บทที่ 291 คาดเดาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 291 คาดเดาอย่างต่อเนื่อง
ยังไม่มีข้อสรุปสุดท้ายว่าใครเป็นคนฆ่าอากูดะ
หลายคนคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของเอ๋าเฉียนจุน แต่แล้วทำไมเอ๋าเฉียนจุนถึงไม่ได้ออกมาพูดอะไรเลย หลังจากที่เขาลงมือแล้ว? สิ่งนี้ทำให้ผู้คนต่างก็สับสนกันมาก
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่คิดว่ามันเป็นฝีมือของลั่วอู๋
ว่ากันว่าลั่วอู๋สร้างทำกลอุบาย เพื่อหลอกลวงอาจารย์พิเศษและหยู่เสี่ยวฉาง แน่นอนว่าทั้งหมดนี้นั้นยังเป็นแค่การคาดเดา
เนื่องจากอากูดะถูกฆ่าไป ชื่อของเขาจึงหายไปจากอันดับรายชื่อเฉียนหลง
ตอนนี้อันดับที่สามของรายชื่อเฉียนหลง คือ เหว่ยเฉิงโฉว
ลั่วอู๋ไม่ได้หยุดการท้าทายของเขาแต่อย่างใด
เป้าหมายต่อไปของเขาคือเฉียนเหออันดับที่แปดของรายชื่อเฉียนหลงที่มาจากสำนักหม่าเฉิน
เฉียนเหอเป็นผู้หญิงที่มีเครื่องประดับขนนกสีขาวบริสุทธิ์ที่ข้อมือและข้อเท้า นางเชี่ยวชาญในด้านความเร็วการเคลื่อนไหวและการโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็ว
ลั่วอู๋หลอกให้ศัตรูคิดว่าเขาอ่อนแอและกำลังเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ อดทนปล่อยให้เสียเปรียบอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นในที่สุดก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนให้ตวนซีกลายเป็นราชากระต่ายแห่งแดนสาบสูญ แล้วจึงใช้ทักษะทะลวงมิติ เพื่อปราบปรามอีกฝ่ายในทันที
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเร็วแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับทักษะทะลวงมิติ
เฉียนเหอจึงพ่ายแพ้ไปอยากหลีกเลี่ยงไม่ได้
เป้าหมายต่อไปนั้นคืออันดับที่เจ็ด
ทูหยานเป็นชายที่แข็งแกร่ง เขามีสไตล์การต่อสู้ที่ดุเดือดและมีความสามารถอันโดดเด่นในทุก ๆ ด้าน เขาเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง
ลั่วอู๋สั่งให้ตวนซีแปลงร่างเป็นม้าผี ด้วยความอดทนของม้าผี เขาจึงสามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้นานเป็นเวลาเจ็ดชั่วโมงติดต่อกัน ก่อนจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในที่สุด
ตอนนี้เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือไห่เซอ ซึ่งเป็นอันดับที่หก
เหล่านักเรียนจากสำนักหม่าเฉินได้มารวมตัวกัน
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า ลั่วอู๋จะสามารถเอาชนะยอดฝีมือแนวหน้าจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งของพวกเขาได้
“พวกเจ้าแพ้เขาได้ยังไงกัน ?” ไห่เซอถามผู้คนที่เคยแพ้ให้กับลั่วอู๋
ผู้พ่ายแพ้ทั้งสามกล่าว “เขามีภูตสงคราม และการระเบิดพลังวิญญาณในระยะประชิดโดยฉับพลันของมันนั้นน่ากลัวมาก”
พาสูกล่าว “เขามีทักษะอยู่มากมาย”
ทูหยานกล่าวว่า “ความทนทานในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของเขาอันตรายมาก หากเจ้าอยากจะจัดการกับเขา เจ้าต้องไม่ยืดเยื้อและเอาชนะเขาด้วยพลังทั้งหมดที่เจ้ามี”
เฉียนเหอตอบว่า “เขามีความเร็วมากจนดูเกินจริงที่เหนือชั้นกว่าข้ามาก ข้าสงสัยว่าเขามีทักษะในการควบคุมเชิงพื้นที่อันทรงพลังอยู่ในครอบครอง”
ไห่เซอหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาเริ่มเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“การระเบิดพลังวิญญาณอันทรงพลัง ทักษะที่หลากหลาย ความสามารถในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องอันน่ากลัว และความรวดเร็วที่เกินจริง เจ้าหมอนี่มันคือมนุษย์ที่ถูกสาปรึยังไงกัน?” ไห่เซอพูดด้วยความโกรธ
ฝูงชนมองหน้ากัน
ที่พวกเขาพูดนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งหมด แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าคำตอบของคนอื่น ๆ จะแตกต่างจากคำตอบของพวกเขาโดยสิ้นเชิงถึงขนาดนี้
หากสิ่งที่พวกเขาทุกคนพูดเป็นความจริงแล้วละก็
ความแข็งแกร่งของชายที่มีชื่อว่าลั่วอู๋คนนี้ ดูเหมือนว่าจะเกินจริงจนเกินไป
“แต่มันเป็นเรื่องจริง…” ทูหยานยิ้มอย่างขมขื่น
ไห่เซอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่แน่ ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น ในการเอาชนะเจ้าก็ได้”
นี่คือความจริง
“ที่เขาทำแบบนั้นได้ อาจเป็นเพราะเขามีวิธีที่จะพัฒนาความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง โดยฉับพลัน” ไห่เซอคิดว่าเขาเริ่มจะรู้ความลับของลั่วอู๋แล้ว
……
……
วันถัดไป
ลั่วอู๋เข้าสู่การทดสอบการต่อสู้จริง
“ในที่สุดก็ถึงตาของเจ้าแล้วสินะ” ลั่วอู๋กำลังมองตาของไห่เซอรอเขาเริ่มการโจมตี
ไห่เซอมองกลับไปที่ลั่วอู๋ด้วยสายตาอันเย็นชา “การละเล่นบ้า ๆ ของเจ้าควรจะจบลงได้แล้ว เจ้าไม่ได้อ่อนแอ และตอนนี้ข้าก็เข้าใจวิธีการของเจ้าแล้ว”
“วิธีการของข้า?” หัวใจของลั่วอู๋แทบกระโจนออกมา
มันไม่น่าเป็นความจริง
อีกฝ่ายรู้ความลับของสัตว์วิญญาณตัวที่สามของเขาแล้วงั้นเหรอ?
ไห่เซอนั้นมาจากเผ่าผี สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาคือหยิงหลิงกระดูกขาวระดับทองขั้นสูง ซึ่งเกิดจาก ซากบรรพบุรุษในเผ่าผีของเขา
ชนเผ่านี้แปลกมาก
สมาชิกของเผ่าที่แข็งแกร่งระดับวีรชนนั้น เมื่อตายลงจะถูกนำกระดูกมาใช้สร้างหยิงหลิงกระดูกขาว
หยิงหลิงกระดูกขาวที่เกิดจากซากกระดูกของเหล่าวีรชน ไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งหรือมิติวิญญาณได้ด้วยการฝึกฝน แต่พวกมันนั้นสามารถยกระดับมิติวิญญาณได้ในตอนที่มันกำลังจะกำเนิดขึ้นมา พวกมันเป็นสัตว์วิญญาณที่ลึกลับมาก
แม้ว่าลั่วอู๋จะรู้ว่าสัตว์วิญญาณของอีกฝ่ายคือหยิงหลิงกระดูกขาว แต่เขาก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายมีทักษะความสามารถอะไรบ้าง เนื่องจากทักษะความสามารถของ หยิงหลิงกระดูกขาวที่กำเนิดจากกระดูกของวีรชนนั้นค่อนข้างแปลกและแทบจะไม่เหมือนกันเลย
“เข้ามาสิ” ออร่าในการต่อสู้ของไห่เซอ สร้างความหวาดกลัวให้กับลั่วอู๋
ลั่วอู๋รู้สึกหัวเสียเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายนั้นไม่คิดจะออมมือเลยแม้แต่น้อย
“ดี ถ้าอย่างนั้นข้าจะเอาชนะเจ้าด้วยพลังทั้งหมดที่ข้ามี” ลั่วอู๋คิดในใจ เขาสั่งให้ตวนซีแปลงร่างเป็นภูตสงคราม แล้วเข้าสู่สภาวะการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
เลือดแห่งการต่อสู้เดือดพล่าน เปลวไฟอันน่าสยดสยองแผดเผาปกคลุมดาบระบำแห่งความตายในมือของเขา
ลั่วอู๋กางปีกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกแผ่ออกไปจากด้านหลังของเขา จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีไห่เซออย่างรวดเร็ว แสงอันทรงพลังและแพรวพราวปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ พลังทำลายล้างของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ความประหลาดใจเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของไห่เซอ
“ฮ่าฮ่า เจ้าจะใช้ท่าระเบิดพลังวิญญาณงั้นสินะ” ดวงตาไห่เซอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว จากนั้นก็จับจ้องไปที่ลั่วอู๋และคำราม “จงดูดกลืน!”
ทักษะระดับ SS [การดูดกลืน]
ไห่เซอใช้ไพ่ตายก้นหีบของเขา
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่ในอันดับหกของรายชื่อสำนักเฉียนหลง และสำนักหม่าเฉิน
หยิงหลิงกระดูกขาวที่เกิดจากกระดูกวีรชนของเขา คือบรรพบุรุษของชนเผ่าที่เก่งกาจในการควบคุมพลังของสัตว์วิญญาณ และกลืนกินพลังของศัตรู เมื่อเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของหยิงหลิงกระดูกขาว เขาก็ได้ปลุกทักษะนี้ขึ้นมา
เท่าที่ไห่เซอรู้ทักษะนี้นั้นยังไม่มีการบันทึกไว้ในหนังสือ ใด ๆ มาก่อน
กล่าวคือเขาเป็นคนเดียวในโลกที่เชี่ยวชาญทักษะนี้
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็รู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของภูตสงครามในร่างกายของเขากำลังถูกสูบออกไปเรื่อย ๆ เข้าไปในร่างของไห่เซอ
“หึหึ พลังการระเบิดพลังวิญญาณช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นความสามารถของภูตสงคราม” ไห่เซอกล่าว “ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าตกเป็นของข้าแล้ว”
มือไห่เซอค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นทักษะดาบแห่งวันพิพากษา
พลังของภูตสงครามในตัวเขากำลังพลุ่งพล่าน
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีที่จะพัฒนาความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง โดยฉับพลัน” ไห่เซอเดินเข้ามาหาลั่วอู๋อย่างช้าๆ
“มันน่าเสียดายที่ข้ามองออก โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าเลือกใช้ความสามารถในการระเบิดพลังวิญญาณของเจ้าเป็นอย่างแรก”
“เจ้ามีความสามารถที่จะพัฒนาทักษะด้านใดด้านหนึ่งได้ แต่ในระหว่างนั้นจะไม่สามารถพัฒนาความสามารถด้านอื่นได้ ดังนั้นในเมื่อตอนนี้พลังการระเบิดพลังวิญญาณของเจ้าถูกข้าช่วงชิงไป และเจ้าไม่สามารถพัฒนาความสามารถด้านอื่นได้ชั่วคราว เจ้าจะเอาอะไรมาชนะข้า”
เมื่อฟังคำพูดของไห่เซอ ลั่วอู๋ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่สุดท้ายเขาก็หัวเราะออกมาแทน
“เจ้าหัวเราะอะไรของเจ้า?” ไห่เซอถาม
ทันใดนั้น ลมปราณอันน่ากลัวก็แผ่ออกมา หินนับไม่ถ้วนกระจายออกไปโดยรอบ
“เดาได้ดี สันนิษฐานได้ดี” ลั่วอู๋พูดอย่างใจเย็น “น่าเสียดายที่มันผิดไปนิดหน่อย”
“พูดอะไรไร้สาระ! ถ้าเจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้ก็ลองดูสิ” ไห่เซอคำรามและเงื้อดาบแห่งวันพิพากษาในมือขึ้น
แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงมาราวกับจะทำลายทุกสรรพสิ่ง
มันเป็นพลังอันทรงพลัง ทำให้ไห่เซอรู้สึกเย้ยหยันในใจ คราวนี้อีกฝ่ายจะยังแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกไหม
ไม่มีความสับสนใด ๆ ในจิตใจของลั่วอู๋
เมื่อต้องเผชิญกับพลังวิญญาณอันพลุ่งพล่านของภูตสงคราม เขาก็เรียกถามตวนซี “เจ้าเห็นมันอย่างชัดเจนแล้วใช่ไหม”
ตวนซีตอบ “ชัดเจน”
“ดีมาก” ลั่วอู๋อ้าแขนราวกับต้อนรับการโจมตี จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “การดูดกลืน”
ทักษะระดับ SS [การดูดกลืน]
ถูกใช้งาน
เหมือนกับในตอนที่พลังวิญญาณของภูตสงครามในร่างของลั่วอู๋หายไป พลังของภูตสงครามในร่างของไห่เซอค่อย ๆ ถูกสูบออกไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ไห่เซอคำราม “เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมเจ้าถึงดูดซับพลังวิญญาณของภูตสงครามกลับไปได้!”
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของลั่วอู๋ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าชอบคาดเดาไม่ใช่เหรอ ? งั้นก็ลองเดาต่อไปสิ” ลั่วอู๋เงื้อดาบระบำแห่งความตายในมือแล้วเปิดใช้งานทักษะดาบแห่งการทำลายล้าง พุ่งเข้าไปฟาดฟันไห่เซอ
ไห่เซอจากสำนักหม่าเฉิน อันดับที่หกของรายชื่อ เฉียนหลง ได้พ่ายแพ้ลงไปแล้ว!