บทที่ 285 หนึ่งต่อหนึ่ง
บทที่ 285 หนึ่งต่อหนึ่ง
ด้านนอกบริเวณการทดสอบการต่อสู้จริง
อู่หลันกำลังเดินอย่างโซซัดโซเซ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหดหู่
เขาได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาและเขาไม่มีทักษะในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงต้องถอนตัวจากการทดสอบการต่อสู้จริงก่อน
แม้ว่าเขาจะได้รับคะแนนการประเมินมาหลายร้อยคะแนนในการทดสอบครั้งนี้ แต่เขาก็ได้พ่ายแพ้ให้กับลั่วอู๋ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจมาก
“อู่หลัน เจ้าบาดเจ็บงั้นเหรอ ใครเป็นคนโจมตีเจ้ากัน?” ชายคนหนึ่งจากสำนักหม่าเฉินถาม
เนื่องจากมีข้อตกลงกันระหว่างคนในสำนักหม่าเฉินว่าพวกเขาไม่สามารถโจมตีกันเองได้ เว้นแต่จะมีความแค้นหรือเป็นทางเลือกสุดท้าย
ดังนั้น ศัตรูที่เอาชนะอู่หลันได้จะต้องเป็นคนจากสำนักเฉียนหลงไม่ผิดแน่
อู่หลันพูดพลางอดทนกับความอับอาย “คนที่ชนะข้าคือหมอผีที่ชื่อว่าลั่วอู๋”
“ลั่วอู๋?” ชายที่ถามรู้สึกประหลาดใจ “เมื่อสามวันก่อน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าลั่วอู๋เอาอะไรมาอ้างว่าสามารถเอาชนะพวกเราทุกคนได้?”
ผู้คนที่มาจากทางสำนักหม่าเฉินต่างหัวเราะ
“ไม่จริงน่า เจ้าแพ้มันงั้นเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมเจ้าถึงไร้ประโยชน์ได้ขนาดนี้ เจ้าวิ่งหนีมันไม่ได้รึไง ถึงได้บาดเจ็บจนต้องถอนตัวจากการทดสอบแบบนี้”
“ต้องบอกว่าลั่วอู๋รู้วิธีเลือกโจมตีคนอ่อนแอก่อนสินะ”
ใบหน้าของอู่หลันเปลี่ยนเป็นดำอมน้ำเงิน “เขาใช้ยาพิษต่างหาก ข้าก็แค่พลาดท่าเล็กน้อยเท่านั้นแหละ มันจะไม่มีครั้งหน้าอีก”
คำพูดของเขาดูเหมือนจะเป็นข้อแก้ตัวมันจึงทำให้คน อื่น ๆ หัวเราะอย่างมีความสุขยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลายคนของทางฝั่งสำนักเฉียนหลงที่ได้ยินข่าวนี้ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
มันไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรที่เขาจะสามารถเอาชนะคนเถื่อนซึ่งอยู่เพียงอันดับที่ 79 ได้
ก็เขาประกาศกร้าวว่าจะเอาชนะทุกคนจากภูเขาแห้งแล้งไม่ใช่เหรอ?
เหตุการณ์จึงผ่านไปโดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
……
……
วันถัดมา
ลั่วอู๋ได้พบกับนักเรียนจากสำนักหม่าเฉินอีกครั้ง
“อะดูชาน จากเผ่าชงหมิง ผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีชื่อเสียง มีอักขระรูปนกเป็นจุดสังเกต ในรายชื่ออันดับเฉียนหลงอยู่ที่อันดับ 76 คือเจ้าสินะ ?”
อะดูชานเป็นชายที่แข็งแกร่ง เขามีรอยสักบนเปลือกตาที่ทำให้ดูเหมือนว่าเขามีสี่ตา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกประหลาดที่ได้เห็น
“อืม เจ้าจะล่าข้าเป็นเหยื่องั้นเหรอ ? เจ้าควรจะคิดให้ดีว่าใครกันแน่ที่เป็นนักล่า”
อะดูชานไม่ได้พูดซุบซิบใด ๆ เขาเข้าสู่สถานะพร้อมต่อสู้ในทันที
เงาทั้งสามข้างหลังเขาเป็นเงาของนกทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่าเขามีสัตว์วิญญาณเป็นนกทั้งสามตัว
ปีกสามคู่ สีทอง สีแดงเพลิง และสีเทา งอกขึ้นมาจากหลังของเขาและเท้าของเขากลายเป็นกรงเล็บนกอินทรีอันน่าเกรงขาม
ร่างของอะดูชานพุ่งไปมาอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า เริ่มต้นได้ดี” คราวนี้ลั่วอู๋ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณของภูตสงคราม แต่เป็นพลังของต้าหวง
[ฉีกกระชากสายฟ้า]
[เสียงคำรามแห่งความกล้า]
สายฟ้าอันน่ากลัวกะพริบไปมาระหว่างสวรรค์และโลก จากนั้นสายฟ้าสีม่วงหนาทึบก็กลายเป็นรอยฟันทิ้งร่องรอยของพลังสายฟ้าอันรุนแรงไว้ในความว่างเปล่า
มันมีอานุภาพการทำลายล้างอันยาวนาน
จากนั้นเสียงคำรามแห่งความกล้าก็ดังก้องไปทั่วทั้งภูเขาแห้งแล้ง
การต่อสู้กินเวลาไปกว่าสองชั่วโมง
อะดูชานได้รับบาดเจ็บที่หลังของเขาอย่างสาหัส จนต้องเดินออกจากภูเขาแห้งแล้งไป มีบาดแผลลึกสองแห่งอยู่หลังของเขา แต่ไม่มีเลือดหยดลงมาแม้แต่น้อย
ปีกของเขาถูกตัดออกไป
อะดูชานได้พ่ายแพ้ ว่ากันว่าเขาแพ้หมอผีชื่อลั่วอู๋เช่นเดียวกันกับอู่หลัน
นี่เริ่มดึงดูดความสนใจของใครบางคน แต่ก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่
……
……
วันที่สาม
“เอ่อ จากเผ่าเคียวบิน เป็นอันดับที่ 75 ในรายชื่ออันดับเฉียนหลงสินะ”
ลั่วอู๋เริ่มจะชำนาญขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งในด้านการค้นหาผู้คน ระบุตัวตนและการต่อสู้
ประมาณสามชั่วโมงต่อมา
เอ่อเดินออกจากภูเขาแห้งแล้ง มีบาดแผลฉกรรจ์ปรากฏขึ้นบนหน้าอกของเขา เช่นเดียวกับอีกสองคนบาดแผลของเขาไม่มีเลือดไหลออกมา
ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สามวันติดต่อกันแล้วที่ยอดฝีมือของสำนักหม่าเฉิน สามคนได้พ่ายแพ้และทุกคนต่างอยู่ในอันดับที่ต่ำที่สุดของพวกเขาในรายชื่ออันดับเฉียนหลง
นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญรึเปล่า?
คนจากสำนักหม่าเฉินบางคนคิดว่าลั่วอู๋เลือกคู่ต่อสู้ของเขา โดยตั้งใจเริ่มจากอันดับที่ต่ำที่สุดแล้วจึงค่อย ๆ เลือกอันดับที่สูงกว่าขึ้นไปเรื่อย ๆ
แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ อย่างงั้นหรือ?
ลั่วอู๋ต้องการเอาชนะทุกคนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งหนึ่งครั้งแล้วชิงเอา 100 คะแนน มาจากทุกคนอย่างที่เคยกล่าวไว้จริง ๆ งั้นเหรอ?
ณ สถานที่รวมตัวสำหรับนักเรียนของสำนักหม่าเฉิน
มีคนถามว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับม้ามืด
“ความแข็งแกร่งของเขาก็พอ ๆ กับของข้า แต่ข้าไม่ได้สังเกตเห็นตอนที่เขาใช้พิษ”
“เขาแข็งแกร่งกว่าข้า เพราะเขามีอาวุธวิเศษที่ดีอยู่ในมือ”
“ข้ามั่นใจว่าคราวหน้าจะเอาชนะเขาได้”
เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสามคนผู้คนจากสำนักหม่าเฉินก็โล่งใจ ปรากฏว่าเขาก็เป็นเพียงแค่ระดับล่าง ๆ พวกเขาคงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่
……
วันที่สี่
วันที่ห้า
วันที่หก
นักเรียนหัวกะทิจากสำนักหม่าเฉินอีกสามคนได้พ่ายแพ้
ตอนนี้เหล่านักเรียนของสำนักเฉียนหลง ซึ่งแต่เดิมเย้ยหยันคำพูดของลั่วอู๋ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในความคิดของพวกเขา
“อย่างน้อยลั่วอู๋ก็กำลังพยายามทำให้ดีที่สุด และเขาเองก็ไม่เคยลอบโจมตีผู้คนจากสำนักเฉียนหลง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ข้าก็ขอชื่นชมเขา”
อีกฝั่งหนึ่งนักเรียนของสำนักหม่าเฉินก็ได้มารวมตัวกัน
สีหน้าของไห่เซอดูจริงจัง เขาพบว่าในสามมาวันนี้ลั่วอู๋ได้เอาชนะคนจากภูเขาแห้งแล้งเพิ่มขึ้นมาอีกสามคน “เจ้าคิดว่าลั่วอู๋แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”
“มันธรรมดามากทักษะการต่อสู้ก็ธรรมดา ๆ”
“เขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าข้านิดหน่อย”
“เขามีทักษะมากมาย ข้าจับทางเขาไม่ได้”
จากที่ฟังพวกเขาเล่ามา
ความแข็งแกร่งของลั่วอู๋นั้นจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ อย่างมากที่สุดก็คงดีกว่าพวกที่พ่ายแพ้เขาไปไม่มากนัก เขายังไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น
……
……
วันที่เจ็ด
วันที่แปด
วันที่เก้า
โดยที่ยังไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ลั่วอู๋นั้นได้ “ค่อย ๆ” เอาชนะนักเรียนจากสำนักหม่าเฉินไปอีกสามคน และคราวนี้ก็มีบุคคลอยู่ในอันดับ 50 อันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลง
“ข้าหวังว่าเขาจะทำมันได้”
มีคนเริ่มให้กำลังใจลั่วอู๋แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันไม่น่าเป็นไปได้
ขณะเดียวกันที่สถานที่รวมตัวของนักเรียนจากสำนักหม่าเฉิน
ไห่เซอถามผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่ลั่วอู๋อีกครั้ง แต่คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีใครคิดว่าลั่วอู๋เก่งกว่า พวกเขามาก พวกเขาคิดแค่ว่าลั่วอู๋แข็งแกร่งกว่าตัวเองเล็กน้อยหรือไม่ก็แค่โชคดี
“นี่มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง” ไห่เซอเรียกพรรคพวกของเขาที่เป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลง ชายคนนี้มีชื่อว่าโคโดะ เขามาจากเผ่าหินผา
“เจ้าลองให้ความสนใจกับเขาสักหน่อยสิ ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหมอผีที่ชื่อว่าลั่วอู๋คนนี้” ไห่เซอกล่าว
โคโดะพยักหน้าแสดงว่าเขาเข้าใจ
……
……
วันที่สิบ
โคโดะได้พ่ายแพ้ เขาถูกลมปราณซัดตกลงไปที่ก้นหุบเขาจนเกือบตาย ราวกับว่าเขาถูกโจมตีด้วยพลังวิญญาณมหาศาลส่งผลให้ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัส
“ล.. ลั่วอู๋ แข็งแกร่งกว่าข้ามาก มันแข็งแกร่งเกินไป” นี่คือสิ่งแรกที่โคโดะพูดเมื่อเขาตื่นขึ้นมาหลังจากได้รับการรักษา
หลังจากได้รับการเตือนจากไห่เซอ โคโดะก็แสดงความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาในทันทีที่ได้พบกับลั่วอู๋โดยหวังว่าจะสามารถโค่นเขาลงได้ในทีเดียว
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋นั้นกลับถอนหายใจ แล้วใช้ลมหายใจมังกรโจมตีใส่ตรง ๆ เพื่อเอาชนะโคโดะ
ทักษะระดับ SS ลมหายใจมังกร ซึ่งเป็นทักษะลมปราณที่ทรงพลังที่สุด
ใบหน้าของไห่เซอดูมืดมน เขาสงสัยว่าลั่วอู๋เชี่ยวชาญทักษะนี้ได้อย่างไรกัน? ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินลั่วอู๋ต่ำเกินไป
แต่..
ทำไมกัน?
ไห่เซอถามผู้คนที่เคยพ่ายแพ้ให้กับลั่วอู๋ตลอดเมื่อเก้าวันที่แล้วอีกครั้ง และพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าลั่วอู๋แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เจ้าสู้กับเขานานแค่ไหน?” ไห่เซอถาม
“สามชั่วโมง.”
“มากกว่าสองชั่วโมง”
“จนกว่าข้าจะหมดพลัง”
“ ……”
ทั้งเก้าคนต่างก็มีระดับความแข็งแกร่งแตกต่างกันไปจากอ่อนแอที่สุดไปถึงแข็งแกร่งที่สุด
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดได้ต่อสู้กับลั่วอู๋เป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมงโดยไม่มีข้อยกเว้น
ทว่าโคโดะซึ่งมีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าพวกเขาทั้งเก้าคนกลับพ่ายแพ้ให้กับลั่วอู๋ในเวลาอันสั้น ทำไมพวกเขาทั้งเก้าคนถึงต่อสู้กับลั่วอู๋ได้นานถึงขนาดนั้นกัน ?
ไห่เซอได้แต่งงงวย
ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นมาได้
หรือว่าลั่วอู๋นั้นกำลังใช้พวกเขาเป็นอุปสรรคในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ?