กระบี่จงมา – ตอนที่ 591.1 ฝนพรำติดต่อจนไม่รู้ว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะจากไป

ลมฤดูใบไม้ผลิเรียกฝนฤดูใบไม้ผลิให้มาเยือน

ภายใต้ชายคา เฉินผิงอันที่นั่งอ่านบทประพันธ์ของปัญญาชนคนหนึ่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นยืน เดินเอามือไปรองรับน้ำฝน

ตอนนั้นก่อนจะกลับมาที่จวนหนิงในนคร เฉินชิงตูถามคำถามเขาข้อหนึ่งว่าจะทิ้งตะเกียงแห่งชะตาชีวิตดวงหนึ่งไว้หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากตายอยู่ในสงครามใหญ่ทางทิศใต้ครั้งถัดไป แม้ว่ารากฐานมหามรรคาจะเสียหาย แต่จะดีจะชั่วก็มีชีวิตเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง นี่ก็คือขั้นตอนแรกในการคัดลอกดวงวิญญาณ ค่อนข้างจะทรมาน ผู้ฝึกตนทั่วไปแบกรับความทรมานนี้ไม่ไหว สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำของใต้หล้าไพศาลที่คิดจะลงโทษภูตผีวัตถุหยินใต้บังคับบัญชา การจุดตะเกียงน้ำตะเกียงไฟที่มีดวงวิญญาณเป็นไส้ตะเกียง ความร้ายกาจของมันจะดำรงอยู่อย่างยาวนาน หากพูดถึงแค่ความเจ็บปวดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเวทคาถาการคัดลอกนี้ได้ติด

ขั้นที่สองก็คือการจุดตะเกียงอยู่ในศาลบรรพจารย์ของตัวเอง เมื่อผ่านก้าวแรกไปได้ ข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดของตะเกียงแห่งชะตาชีวิตนี้ก็คือเผาผลาญเงินทอง ไส้ตะเกียงจะถูกสร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตระกูลเซียน สิ่งที่เผาผลาญไปก็คือเงินเทพเซียน คือการทุ่มเงินในทุกๆ วัน เป็นเหตุให้ตะเกียงแห่งชะตาชีวิตนี้ เมื่ออยู่ในใต้หล้าไพศาลจึงมักจะมีเพียงตระกูลเซียนตัวอักษรจงที่มีรากฐานลึกล้ำเท่านั้นที่จะจุดตะเกียงให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่สำคัญที่สุดในศาลบรรพจารย์ จะฝึกวิชาบทนี้เป็นหรือไม่ คือธรณีประตูขั้นแรก การสร้างตะเกียงแห่งชะตาชีวิตก็คือธรณีประตูขั้นที่สอง เงินเทพเซียนที่ต้องเผาผลาญหลังจากนี้ก็มักจะเป็นรายจ่ายที่สำคัญของศาลบรรพจารย์แห่งหนึ่ง เพราะหากจุดไปแล้วก็ไม่อาจมอดดับ หากไฟของตะเกียงดับลง กลับกลายเป็นว่าจะหันไปทำร้ายวิญญาณดั้งเดิมของผู้ฝึกตน และขอบเขตถดถอยก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้

ขั้นที่สามก็คืออาศัยตะเกียงแห่งชะตาชีวิตมาสร้างดวงวิญญาณจิตหยินและร่างจริงจิตหยาง อีกทั้งยังไม่แน่เสมอไปว่าจะทำได้สำเร็จ ต่อให้ทำสำเร็จแล้ว วันหน้าผลสำเร็จบนมหามรรคาก็จะถูกลดทอนไปมาก

เป็นเหตุให้เรื่องของการสร้างตะเกียงแห่งชะตาชีวิตคือการกระทำที่จำใจ คือวิธีการชวนจนใจที่ผู้ฝึกตนของสำนักบนภูเขาใช้รับมือกับ ‘หมื่นหนึ่ง’ ในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดีกว่าผู้ฝึกตนที่ลาจากโลกนี้ไป จิตวิญญาณแหลกสลาย ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่การกลับมาจุติใหม่ ค้นหาอย่างยากลำบากไปทั่วสารทิศกว่าจะถูกคนพากลับเข้าสำนักไปสืบทอดควันธูปต่อ ทว่าผู้ฝึกตนที่เป็นเช่นนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณของชาติก่อนมักจะไม่ครบถ้วน จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนก็ต้องดูที่ชะตาฟ้าลิขิต ดังนั้นสติปัญญาจะเปิดโล่งได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรม หลังจากสติปัญญาเปิดโล่งแล้ว ควรจะคิดคำนวณชาติก่อนชาตินี้อย่างไรก็ยังบอกได้ยาก

เฉินผิงอันคืนสติกลับมา เก็บความคิดทั้งหมดลงไป หันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นพวกเจ้าอ้วนเยี่ยน เตี๋ยจ้างก็อยู่ด้วยอย่างที่หาได้ยาก ร้านเหล้ากลัววันที่ฝนตกมากที่สุด จึงได้แต่ปิดร้าน ทว่าโต๊ะกับม้านั่งจะไม่มีการเคลื่อนย้าย วางไว้นอกร้านอยู่อย่างนั้น ตามวิธีการที่เฉินผิงอันบอกแก่นาง ทุกครั้งที่เจอกับวันฝนตกหิมะตก ร้านจะไม่เปิดกิจการ แต่บนโต๊ะทุกตัวจะวางเหล้าถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ที่ถูกที่สุดเอาไว้ และวางชามเหล้าไว้อีกสองสามใบ เหล้าไหนี้จะไม่คิดเงิน ผู้ที่มาพบสามารถดื่มได้เลย แต่ทุกคนดื่มได้แค่คนละชามเท่านั้น

หนิงเหยายังตั้งใจฝึกตนอยู่ที่หน้าผาสังหารมังกร คราวก่อนหลังจากเดินกลับกันมาถึงจวนหนิง ป๋ายหมัวมัวกับน่าหลันเย่สิงต่างก็สังเกตเห็นว่าคุณหนูของตนแปลกไป หันมาจริงจังกับเรื่องของการฝึกตนมากขึ้น

เจ้าอ้วนเยี่ยนมาคุยเรื่องที่จะให้เฉินผิงอันกับเตี๋ยจ้างเข้าร่วมร้านขายผ้าแพรต่วน เฉินซานชิวกับต่งฮว่าฝูแค่มาร่วมวงเรื่องสนุกเท่านั้น แต่ละคนกางร่ม พอเดินเข้ามาใต้ชายคาแล้วก็หุบร่มเอาวางพิงไว้ตรงมุมกำแพง เฉินผิงอันมือหนึ่งถือหนังสือ มือหนึ่งหิ้วเก้าอี้เดินเข้าไปในห้อง เจ้าอ้วนเยี่ยนมองห้องที่สะอาดจนเกินพอดีแล้วก็ให้เจ็บปวดใจ พี่น้องคนดีของข้าเยี่ยนจั๋ว ลูกเขยคนดีของจวนหนิง เหตุใดถึงได้มาพักอยู่ในสถานที่เล็กๆ แร้นแค้นเช่นนี้ เฉินซานชิวหยิบชุดชงชาออกมาจากวัตถุฟางชุ่น ว่ากันว่าเป็นของที่เชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ใหญ่บางแห่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางใช้กัน เฉินซานชิวเริ่มต้มชา เขาก็อยากจะชวนเฉินผิงอันดื่มเหล้าอยู่เหมือนกัน แต่เขาจะกล้าหรือ? วันหน้ายังอยากจะมาเป็นแขกที่จวนหนิงอีกหรือไม่?

ตอนที่เฉินซานชิวชงชา เขายิ้มเอ่ยว่า “เรื่องของฟ่านต้าเช่อ ขอบใจมาก”

เฉินผิงอันโบกมือ ‘รวมบทร่มเงาพฤกษาบุปผชาติ’ ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่มนั้นก็คือตำราหายากที่เฉินซานชิวช่วยซื้อมาให้จากหอมายา และยังมีหนังสือประวัติศาสตร์อีกหลายเล่ม น่าจะจ่ายเงินเทพเซียนไปไม่น้อย เพียงแต่ว่าพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ กับคุณชายลำดับต้นๆ อย่างเฉินซานชิว ก็เหมือนการตบหน้าเขา

ส่วนต่งถ่านดำที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลใหญ่ลำดับต้นๆ เหมือนกันนั้นก็ช่างเถิด ความสามารถในการประหยัดเงินของเจ้าหมอนี่เข้าขั้นชำนาญกว่าเฉินผิงอันเสียอีก ตั้งแต่เล็กจนโต ว่ากันว่าเขาไม่เคยควักเงินออกจากกระเป๋าแม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว เฉินผิงอันยังนึกอยากจะหาคนให้มาเป็นเจ้ามือให้ จะได้ลงเดิมพันว่าต่งฮว่าฝูจะเป็นฝ่ายควักเงินตอนไหน จากนั้นเขากับต่งฮว่าฝูที่คบคิดกันก็จะแอบแบ่งกำไรกันก้อนใหญ่

เฉินผิงอันรู้สึกว่ามีโอกาสจะหาเงินได้จึงพูดเรื่องนี้กับต่งฮว่าฝู

ต่งฮว่าฝูกลับส่ายหน้าเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช้เงิน แล้วจะหาเงินมาทำไม ที่บ้านข้าก็ไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย”

เฉินผิงอันสะอึกอึ้ง

ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผล?

เตี๋ยจ้างหัวเราะเบิกบานที่สุด เพียงแต่ว่าหัวเราะได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเฉินผิงอันเอ่ยว่า “ไม่ต้องให้เจ้าจ่ายเงิน ข้าจะปรึกษากับคนที่มาเป็นเจ้ามือให้แบ่งการเดิมพันออกเป็นว่าเจ้าจะใช้เงินภายในสิบวัน ใช้เงินภายในหนึ่งเดือน และในหนึ่งเดือนจะยังคงไม่ใช่เงินต่อไป ส่วนรายละเอียดว่าจะใช้เงินเท่าไรก็ให้มีการเดิมพันเช่นกัน เดิมพันว่าเป็นเงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญหรือหลายเหรียญ หรือว่าจะเป็นเงินร้อนน้อย จากนั้นก็ให้เขาแสร้งปล่อยข่าวลือไปว่า ข้าเฉินผิงอันลงเดิมพันก้อนใหญ่ว่าเจ้าจะใช้เงินในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ แต่ให้ตายก็ไม่ยอมบอกว่าสรุปแล้วเป็นภายในสิบวันหรือว่าหนึ่งเดือนกันแน่ แต่ในความเป็นจริงแล้วข้ากลับลงเดิมพันว่าเจ้าจะไม่ใช้เงินเลยตลอดทั้งเดือน เห็นไหม เจ้าเองก็ไม่ต้องใช้เงิน ได้ดื่มเหล้าเหมือนเดิม แล้วยังได้เงินมาเปล่าๆ อีก”

เตี๋ยจ้างรู้สึกว่าเถ้าแก่รองตรงหน้าผู้นี้ ยามที่คิดจะเป็นเจ้ามือขึ้นมาก็หน้าเลือดยิ่งกว่าอาเหลียงเสียอีก

เฉินซานชิวเริ่มนึกอยากดื่มเหล้าเสียแล้ว

เยี่ยนจั๋วทำท่าคันไม้คันมืออยากลองเต็มที่ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากจะได้กำไรมาเปล่าๆ เหมือนกัน เดิมพันว่าต่งถ่านดำไม่มีทางใช้เงิน!”

เฉินผิงอันเหล่ตามอง “แน่นอนว่าเจ้าต้องคอยช่วยเจ้ามือที่ทุ่มเงินก้อนใหญ่จ้างมาผู้นั้นทำสถานการณ์ให้มั่นคงอยู่แล้ว ในขณะที่พวกคนเจ้าเล่ห์ยังโลเลตัดสินใจไม่ได้ เจ้าก็ต้อง ‘ไม่ทันระวัง’ บอกให้ข้ารับใช้คนสนิทเอาเงินไปจ่าย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการเปิดเผยเบาะแส ทำให้คนเล่าลือกันไปปากต่อปาก เมื่อรู้ว่านายน้อยเยี่ยนอย่างเจ้าแอบทุ่มเงินเทพเซียนก้อนใหญ่ลงเดิมพันเวลาภายในสิบวัน ก็จะทำให้คนมั่นใจในข่าวลือเล็กๆ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าข้าลงเดิมพันว่าต่งถ่านดำจะใช้เงิน ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของนักพนันเจ้าเล่ห์พวกนั้น มีความเป็นไปได้มากกว่าจะไม่ติดเบ็ด ก่อนหน้านี้นายน้อยเยี่ยนอย่างเจ้าทุ่มเงินไปกี่มากน้อย เงินเหล่านั้นแค่มาวนอยู่ในกระเป๋าข้ารอบหนึ่งแล้วก็ต้องหวนคืนสู่กระเป๋าเจ้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ? หลังจบเรื่องเจ้าค่อยมาปรึกษาเรื่องส่วนแบ่งกับข้าและต่งถ่านดำ”

เยี่ยนจั๋วใช้หมัดทุบฝ่ามือ “ยอดเยี่ยมนัก!”

เตี๋ยจ้างกับเฉินซานชิวหันมามองหน้ากันเอง

เตี๋ยจ้างกำลังจะขอเข้าร่วมด้วย ไม่มาก เอาแค่เงินเกล็ดหิมะไม่กี่เหรียญเท่านั้น เงินที่ผิดต่อมโนธรรมในใจเช่นนี้ ได้มานิดหน่อยก็พอ หากได้มามากเกินไป ในใจเตี๋ยจ้างย่อมรู้สึกผิด

คิดไม่ถึงว่าเฉินซานชิวจะส่ายหน้า “อย่าลากข้าลงน้ำด้วย มโนธรรมในใจของข้าไม่สงบ”

เตี๋ยจ้างจึงเริ่มลังเล

เฉินผิงอันทำสีหน้ารังเกียจ “เดิมทีกระบวนท่าหนึ่งก็ไม่ควรเอามาใช้สะเปะสะปะ ใช้มากไปกลับจะทำให้คนสงสัย”

เฉินซานชิวกุมมือเป็นหมัดแล้วเขย่าเบาๆ “ข้าต้องขอบคุณเจ้านะเนี่ย”

ต่งฮว่าฝูกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าต้องการห้าส่วน ส่วนที่เหลือพวกเจ้าสองคนก็ไปแบ่งกันเอาเอง”

เฉินผิงอันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีว่า “ถ่านดำเอ๋ย ข้าได้ยินมาว่าคนทั้งนครล้วนรู้เรื่องที่หนึ่งฝ่ามือของหนิงเหยาตบข้าเฉินผิงอันได้ร้อยคนกันหมดแล้ว ข้าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก เจ้าดูอย่างฟ่านต้าเช่อนั่นสิ ด่าข้าในถิ่นของข้า ข้าก็ไม่ว่าอะไร แล้วยังจะขว้างชามข้าแตก แต่ข้าเคยอาฆาตแค้นไหม? ข้าไม่เคยอาฆาตแค้นเขาเลยสักนิด ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนที่ดีที่หากไม่ตีก็ไม่รู้จักกัน เพียงคลี่ยิ้มก็ลืมความแค้นกันไปแล้ว”

ต่งฮว่าฝูพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “เมื่อครู่นี้ข้าบอกว่าเป็นเจ้าที่ได้ส่วนแบ่งคนเดียวห้าส่วน ข้ากับเจ้าอ้วนเยี่ยนจะแบ่งส่วนที่เหลือกันเอง”

ต่อจากนั้นก็เริ่มคุยเรื่องเป็นการเป็นงานต่อกัน ร้านผ้าแพรต่วนที่อยู่ในชื่อของเยี่ยนจั๋วนั้น เฉินผิงอันกับเตี๋ยจ้างคิดจะเข้าร่วมด้วย ทั้งสองคนได้ส่วนแบ่งกันคนละหนึ่งส่วน

เฉินผิงอันพาพวกเขาเดินมายังห้องฝั่งตรงข้าม เปิดประตูออก บนโต๊ะมีตราประทับน้อยใหญ่สูงต่ำหลากหลายสีสันกองเอาไว้จนเต็ม มีไม่ต่ำกว่าร้อยอัน แล้วยังมีตำราตราประทับที่เฉินผิงอันเขียนขึ้นมาเองอีกหนึ่งฉบับ มีชื่อว่า ‘ตำราตราประทับร้อยเซียนกระบี่’ เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตราประทับพวกนี้แกะสลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ล้วนเป็นถ้อยคำมงคลที่ความหมายดี เป็นนิมิตหมายที่ดี สตรีมอบให้สตรี สตรีมอบให้บุรุษ บุรุษมอบให้สตรี ล้วนเหมาะสมดีเยี่ยม หากซื้อแค่ผ้าแพรต่วนของที่ร้านจะไม่มอบให้ มีเพียงวางเงินมัดจำล่วงหน้ากับร้านพวกเราไว้ก่อนก้อนหนึ่ง ราคาเริ่มต้นคือหนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อย ถึงจะมอบตราประทับให้หนึ่งชิ้น คนที่จ่ายเงินก่อนได้เลือกตราประทับก่อน เพียงแต่ว่าตรงขอบของตราประทับยังไม่สลักตัวอักษร หากต้องการสลักตัวอักษรเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องการให้ลงชื่อของข้าเฉินผิงอันก็ต้องควักเงินเพิ่ม นอกจากจะได้ส่วนแบ่งหนึ่งส่วนมาจากทางร้าน ข้ายังต้องได้ส่วนต่างเพิ่มอีก สตรีเอาเงินมาช่วยสำรองให้ การซื้อผ้าตัดชุดหลังจากนั้น ทางร้านก็สามารถลดราคาให้ได้ แค่ทำให้พอเป็นพิธีก็พอ หากมีสตรีควักเงินฝนธัญพืชออกมาตบหน้านายน้อยเยี่ยนของพวกเราโดยตรง จะลดให้มากหน่อยก็ไม่มีปัญหา”

เยี่ยนจั๋วหยิบตราประทับขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ด้านบนสลักอักษรคำว่า ‘ห้องแห่งความคิดถึง’ แล้วจึงเอ่ยอย่างลังเลว่า “แม้จะบอกว่าที่นี่ของพวกเรามีสตรีตระกูลใหญ่ที่พอจะรู้บทกวีอยู่บ้าง แต่อันที่จริงความรู้ของพวกนางล้วนธรรมดาอย่างมาก จะชอบของพวกนี้หรือ? อีกอย่างวัสดุของตราประทับพวกนี้ก็ธรรมดาไปหน่อยหรือเปล่า”

เฉินผิงอันเอ่ยว่า “หากวัสดุของตราประทับดีเกินไป ไยจะต้องนำมาเป็นของรางวัลที่ร้านผ้าเล่า การค้าที่ขาดทุน ทำไปก็ไร้ความหมาย อันที่จริงของพวกนี้เป็นแค่ของที่เอาไว้ให้คนถือเล่นในมือ แค่ชื่นชมก็พอแล้ว อีกอย่างอันที่จริงใต้หล้านี้ก็ไม่มีคนที่ไม่ชอบถ้อยคำดีๆ และตัวอักษรสวยๆ หรอก เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเห็นก็เท่านั้น”

เฉินซานชิวหยิบๆ พลิกๆ สุดท้ายไปถูกใจตราประทับขนาดจิ๋วอันหนึ่งที่สลักอักษรคำว่า ‘ในใจซ่อนคนบางคน ชวนให้คิดถึงคำนึงหา’ จึงโยนเงินฝนธัญพืชเหรียญหนึ่งไปให้เจ้าอ้วนเยี่ยน ยิ้มเอ่ยว่า “ถือเสียว่าเป็นเงินฝนธัญพืชที่มอบให้ร้านของเจ้า ดังนั้นตราประทับชิ้นนี้จึงเป็นของข้าแล้ว”

เยี่ยนจั๋วรู้ว่าเรื่องพวกนี้เฉินซานชิวมีความรู้กว้างขวางกว่าตน เพียงแต่ว่าก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก จึงเอ่ยว่า “เฉินผิงอัน เรื่องเป็นหุ้นส่วนนั้นไม่มีปัญหา เจ้ากับเตี๋ยจ้างได้ส่วนแบ่งไปคนละส่วน เพียงแต่ว่าตราประทับพวกนี้ ข้ากังวลว่าจะมีเพียงเฉินซานชิวที่ชื่นชอบ ถึงอย่างไรคนที่นี่ที่เป็นคนกินอิ่มว่างงานเลยชอบอ่านหนังสืออย่างเฉินซานชิวก็มีอยู่น้อยมาก หากถึงเวลานั้นคิดจะมอบให้เปล่าๆ ก็ยังไม่มีใครเอา คิดจะขายยิ่งไม่มีทางขายออก ข้าก็ไม่เท่าไรหรอก เพราะเดิมทีกิจการของร้านก็ธรรมดามากอยู่แล้ว แต่หากเจ้าต้องขายหน้าก็อย่ามาโทษว่าฮวงจุ้ยของร้านข้าไม่ดีเด็ดขาด อีกอย่างต้องควักเงินก่อนถึงจะได้ของ จะมีสตรีคนใดยอมถูกหลอกแบบนั้นจริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันหยิบสมุดเล็กเล่มหนึ่งมาจากมุมอื่น ยื่นส่งให้เยี่ยนจั๋วแล้วก็ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าเอาไปอ่านดูสักบทสองบท แล้วแค่ทำตามก็พอแล้ว ถึงอย่างไรกิจการของร้านก็ไม่แย่ไปกว่าเดิมหรอก”

ต่งฮว่าฝูพลันเอ่ยว่า “ข้าต้องการตราประทับชิ้นนี้”

เฉินผิงอันชำเลืองตามอง ตราประทับของตัวเอง แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นชิ้นไหน ตัวอักษรสีชาดบนตราประทับชิ้นนั้นคือคำว่า ‘เจ็บใจที่ขุนเขาไม่ยาวไกล ออกกระบี่พาดสายรุ้งยาว’

Sword of Coming กระบี่จงมา

Sword of Coming กระบี่จงมา

Jiàn Lái, 剑来
Score 8.2
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2017 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Sword of Coming กระบี่จงมา ” หนึ่งโลกธาตุขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยความลี้ลับมหัศจรรย์ ใจกลางฟ้าดิน เคยมีปัญญาชนผู้หนึ่งใช้หนึ่งกระบี่ฟาดฟันให้เกิดน้ำตกธารสวรรค์ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของโลกมนุษย์ หน้าผาทะเลบูรพา มีนักพรตไร้นามผู้หนึ่งที่ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด หวังเพียงให้ลมเย็นโชยมาปะทะใบหน้า แดนสุขาวดีปัจฉิมทิศ มีหลวงจีนเฒ่าที่ชอบเล่าเรื่องราวให้ผู้คนฟัง เลี้ยงมังกรสวรรค์ไว้เก้าตัว พื้นที่กันดารแดนใต้ มีจิตรกรตาบอดควบคุมหุ่นเชิดเกราะทองสูงเท่าเนินเขาให้เคลื่อนย้ายภูเขาใหญ่หนึ่งแสนลูก ปูแผ่เป็นภาพลายปัก เมื่อวันหนึ่งเด็กหนุ่มยากจนที่เติบโตทางทิศเหนือได้พบกับเซียนที่เหนือศีรษะมีกระบี่บินนับพันนับหมื่นประดุจฝูงตั๊กแตน “ เขาจึงอยากจะไปเห็นปัญญาชนคนนั้น เห็นคลื่นยักษ์ที่โถมตัวเทียมฟ้าของทะเลบูรพา เห็นทะเลทรายสีเหลืองทองกว้างไกลนับหมื่นลี้ของแดนประจิม และอยากไปเห็นภูเขาลูกโอฬารของแดนกันดารทางใต้ที่นักเล่านิทานเอ่ยถึงกับตาตัวเอง ดังนั้น ในที่สุดวันหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสะพายกระบี่ไม้พาดหลัง มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ –ข้ามีนามว่าเฉินผิงอัน ผิงอันที่แปลว่าสงบสุข สันติ ข้าคือมือกระบี่คนหนึ่ง–

Comment

Options

not work with dark mode
Reset