เหอรุ่ยหลินเหมือนรู้ว่าพวกเขามาที่นี่ทำไม เธอรู้ว่าวันนี้สักวันก็ต้องมาถึง แค่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้
“นายจะยุ่งทำไมว่าฉันจะหัวเราะอะไร”เธอหยุดเสียงหัวเราะ
อยู่ๆเสิ่นเผยซวนก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เหมือนคนบ้าเลย
“หลินซินเหยียนอยู่ไหน?”น้ำเสียงที่อึมครึม ได้ส่งออกมาจากที่มืด
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่ามันอยู่ไหน?”เหอรุ่ยหลินแสยะยิ้ม “ทำไม นายหาตัวมันไม่เจอหรอ?เป็นไปได้ไหมว่าหนีไปกับผู้ชายคนไหน……..”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็รู้สึกได้แค่ว่ามีลมที่แรงพัดผ่าน มือที่แข็งเหมือนกับเหล็กก็ได้มาบีบคอของเธอไว้ เธอยังไม่ทันพูดจบ คำพูดที่เหลือจุกที่คอหอย
เธอแทบจะหายใจไม่ออก กลั้นจนหน้าแดงไปหมด
“บอกมา คนอยู่ไหน?”นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงๆ จากการหายตัวไปของหลินซินเหยียน เขาเจ็บปวดที่ไม่รู้ตัวเลยว่าต้องปกป้อง
มองสีหน้าของจงจิ่งห้าวที่โกรธเพราะหลินซินเหยียนแล้ว เหอรุ่ยหลินอยากหัวเราะ
แต่แล้วเสียงหัวเราะที่บีบออกมาจากคอ เหมือนกับลำโพงแตกเสียง ส่งเสียงแหบ ‘โฮ่ โฮ่ ’ที่ไม่น่าฟังออกมา
จงจิ่งห้าวออกแรงบีบ แทบจะไม่เหลือพื้นที่ในการหายใจให้เขาเลย เหมือนกับว่าถ้าเธอไม่พูด ก็จะบีบเธอให้ตายเลยอย่างนั้น เสิ่นเผยซวนเห็นท่าไม่ดีแล้ว นี่จะบีบให้ตายจริงๆหรอ
เขารีบพูดโน้มน้าวว่า “ตอนนี้หคนสำคัญที่สุด เธอเป็นพยานคนสำคัญ ถ้าตาย พวกเราจะไปหาคนที่ไหน?”
“ตายแล้ว พวกเราก็จะหาคนไม่พบแล้วจริงๆนะ”ไม่เห็นเขาผ่อนแรง เสิ่นเผยซวนก็พูดต่อ
ตอนที่จงจิ่งห้าวจะเสียสติ คำพูดของเสิ่นเผยซวนก็ยังฟังเข้าหูอยู่ ตอนนี้ที่สำคัญคือต้องหาหลินซินเหยียนให้เจอก่อน
เขาใช้แรงในการสะบัด ตัวของเหอรุ่ยหลินเหมือนกับเส้นพาราโบลา ล้มลงตรงขั้นบันได หน้าผากโขกใส่ตรงมุมบันได หลังจากที่รู้สึกเจ็บแล้ว เธอก็รู้สึกว่ามีของเหลวร้อนๆไหลลงมาจากหน้าผาก
การกลับมาของออกซิเจน ทำให้เธออ้าปากไว้ แล้วหายใจเข้าออกอย่างแรง
เสิ่นเผยซวนไม่ได้ให้เวลาการบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการขาดอากาศต่อเธอ ยื่นมือไปดึงตัวขึ้นมา โยนเข้าไปในรถ “ฉันจะดูว่าเป็นปากของเธอแข็ง หรือว่าข้อมือของฉันแข็งกว่า”
นักโทษแบบไหนที่เสิ่นเผยซวนไม่เคยสืบมาก่อน เขาเชื่อว่าจะงัดปากของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้
ครั้งนี้เสิ่นเผยซวนขึนรถเร็ว “ฉันขับรถ”
เขาไม่กล้านั่งรถที่จงจิ่งห้าวขับอีก น่ากลัวเกินไปแล้ว
จงจิ่งห้าวสีหน้าอึมครึม ไม่พูดอะไร ตอนนี้เขาคิดแต่เพียงจะตามหาตัวของหลินซินเหยียนให้เจอ
“หัวหน้าเสิ่น”ตอนที่เสิ่นเผยซวนจะพาคนไป เหอเหวินหวยก็เดินออกมาจากในบ้าน “คุณจะพาคนในของบ้านฉันไปแบบนี้ไม่เหมาะสมมั้งครับ?เธอทำอะไรผิด เอาหลักฐานออกมาให้ผมดูหน่อย”
โกรธเพราะเหอรุ่ยหลินเอาแต่ก่อเรื่อง แต่จะให้ดูเธอถูกพาไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็การตบหน้าของตระกูลเหอ
เขามาไม่ใช่เป็นห่วงความปลอดภัยของเหอรุ่ยหลิน แต่เป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าของตระกูลเหอ
“ประธานเหอวางใจได้ครับ ผมจะไม่จับผิดคนดี และแน่นอนว่าจะไม่ปล่อยคนร้ายไปแม้แต่คนเดียว ถ้าผมจับผิด วันหลังผมจะมาขอโทษด้วยตัวเองครับ”
พูดจบเสิ่นเผยซวนก็เหยียบคันเร่งไป รถวิ่งไปเหมือนกับสายลม พัดผ่านหน้าของเขาไป หายไปจากสายตาของเขาอย่างเร็ว
เหอรุ่ยสิงยืนอยู่ข้างกายเหอเหวินหวย “ครั้งนี้ จะเป็นไรไหม?”
เขาเองก็ไม่แน่ใจ
เหอเหวินหวยเองก็ไม่แน่ใจ “นายไปสืบดู ครั้งนี้เพราะอะไร?”
เขาเหมือนกับว่าไม่มีแรงที่จะโกรธแล้ว
“ได้ ผมจะพยายามสืบให้ละเอียดที่สุด”พูดจบเหอรุ่ยสิงก็เข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
และอีกฝั่ง เหอรุ่ยหลินก็ถูกพาเข้าไปในห้องสอบสวน
หลอดไฟสีขาวที่ติดอยู่บนเพดาน ในห้องที่ไม่กว้างมาก วางโต๊ะไว้หนึ่งใบหนึ่ง เหอรุ่ยหลินถูกคุมตัวอยู่อีกฝั่ง
เสิ่นเผยซวนให้เธอดูคลิปที่เธอไปเยี่ยมเสิ่นซิ่วฉิง “บอกมา เธอไปหาเขาทำไม?”
“คนในคลิปใส่ผ้าปิดปากไว้ นายมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเป็นฉัน?”เหอรุ่ยหลินใจเย็นผิดแปลกๆ
เสิ่นเผยซวนหึทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ช่างเทคนิคของเราได้ทำการวิเคราะห์แล้วว่าคนในคลิปก็คือเธอ”
“เป็นฉันแล้วจะทำไม?”
“เธอไปหาเขาทำไม?”
“ฉันไปเยี่ยมเพื่อนไม่ได้หรอ?”เหอรุ่ยหลินถามกลับ
เสิ่นเผยซวนหรี่ตา เห็นท่าทางของเธอแล้วน่าจะเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
ถามแบบนี้คาดว่าน่าจะอะไรก็ถามไม่ออกแน่
เขาพยักหน้า “ได้”เขาชูนิ้วโป้งให้เหอรุ่ยหลิน “เมื่อก่อนทำไมถึงดูไม่ออกว่าเธอพูดเก่งขนาดนี้นะ”
เมื่อก่อนเธอตามจงจิ่งห้าว เสิ่นเผยซวนก็ต้องรู้จักเธอเป็นธรรมดา แต่ว่า เมื่อก่อนยังรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยน เปลี่ยนเป็นขยะแขยง
ทุกอย่างในห้องสอบปากคำปรากฏอยู่ในจอห้องกล้องวงจร
จงจิ่งห้าวนั่งอยู่หน้าจอ เขาสามารถเห็นทุกอย่างที่เมื่อกี้เกิดขึ้นในห้องสอบปากคำ
เห็นได้อย่างชัดว่าเหอรุ่ยหลินได้เตรียมตัวไว้อย่างดี ไม่อย่างนั้นไม่มีทางนิ่งได้ขนาดนี้ ต่อหน้าการสอบสวนของเสิ่นเผยซวนก็สามารถตอบได้อย่างไหลลื่น
คำพูดนี้ของที่จริงแล้วคือกำลังทดสอบท่าทีจงจิ่งห้าวอยู่
มาไม้อ่อนไม่ได้ เขายังมีไม้แข็งรออยู่ แต่ว่าเมื่อก่อนเหอรุ่ยหลินเคยอยู่กับจงจิ่งห้าว เขาจะเห็นแก่ความสัมพันธ์นี้ไหม
“ไม่ต้องมาลองฉัน” พูดเสร็จเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อันตรายว่า “อย่าบอกฉันนะ ว่านายงัดปากของผู้หญิงออกไม่ได้”
เสิ่นเผยซวนรู้สึกโล่ง มีคำนี้ของจงจิ่งห้าว เขาก็ไม่ต้องสนอะไรแล้ว
เสิ่นเผยซวนกลับไปที่ห้องสอบปากคำอีกครั้ง “รู้ไหมว่าเมื่อกี้ฉันไปทำอะไรมา?”
ไม่รอให้เหอรุ่ยหลินตอบเขาก็แย่งตอบเองซะก่อน .”ฉันไปเจอจงจิ่งห้าวมา ฉันถามเขาว่ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าของพวกเธอไหม ถ้ายังมี ฉันก็จะออมมือต่อเธอ แต่ถ้าไม่มี……”
คำพูดข้างหลังถึงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ว่าทุกคนก็รู้กันดี
เหอรุ่ยหลินรู้ว่าจงจิ่งห้าวไม่ได้ชอบตัวเอง ต่อเธอมีแค่ความโหดร้าย
แต่ว่าพอได้ยินคำพูดของเสิ่นเผยซวน ก็ยังแอบหวังอยู่
มือของเธอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เสียงที่สั่นพูดว่า “เขาบอกว่าอะไร?”
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “ฉันแค่รู้สึกว่าเธอมันน่าสงสาร”
“เห็นได้ชัดว่าเธอคบกับเขาก่อน แต่ทำไมถึงต้องทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ด้วย?”
ใช่สิ เธอเป็นคนรู้สึกจงจิ่งห้าวก่อน ทำไมถึงเดินมาถึงวันนี้ได้ล่ะ?
“เคยได้ยินคำพูดหนึ่งไหม?”เสิ่นเผยซวนถาม
“คำพูดอะไร?”
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็ไม่ต้องทำ ความจริงเธอสามารถจับตัวของเขาไว้ได้ แต่ว่าสิ่งที่เธอทำ เขาสามารถทนได้ครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้ง แต่ว่าความอดทนของคนก็มีจำกัด พอเธอเหยียบโดนจุดตายของเขา เขาก็จะทิ้งเธอไปโดยไม่ลังเล”
“นายอยากพูดอะไรกันแน่?”สีหน้าของเหอรุ่ยหลินเปลี่ยนไป
“ฉันอยากจะบอกเธอว่าเป็นคนต้องเมตตา คน ไม่ว่าจะสวยแค่ไหน ถ้าใจดำ ผิวหนังจะสวยยังไง ก็ไม่มีคนชื่นชม”
เหอรุ่ยหลินหัวเราะ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เสิ่นเผยซวน อย่าเลย นายกำลังทำให้สับสน ก็แค่อยากให้ฉันพูดเรื่องของหลินซิงเหยียนออกมาเท่านั้นไม่ใช่หรอ”
พูดไปเธอก็เงยหน้ามองไปที่กล้องวงจรปิดที่ติดไว้บนกำแพง เธอรู้ว่าจงจิ่งห้าวกำลังดูทุกอย่างอยู่ในห้องแน่นอน รู้ว่าเขาต้องได้ยินสิ่งที่เธอแน่นอน
เธอจ้องกล้องวงจรแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ ถึงแม้ว่าจะรู้ ฉันก็ไม่บอก ฉันเกลียดมัน เกลียดจนอยากให้มันตาย บางที ตอนนี้มันอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
เสิ่นเผยซวนขมวดคิ้ว “ไว้หน้าแต่ไม่รับใช่ไหม?”
เหอรุ่ยหลินหัวเราะ “นายไม่มีหลักฐาน นายกล้ายุ่งฉันแม้แต่นิ้วเดียว ฉันก็จะฟ้องนาย”
“เหอรุ่ยหลิน เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้ว”สีหน้าของเสิ่นเผยซวนก็เปลี่ยนไปทันที
ปั้ง
ประตูห้องสอบปากคำอยู่ๆก็ถูกถีบออก