให้ข้าเกิดความอาฆาตแค้น ไม่ให้การสนับสนุนเชื้อพระวงศ์อีก…สรุปว่า ดีไม่ดี เทียนฉีจะวุ่นวายโกลาหล กูซื่อโดดเดี่ยว ไร้ผู้สนับสนุน”

ดูท่าทางทั้งสองคนจะคิดไปในทางเดียวกัน

เพียงแต่หนิงเซ่าชิงคิดลึกซึ้งและมองการณ์ไกลกว่า ทั้งยังวิเคราะห์แต่ละหัวข้อได้อย่างมีเหตุมีผล

มั่วเชียนเสวี่ยตอบอืมเสียงเบา ส่งสัญญาณให้หนิงเซ่าชิงเอ่ยต่อ

“เทียนฉีวุ่นวายโกลาหล แว่นแคว้นก็ไม่ใช่แว่นแคว้น ผู้ใดจะเบิกบานใจที่สุด หรือจะกล่าวว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ในเรื่องนี้มากที่สุด”

มั่วเชียนเสวี่ยตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “แน่นอนว่าเป็นแคว้นศัตรู ยกตัวอย่างเช่นแคว้นชัง แคว้นหลิงและยังมี…”

หนิงเซ่าชิงเอ่ยต่อว่า “ยึดกองทัพตระกูลซูที่เฝ้าปกปักษ์ชายแดนแว่นแคว้นสองทางเป็นหลัก แม้ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยกันบ่อยๆ แต่พิทักษ์รักษาการณ์เข้มงวดมาก ส่วนชาวชังกับหนานหลิง…”

สองคนเจ้าเอ่ยข้าตอบ วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดด้วยกันรอบหนึ่ง

สุดท้ายหนิงเซ่าชิงก็เอ่ยว่า “เช่นนี้ มีความเป็นไปว่าหลูเจิ้งหยางจะสมรู้ร่วมคิดกับหนานหลิงมากที่สุด ข้าสั่งการลงไปนานแล้ว นกพิราบส่งสารให้สายสืบในหนานหลิงไปตรวจสอบหลูเจิ้งหยางแล้ว คาดว่าจะมีสารตอบกลับมาในสองสามวันนี้…”

ขณะที่เอ่ย ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว

ชูอีเคาะประตูเข้ามาปรนนิบัติมั่วเชียนเสวี่ยชำระกาย หนิงเซ่าชิงพิงตั่งไม่ขยับ มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่าเจ้าหมอนี่ไม่ยอมออกไปแน่นอน

ช่างมัน

การกระตุ้นจากวิกฤตในคราวนี้ ทำให้นางอยากจะตั้งใจฝึกวิทยายุทธ์เสียแล้ว

นานแล้วที่ไม่ได้ฝึกกระบี่ เพลงกระบี่ที่ซูชีสอนจนถึงการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นไม่ใช่สิ่งที่สมองของนางจะเข้าใจได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ นางก็ไม่อาจไปขอคำแนะนำได้อีก

ตอนนี้ มีเขาซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ นางก็ไม่ต้องไตร่ตรองมั่วซั่วเองแล้ว

ชูอีปรนนิบัติทั้งสองคนชำระกายเสร็จแล้ว ก็รีบหายตัวไปทันที

ความหดหู่ใจเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว ระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันส่วนตัว

นึกถึงการฝึกกระบี่ มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกคึกคัก

หยิบกระบี่ที่หนิงเซ่าชิงสร้างให้นางตรงมุมกำแพงขึ้นมา แล้วชักออก พลางแสดงท่าทางที่ตนเองคิดว่าเท่ห์มาก “อยากให้ข้าปรนนิบัติ ก็แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาหน่อย”

“เสวี่ยเสวี่ยนี่คือ?” หนิงเซ่าชิงถูกท่าทางวางมาดเช่นนี้ ทำให้หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก

“ท่านเคยบอกว่าจะสอนเพลงกระบี่ข้า! ตอนนี้ข้าไม่มีอาจารย์แล้ว ท่านไม่สามารถเบี้ยวได้อีก”

ไม่สามารถปฏิเสธได้ และไม่อยากจะปฏิเสธ หนิงเซ่าชิงมองกระบี่ในมือมั่วเชียนเสวี่ย แล้วยื่นมือออกไป

“ท่านมีกระบี่ไม่ใช่หรือ” มั่งเชียนเสวี่ยมองไปที่เอวหนิงเซ่าชิง

“มายาหยกไม่ได้มีไว้ให้คนดู…”

กระบี่มายาหยกไม่ได้ดื่มโลหิต ไม่มีทางหวนกลับอะไรนั่น…น่าเบื่อเสียจริง ไม่เห็นเลือด มันจะหักหรืออย่างไร ประหลาด…จริงๆ!

มั่วเชียนเสวี่ยลอบแขวะกับตนเองเงียบๆ และมอบกระบี่ในมือให้

เมื่อกระบี่เล่มเล็กอยู่ในมือเขา เสี้ยวพริบตาก็ดุจดั่งกระบี่ร่ายรำ

อาภรณ์ตัวยาวสีฟ้าอ่อนของหนิงเซ่าชิงเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่อยู่ท่ามกลางแสงสีขาวนวลกลุ่มหนึ่ง แรกเริ่มสามารถมองเห็นสีฟ้าได้เล็กน้อย ในภายหลังก็รู้สึกทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยประกายกระบี่ร้อนแรงระยิบระยับ

มั่วเชียนเสวี่ยไม่กล้าขยับ นางคิดว่าสายตาตนเองไม่แย่ แต่นางกลับมองเห็นรูปแบบเพลงกระบี่ของหนิงเซ่าชิงไม่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง

นี่จะต้องเป็นเพลงกระบี่ที่ดีที่สุดที่เก็บรักษาไว้อย่างดีแน่นอน

ดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วกลางซากปรักหักพังของจวนกั๋วกง จะเห็นเขาลงมือกับซูชีจากที่ไกลๆ ตอนนั้นร่างของพวกเขาก็เคลื่อนที่ว่องไวเช่นนี้

เหตุใดกระบี่มายาถึงได้ใช้ท่าร่างในการได้รับชัยชนะ เพียงแต่ ท่าทางลี้ลับล่องลอยราวกับเทพเซียน จะสูงส่ง ลึกซึ้งเกินไปสำหรับนางที่เป็นมือใหม่ใช่หรือไม่?!

มองดูอย่างโง่งมอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันรู้สึกว่าใบหน้าเย็นวาบ กระบี่เล่มเล็กแนบลงบนแก้ม

หนิงเซ่าชิงใช้สันกระบี่ตบลงบนหน้านิ่งอึ้งของมั่วเชียนเสวี่ยเบาๆ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ข้าพยายามสอนให้เจ้าทั้งหมดอย่างสุดความสามารถแล้ว เจ้าเห็นชัดเจนหรือยัง”

มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้ามึนงงอย่างน่ารัก แต่กลับเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “ยอดฝีมือ เพลงกระบี่นี้สูงส่งลึกซึ้งเกินไป ลูกศิษย์เห็นไม่ชัดเจนทั้งหมด ท่านโปรดร่ายรำอีกรอบ”

หนิงเซ่าชิงหัวเราะพรืด “ดูท่าทางมึนงงของเจ้า ถึงข้าจะรำกระบี่อีกสิบรอบก็ไม่มีประโยชน์ ขึ้นเตียงก่อน ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”

เอ่ย พลางดึงมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นเตียง

มั่วเชียนเสวี่ยไม่คล้อยตาม หัวเราะอิอิ พลางเอ่ยว่า “ท่านร่ายรำได้น่ามองมาก สวยงามจนทำให้จิตใจเบิกบาน หล่อมากจริงๆ ร่ายรำอีกรอบหนึ่งนะ!”

เห็นมั่วเชียนเสวี่ยไม่ยอมขึ้นเตียงมาปรนนิบัติ หนิงเซ่าขิงก็ถอยหลัง ข้อมือขยับขึ้นลง

มั่วเชียนเสวี่ยตาลาย พลันได้ยินเสียงอาภรณ์ถูกฉีกขาดเบาๆ

นางก้มหน้า ค้นพบว่าอาภรณ์ตัวนอกตั้งแต่สาบเสื้อไปจนถึงเท้าฉีกขาดจนหมด เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งกว่าใช้กรรไกรตัด

มั่วเชียนเสวี่ยตะลึง กระทืบเท้าไม่พอใจ “หนิงเซ่าชิง ท่านมันคนชั่วช้า!”

หนิงเซ่าชิงก้าวเข้ามาแนบกาย โน้มตัวลงจุมพิต เอ่ยสัพยอกว่า “เสวี่ยเสวี่ย เพลงกระบี่นี้เป็นเช่นไร หากเสวี่ยเสวี่ยคล้อยตามสามี สามีจะถ่ายทอดเพลงกระบี่ทั้งหมดนี้ให้เจ้า”

มั่วเชียนเสวี่ยยิ้ม

รู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมีเจตนาไม่ดี

จึงถามว่า “เพลงกระบี่นี้มีชื่อหรือไม่”

อีกฝ่ายตอบ “กระบี่ทำลายกระดูก สลายวิญญาณ”

พรืด…มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “อาภรณ์ดีๆ ถูกท่านเฉือนจนเสียหายแล้ว ไม่ได้ๆ ท่านต้องชดใช้ให้ข้าตัวหนึ่ง”

หากให้คนรู้ว่า หนิงเซ่าชิงสอนเพลงกระบี่นางเช่นนี้ เกรงว่าคงจะหัวเราะจนฟันหลุด เพียงแค่ได้ยินชื่อ ก็มึนแล้ว

หนิงเซ่าชิงเลิกคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “เพลงกระบี่ของสามีสู้อาภรณ์ตัวหนึ่งไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

มั่วเชียนเสวี่ยมอง แล้วเดินวนรอบเขารอบหนึ่ง พลางพยักหน้า เอ่ยอย่างไร้ยางอายว่า “ต้องการเพลงกระบี่ อาภรณ์ก็ต้องการ คนร่ายเพลงกระบี่ยิ่งต้องการ!”

หนิงเซ่าชิงยิ้มเอาใจ ยื่นนิ้วไปจิ้มศีรษะนาง “โลภมากจริงๆ”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหนียงจื่อของคุณชายขี้โรคเพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที! ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่ ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?! เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset