ร้านตระกูลหยาง หลี่เอ้อ เจิ้งต้าเฟิง ซูเตี้ยน สือหลิงซาน ลูกศิษย์เหล่านี้ต่างก็ทยอยกันออกเดินทางไกล หยางเหล่าโถวมีความสุขที่ได้อยู่อย่างสงบ หยางสู่ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าของร้านเป็นคนที่ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ หยางเหล่าโถวจึงคร้านจะพูดกับอีกฝ่ายมากเกินจำเป็น แน่นอนว่าหยางสู่เองก็ไม่ยินดีจะตีสนิทกับตาเฒ่าสกปรกผู้นี้ด้วย ตะพาบนอนอยู่ในรัง กลับคิดไปว่าตัวเองเป็นคนจริงๆ หากไม่เป็นเพราะบรรพบุรุษตระกูลหยางเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ในอดีต ร้านที่กิจการซบเซาเช่นนี้ ปีๆ หนึ่งจะได้เงินสักกี่แดงกัน? หากเปลี่ยนให้เขาหยางสู่มาเป็นเจ้าประมุขตระกูล ป่านนี้คงคิดบัญชีกับอีกฝ่ายไปนานแล้ว
เว่ยป้อ หร่วนฉงพากันมาเยือนที่ร้านแทบจะเวลาเดียวกัน
คนหนึ่งคือซานจวินของขุนเขาเหนือ อีกคนหนึ่งคืออริยะผู้เฝ้าพิทักษ์ ทั้งคู่ต่างก็มาเยือนอย่างเงียบเชียบ
หร่วนฉงนั้นค่อนข้างจะทำตัวตามสบาย นั่งดื่มเหล้าอยู่บนม้านั่งยาวใต้ชายคา ครั้งนี้ซิ่วซิ่วกลับบ้านได้นำสุราดีกลับมาด้วย อันที่จริงเวลาปกติเขาตัดใจดื่มไม่ค่อยลงนัก
เว่ยป้อยืนอยู่ด้านหนึ่งของม้านั่งยาว สีหน้าเคร่งเครียด
ม้านั่งยาวที่อยู่ข้างกายตัวนี้มีอริยะหลายท่านเคยมานั่ง
หยางเหล่าโถวนั่งอยู่บนบันไดนอกห้องหลักฝั่งตรงข้าม ไอหมอกขาวลอยอบอวล
หร่วนฉงเก็บกาเหล้า พูดเข้าประเด็นทันที “หากซิ่วซิ่วไม่ได้ไปที่โรงเรียน ข้าก็คงไม่มา”
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “ข้าไม่อาจควบคุมนางได้ หร่วนฉง เรื่องนี้ต้องโทษตัวเจ้าเอง”
หร่วนฉงพยักหน้า มีคำตอบนี้แล้ว ขอแค่ไม่ใช่แผนการของหยางเหล่าโถวก็เพียงพอแล้ว
ทว่าเว่ยป้อกลับยิ่งอารมณ์หนักอึ้ง พันธมิตรตามธรรมชาติอย่างหร่วนฉงหายไป ซานจวินตัวเล็กๆ อย่างเขาย่อมต้องกดดันอย่างมาก
บอกตามตรง คบค้าสมาคมกับผู้อาวุโสท่านนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่รู้สึกผ่อนคลายทั้งนั้น
หยางเหล่าโถวเอากระบอกยาสูบเคาะลงบนขั้นบันได เอ่ยว่า “เจ้านครจักรพรรดิขาวอยู่ที่เมืองหลวงต้าหลี กำลังมองมาที่นี่ ไม่แน่ว่าเพียงชั่วพริบตาก็อาจมาเยือนที่นี่แล้ว”
หร่วนฉงขมวดคิ้วแน่น
เว่ยป้อถาม “ทางฝั่งของราชครู?”
หยางเหล่าโถวหัวเราะทันใด “เดาความคิดจิตใจของซิ่วหู่ผู้นั้นได้ วันหน้าซานจวินอย่างเจ้าทำเรื่องใดๆ ก็จะผ่อนคลายได้จริงหรือ? ข้าว่าไม่แน่เสมอไปหรอก ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะคิดมากไปไย”
ยามที่ถ้ำสวรรค์หลีจูกำลังจะปริแตก โชควาสนาทั้งหลายกระจัดกระจายไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไปตามคน
ก็เหมือนกับเครื่องกระเบื้องชิ้นหนึ่งหล่นจากโต๊ะหนังสือกระแทกพื้น เศษกระเบื้องน้อยใหญ่จึงกระจายไปสี่ด้านแปดทิศ
โชควาสนาบนมหามรรคาที่ใหญ่ที่สุดห้าส่วน แบ่งออกเป็นของบุตรสาวโทนของอริยะหร่วนฉง หรือก็คือกำไลมังกรเพลิงบนข้อมือของหร่วนซิ่ว
หนีชิวน้อยที่กู้ช่านขอมาจากเฉินผิงอันเมื่อครั้งอดีต แล้วเอามาเลี้ยงไว้ในอ่างน้ำบ้านตัวเอง พอถูกหลิวจื้อเม่าพาตัวออกไปจากเมืองเล็ก หนีชิวน้อยที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนก็สูบพลังบำรุงตัวเองอย่างกำเริบเสิบสาน พอกลายร่างเป็นมนุษย์จึงถูกตั้งชื่อว่าถานเซวี่ย
งูสี่ขาที่มีเขางอกบนหน้าผากซึ่งอยู่ข้างกายซ่งจี๋ซินและสาวใช้จื้อกุย
ปลาหลีสีทองที่เกาเซวียนองค์ชายต้าสุยซื้อไปจากมือหลี่เอ้อ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ยังได้ข้องราชามังกรที่ระดับขั้นสูงอย่างถึงที่สุดไปอีกหนึ่งใบ
รวมไปถึงจ้าวเหยาเด็กรับใช้ของอาจารย์ฉีที่โดยสารวัวเทียมเกวียนเดินทางออกจากเมืองเล็กไปนานแล้ว ปีนั้นนอกจากมังกรไม้ บนร่างของเด็กหนุ่มยังแอบซ่อนตราประทับอักษรชุนที่อาจารย์ของตนมอบให้เป็นของขวัญก่อนจากลาอีกชิ้นหนึ่งด้วย
มองภายนอกขาดก็แค่จ้าวเหยาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิด
แต่แผนการของชุยฉานย่อมไม่มีช่องโหว่เช่นนี้แน่นอน
สกุลเกาต้าสุยลงนามพันธมิตรภูเขากับสกุลซ่งต้าหลี นั่นคือหมากกระดานหนึ่ง ในฐานะตัวประกัน ภายใต้การปกป้องคุ้มครองของบรรพบุรุษสกุลเกาเกอหยาง เกาเซวียนได้มาขอศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลินลู่บนภูเขาพีอวิ๋นนานหลายปีแล้ว ปลาหลีสีทองตัวนั้นถูกเลี้ยงอยู่ในลำธารสายหนึ่งในหุบเขามาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่าราชสำนักต้าหลีกำชับลำคลองหลงซวีและแม่น้ำเถี่ยฝู รวมถึงเทพภูเขาสามองค์ซึ่งมีซ่งอวี้จางเป็นหนึ่งในนั้นว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้แก่คนนอก
ทะเลสาบซูเจี่ยนก็คือหมากอีกกระดาน กู้ช่านอยู่บนกระดานนั้น หร่วนซิ่วติดตามผู้ฝึกตนหน่วยจานกานของต้าหลีเดินทางลงใต้ไล่สังหารเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชะตาบู๊โชติช่วง แต่กลับถูกคนพาตัวออกไปจากฝ่ายบู๊ต้าหลี หร่วนซิ่วเองก็เกือบจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย เมื่อคลื่นลมมรสุมของทะเลสาบซูเจี่ยนผ่านไป มารดาของกู้ช่านตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เลือกจะย้ายกลับบ้านเกิด สุดท้ายมาลงหลักปักฐานอยู่ที่เขตการปกครอง ใช้ชีวิตอันร่ำรวยสุขสบายอีกครั้ง เหตุผลนั้นมีอยู่สามข้อ เป็นข้อเสนอจากเฉินผิงอัน เป็นความคล้อยตามของกู้ช่าน และตัวสตรีออกเรือนแล้วเองก็อกสั่นขวัญผวาไม่คลาย หวาดกลัวในขนบธรรมเนียมประจำพื้นที่ของทะเลสาบซูเจี่ยนไปแล้ว ข้อสอง บิดาของกู้ช่านตายไปได้กลายเป็นเทพ อันดับแรกก็ไปสะสมคุณความชอบอยู่ที่จวนของผีสาวสวมชุดแต่งงานก่อน ภายหลังได้เลื่อนขั้นเป็นเทพภูเขาของอดีตขุนเขาเก่าแห่งหนึ่งของต้าหลี หากได้กลับบ้านเกิด ชีวิตก็จะมั่นคงขึ้นมาก ข้อที่สาม กู้ช่านต้องการให้มารดาของตนอยู่ไกลจากสถานที่อันตราย ส่วนลึกในจิตใจของกู้ช่านไม่เคยเชื่อใจหลิวจื้อเม่าผู้เป็นอาจารย์ของตน หรือหลิวเหล่าเฉิงผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของสำนักเจินจิ้ง
ส่วนซ่งจี๋ซิน ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยออกไปจากกระดานหมากมาก่อน แล้วเขาจะไม่ใช่หมากบนกระดานได้อย่างไร?
และจ้าวเหยาจะเป็นข้อยกเว้นไปได้อย่างไร เขาจะหนีพ้นจากแผนการของชุยฉานจริงๆ หรือ?
หร่วนฉงจากไป
เว่ยป้อกลับไม่ยินดีจะกลับไปยังภูเขาลั่วพั่วทั้งอย่างนี้
การมารวมตัวกันครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแปลกประหลาดเกินไป ตอนนี้เจ้าขุนเขาหนุ่มเดินทางไกลไปอยู่กำแพงเมืองปราณกระบี่ เจิ้งต้าเฟิงก็ไม่อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว เว่ยป้อกลัวก็แต่ว่าการเปลี่ยนใจไม่ไปพื้นที่มงคลรากบัวของเจิ้งต้าเฟิงจะมาจากการวางแผนอย่างตั้งใจของผู้อาวุโสท่านนี้ ตอนนี้แท้จริงแล้วเสาหลักของภูเขาลั่วพั่วเหลือแค่จูเหลี่ยนคนเดียว ถึงอย่างไรเขาเว่ยป้อก็เป็นได้แค่แขกของศาลบรรพจารย์บนยอดเขาจี้เซ่อไปตลอดกาล ไม่อาจมีตำแหน่งที่นั่งในนั้นได้
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “เว่ยซานจวิน บุญคุณจากโชควาสนาในอดีตครานั้น เหตุใดถึงตอบแทนบุญคุณมาถึงขั้นนี้เลยเล่า?”
เว่ยป้อยิ้มเจื่อน “รบกวนผู้อาวุโสเอ่ยประโยคที่จริงใจกับข้าสักคำ หากครั้งนี้ไม่ได้จงใจหาเรื่องภูเขาลั่วพั่ว ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่รบกวนเวลาอันเงียบสงบของผู้อาวุโสอีกแล้ว”
หยางเหล่าโถวคิดแล้วก็เอ่ยว่า “พอจะมีความเกี่ยวข้องอยู่บ้าง เพียงแต่หัวหอกไม่ได้หันเข้าหาภูเขาลั่วพั่ว ชุยฉานไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าไม่เชื่อใจชุยฉาน แต่ก็ควรจะเชื่อใจชุยตงซาน”
เว่ยป้อมีสีหน้าจนใจ เขาไม่เคยเชื่อใจเด็กหนุ่มชุดขาวที่ทั้งคำพูดและการกระทำพิลึกพิลั่นผู้นั้นเลยจริงๆ
สุดท้ายหยางเหล่าโถวเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเชื่อภาพเหมือนสามภาพที่แขวนอยู่ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อกระมัง”
เว่ยป้อเหมือนได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่งกะทันหัน หัวสมองพลันเปิดโล่ง ประสานมือขอบคุณ
หยางเหล่าโถวเอ่ย “อยู่ในภูเขาสายน้ำในเมฆขาวมานาน มองดูเหมือนเป็นเทพเซียนที่มีอิสระเสรี แต่แท้จริงแล้วทั้งเมฆและไอน้ำล้วนเป็นม่านบังตา เว่ยซานจวินจะไม่ตรวจสอบไม่ได้นะ”
เว่ยป้อกุมหมัดอีกครั้ง ยิ้มเอ่ย “ทัศนียภาพงดงามบนโลกมนุษย์ เป็นทั้งสิ่งบังตา แล้วก็สามารถบำรุงสายตาได้เช่นกัน ในเมื่อได้เปรียบมาแล้วก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรอีก”
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “เว่ยซานจวินช่างมีนิสัยที่ดี เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เสียจริง”
เว่ยป้อขอตัวจากไปด้วยจิตใจที่สงบขึ้นได้ไม่น้อย
หยางเหล่าโถวพึมพำกับตัวเองว่า “สมกับคำว่ามียืมมีคืน ยืมอีกย่อมไม่ยากจริงๆ”
แผนการทุกอย่างของชุยฉาน ล้วนทำไปเพื่อช่วยให้จื้อกุยใช้วิธีการที่ ‘สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน’ มาช่วงชิงโชคชะตาของมังกรที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ล้ำเส้นละเมิดกฎ จะต้องให้อริยะของทั้งสามลัทธิและหนึ่งสำนักมิอาจหาข้อตำหนิได้แม้แต่น้อย
ซ่งจี๋ซินมีความรักความผูกพันที่ลึกล้ำต่อสาวใช้ที่พึ่งพากันและกันมาด้วยชีวิตผู้นี้ โชควาสนาน้อยนิดอย่างงูสี่ขาตัวเดียว ซ่งจี๋ซินย่อมต้องยินดีมอบให้อยู่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะยังรังเกียจว่าให้น้อยไปด้วยซ้ำ
หร่วนซิ่วไม่สนใจเรื่องผลได้ผลเสียจากมังกรเพลิงตัวหนึ่งเลยแม้แต่น้อย หากสามารถทำอะไรเพื่อสำนักกระบี่หลงเฉวียนได้บ้าง หร่วนซิ่วจะไม่ลังเลเลยสักนิด
กู้ช่านที่เติบโตอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนอย่างรวดเร็วก็ได้รู้จักกับพลังที่แท้จริงของสองคำว่ากฎเกณฑ์ แน่นอนว่าต้องเรียนรู้ที่จะทำการค้าเป็นแล้วด้วย แล้วนับประสาอะไรกับที่ความเป็นความตายของบิดามารดาในอนาคตก็ยังคงเป็นจุดอ่อนของกู้ช่านอยู่เสมอ
องค์ชายเกาเซวียนมาขอศึกษาต่อที่สำนักศึกษาหลินลู่นานหลายปี ก็เพื่อแผ่นดินของสกุลเกา ต่อให้การที่ต้องมอบปลาหลีสีทองไปให้คนอื่นจะทำให้เขาเจ็บปวดเหมือนถูกคว้านหัวใจ แต่ก็ยังยอมทำอย่างไม่เกี่ยงงอนอยู่ดี
ส่วนจ้าวเหยา ปีนั้นแม้แต่ตราประทับอักษรชุนยังรักษาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้จะสามารถรักษามังกรไม้ตัวนั้นไว้ได้หรือ? ยาก
ในบรรดาเด็กรุ่นหลังของเมืองเล็กเหล่านี้ คนคนเดียวที่อยู่ไกลห่างจากกระดานหมากอย่างแท้จริง อันที่จริงมีเพียงเฉินผิงอัน ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่ว่าเขาอยู่ห่างไกลไปถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างเดียวเท่านั้น
เพียงแต่ว่าชุยฉานก็ยังมีความสามารถที่จะลากเฉินผิงอันกลับเข้ามาในกระดาน แต่ก่อนจะเป็นเช่นนั้นได้เฉินผิงอันต้องมีโอกาสได้กลับคืนสู่บ้านเกิดเสียก่อน
ก็แค่ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นเฉินผิงอันจะเป็นหมาก หรือเป็นคนวางเม็ดหมากกันแน่
หรือจะเข้ามาแทนที่เขาชุยฉานไปเลย?
ด้านหน้าของร้านยา หยางสู่เห็นผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งเดินข้ามธรณีประตูเข้ามาก็ยิ้มถาม “อาจารย์ผู้เฒ่ามาตรวจโรคหรือมาซื้อยา? มีเทียบยามาด้วยหรือไม่?”
พูดเก่งขนาดนี้ กิจการของร้านตระกูลหยางจะดีไปได้สักเท่าไรกันเชียว?
แต่ผู้เฒ่าคนนั้นกลับไม่ถือสา เขายิ้มเอ่ยว่า “มีโรคติดตัวแต่สามารถดูแลตัวเองได้ แค่เข้ามาดูเฉยๆ”
หยางสู่ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันใด จึงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เดิมทีตัวยาก็มีราคาแพง ทุกวันนี้การขึ้นเขาไปเก็บยาสมุนไพรก็ยิ่งยากมากขึ้น ลูกค้าแค่มองดูอย่างเดียวก็พอ อย่าแตะอย่าจับส่งเดช”
ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อพยักหน้ารับ
เขากวาดตามองไปรอบด้าน แล้วเตรียมจะเดินปรี่ไปที่เรือนด้านหลัง
หยางสู่ร้อนใจขึ้นมาทันควัน ตาเฒ่านี่ทำตัวเป็นกันเองเกินไปแล้วนะ
คิดไม่ถึงว่าเพียงชั่วพริบตา ผู้เฒ่าลัทธิขงจื๊อก็เลิกผ้าม่านเดินไปเรือนด้านหลังแล้ว หยางสู่ลังเลเล็กน้อย ในใจเอ่ยนินทาอีกฝ่ายไปหลายคำ ไปตีกับหยางเหล่าโถวสิถึงจะดี ตาแก่สองคน คนหนึ่งไม่รู้จักหาเงิน คนหนึ่งไม่ยินดีควักเงิน แขนขาแก่ๆ แบบนั้น ทางที่ดีที่สุดคือให้บาดเจ็บต้องนอนพักรักษาตัวไปสักร้อยวันเลย
หยางเหล่าโถวยิ้มเอ่ย “แขกที่หาได้ยาก”
ชุยฉานยืนอยู่ใกล้กับม้านั่งตัวยาว ไม่ได้นั่งลง เขายิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้าน สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือมาทำตัวเกะกะลูกตาที่นี่ให้น้อยลง”
หยางเหล่าโถวเอ่ย “เจ้าแน่ใจว่าเฉินผิงอันไม่มีทางกลับแจกันสมบัติทวีปมาได้ชั่วคราว มิอาจแต้มนัยน์ตามังกรให้สตรีผู้นั้น ต้าหลีก็เลยได้แต่ถอยมาเลือกอันดับรอง ใช้วิธีการอื่นที่เตรียมไว้แทน?”
ชุยฉานพยักหน้ารับ “นี่เป็นเรื่องเล็ก”
ปีนั้นหวังจูลงนามทำสัญญากับเฉินผิงอัน สิบปีไม่มั่นคง หากโชคของเฉินผิงอันย่ำแย่ ตายไปกลางคัน แม้หวังจูจะสูญเสียพันธนาการ แต่ก็สามารถหันไปทำสัญญากับซ่งจี๋ซินแทนได้ แต่ช่วงเวลาระหว่างนี้นางจะต้องสูญเสียโชควาสนาไปมาก ดังนั้นในช่วงหลายปีมานั้น หวังจูที่สติปัญญายังไม่เปิดออกทั้งหมด การกระทำหลายๆ อย่างที่หวังจูมีต่อความเป็นความตายของเฉินผิงอันจึงขัดแย้งกันเองมาโดยตลอด เมื่อคิดพิจารณาเพื่อสถานการณ์ใหญ่ก็ทั้งหวังว่าเฉินผิงอันจะเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนายและบ่าวมีเกียรติก็รุ่งเรืองไปด้วยการ อัปยศก็พินาศไปพร้อมกัน เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ในตรอกหนีผิง ทั้งสองฝ่ายที่เป็นเพื่อนบ้านกัน อยู่ร่วมกันนานวันเข้า ด้วยสันดานของเจียวหลง นางจึงหวังให้เฉินผิงอันตายไปก่อนวัยอันควรด้วย จะได้ทำให้นางตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว หันไปสกัดดึงเอาเส้นสายมังกรและโชคชะตาแคว้นสกุลซ่งต้าหลีมาอย่างตั้งใจแทน
นางอึดอัดขับข้องใจแบบนี้มานานหลายปี ทั้งไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสาน ทำลายกฎเกณฑ์ด้วยการสังหารเฉินผิงอัน เพราะถึงอย่างไรก็กลัวการสยบกำราบจากอริยะ ทั้งไม่ยินดีจะใช้เวลาร่วมกับแมลงน่าสงสารที่เครื่องกระเบื้องแห่งชะตาชีวิตถูกทุบแตกผู้นั้น และนางก็ยิ่งไม่ยินดีที่จะขอร้องอ้อนวอนให้ฟ้าดินเวทนาสงสาร ความสัมพันธ์ของคนวัยเดียวกันสองคนอย่างซ่งจี๋ซินและเฉินผิงอันจึงเหมือนเชือกที่พันกันยุ่งเหยิงตามไปด้วย นับแต่นาทีที่สะพานแห่งความเป็นอมตะของเฉินผิงอันถูกสะบั้นขาด อันที่จริงหวังจูก็เกิดจิตคิดสังหารเขาแล้ว เป็นเหตุให้การค้าระหว่างซ่งจี๋ซินกับฝูหนันหัวครานั้นได้ซุกซ่อนจิตสังหารเอาไว้
เพียงแต่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง สถานการณ์ใหญ่ที่พุ่งมาดั่งคลื่นซัดเชี่ยวกราก ทำให้หวังจูทำตัวสำรวมสงบเสงี่ยมขึ้นมาได้เยอะ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก
จะให้มังกรที่แท้จริงตัวหนึ่งเกิดจิตคิดเมตตาสงสารผู้อื่น ก็เหมือนการให้ฮ่องเต้ต้าหลีทำตัวเป็นคนสมบูรณ์แบบที่มีคุณธรรมเปี่ยมล้น
เพียงแต่หร่วนฉงที่ก่อนหน้านี้มาเยือนที่แห่งนี้ก็ดี หรือเว่ยป้อก็ช่าง สิ่งที่พวกเขาเห็นพวกเขาคิด ไม่ได้ลึกล้ำยาวไกลมากพอ
สถานการณ์ใหญ่ดำเนินมาถึง โอกาสไม่อาจปล่อยให้หลุดลอย เพราะเมื่อพลาดไปแล้วจะไม่กลับคืนมาอีก ชุยฉานจะต้องให้หวังจูรวบรวมปราณมังกรที่แท้จริงมาให้ได้ พยายามที่จะให้นางฟื้นคืนสู่ขอบเขตสูงสุดก่อนกำหนด
ทว่าครั้งนี้การที่ชุยฉานจัดการให้ทุกคนไปรวมตัวกันในโรงเรียนเล็กย่อมไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงข้อเดียวเท่านั้น
หยางเหล่าโถวยิ้ม “ในเมื่อเป็นแขก ก็ต้องมีความพิถีพิถันเรื่องการมาเยี่ยมเยือน เป็นเจ้าบ้านก็ต้องรับรองแขกอย่างมีมารยาท เพื่อนบ้านที่เป็นเช่นนี้ ยิ่งมีมากก็ยิ่งมีประโยชน์จริงๆ”
ชุยฉานเอ่ย “ตามข้อตกลง ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่บนโลกก็จะไม่ปล่อยให้การช่วงชิงระหว่างน้ำและไฟเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมที่ใต้หล้าไพศาลอีกเด็ดขาด”
หยางเหล่าโถวถาม “แล้วถ้าเจ้าตายไปแล้วล่ะ? ชุยตงซานถือว่าเป็นเจ้าหรือไม่? สัญญาระหว่างเจ้าและข้าจะยังคงเดิมหรือไม่?”
ชุยฉานหัวเราะ “ผู้อาวุโสคงต้องไปถามเขาแล้วล่ะ”
หยางเหล่าโถวจุ๊ปาก “เมื่อบัณฑิตคิดจะทำการค้าด้วยความตั้งใจทุ่มเทขึ้นมาจริงๆ แต่ละคนก็เจ้าเล่ห์ไม่แพ้กันเลย”
ชุยฉานเอ่ย “หวังว่าผู้อาวุโสจะรักษาสัญญาด้วย”
หยางเหล่าโถวพยักหน้า “แน่นอน ทำการค้าอย่างยุติธรรม เป็นรากฐานในการหยัดยืนของข้ามาโดยตลอด”
หร่วนซิ่วถือกำเนิดในศาลลมหิมะ แต่กลับติดตามบิดามาฝึกตนที่ถ้ำสวรรค์หลีจู
หลี่หลิ่วถือกำเนิดในถ้ำสวรรค์หลีจู แต่กลับติดตามบิดามารดาเดินทางไกลไปอยู่ยอดเขาสิงโตของอุตรกุรุทวีป
ทั้งสองฝ่ายเจอกันได้บ้างเป็นบางครั้ง แต่กลับไม่มีทางเป็นเพื่อนบ้านกันได้อย่างยาวนาน