ไม่จริงน่า รูปร่างของ‘หลินซินเหยียน’ แม้แต่เธอเองยังแยกไม่ออกจริงหรือปลอม เขาจะรู้สึกได้ในหนึ่งวัน?
เป็นไปไม่ได้!
เหอรุ่ยหลินไม่เชื่อว่าจงจิ่งห้าวจะรู้ความจริงได้เร็วขนาดนี้
เธออ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือด “อย่ามาใส่ร้ายฉัน”
เธอมั่นใจมากว่าจงจิ่งห้าวจะไม่มีทางรู้ความจริงแน่
หรืออาจจะไม่เร็วขนาดนี้
จงจิ่งห้าวนิ่งเงียบ ทุกฝีก้าวที่เดินเข้าไปใกล้ เหอรุ่ยหลินเผลอสั่นออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาดูเหมือนปีศาจที่มากับแสง ซ่อนความน่าสะพรึงกลัวและเยือกเย็น
เหอรุ่ยหลินอยากขยับตัวหนีออกจากเขา แต่พอจะขยับ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายก็ปวดร้าว
เธอสั่นไปทั้งตัว
“นายต้องการอะไร?”
จงจิ่งห้าวคุกเข่าข้างเดียวตรงหน้าเธอ หยิบเส้นผมที่บังหน้าเธอออกแล้วพูดว่า “บอกผมมาแต่โดยดีว่าหลินซินเหยียนอยู่ที่ไหน บางทีคุณอาจจะยังมีทางรอด”
เหอรุ่ยหลินไม่อยากยอมรับว่าเขารู้แล้วว่าคนที่เขาเจอนั้นไม่ใช่หลินซินเหยียน แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นชัดเจน เขารู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆเขาไม่ใช่หลินซินเหยียนจริงๆ
เธอน้ำตาไหลพราก เศร้าโศกไม่พอใจ “หลินซินเหยียนมีอะไรดี? ทำไมนายถึงได้แคร์เธอมากขนาดนั้น? เป็นเพราะเธอมีลูกให้นายสองคนงั้นหรอ? แต่ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็มีลูกให้นายได้ แม้กระทั่งหลินซินเหยียนตัวปลอมที่อยู่กับนายก็สามารถมีลูกให้นายได้”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว หมดความอดทนอย่างยิ่ง เสียงของเขาเย็นชาขึ้นไปอีก “บอกผมมา เธออยู่ที่ไหน?!”
เหอรุ่ยหลินมองเขา นานสักพัก ก็หัวเราะขึ้นมากะทันหัน
“ในเมื่อนายรู้อยู่แล้ว ฉันก็จะไม่ปิดบังนาย คนที่อยู่ข้างตัวนายนั้นคือหลินหยู่หาน ไม่ใช่หลินซินเหยียน หลินซินเหยียนตัวจริงน่าจะออกไปจากที่นี่กับพี่ชายของฉันแล้ว”
เสียงหัวเราะของเธอยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปทุกที หน้าตาน่าเกลียด “ฉันรู้ ครั้งนี้นายจะไม่ปล่อยฉันไปแน่ ฉันตายแล้วจะทำไม ที่สำคัญคือฉันจะทำให้นายหาหลินซินเหยียนไม่เจอตลอดไป ฉันก็ไม่ขาดทุนแล้ว ฮ่าๆ…”
จงจิ่งห้าวบีบคอเธอแน่น เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเธอ ติดอยู่ในลำคอทันทีและกลายเป็นเสียงสะอื้นที่เจ็บปวด
ดวงตาของเขาดุร้าย “ผมใจดีกับคุณเกินไปใช่มั้ย?”
เหอรุ่ยหลินตกใจกลัว
คอที่เรียวยาวของเธอเป็นเหมือนหน่อไม้ที่เปราะบางในมือของจงจิ่งห้าว เพียงออกแรงเล็กน้อยก็หักอย่างง่ายดาย
พลังนิ้วของเขาช่างน่าตกใจ เธอเคยได้ยินเสิ่นเผยซวนพูดไว้ จงจิ่งห้าวก็เคยฝึกฝนมาเหมือนกัน ทักษะต่างๆแข็งแกร่งกว่าเขามาก เป็นเพราะต้องสืบทอดธุรกิจตระกูลจงต่อ เลยไม่ได้อยู่ต่อ ถ้าอยู่ต่อ ความสำเร็จตอนนี้ก็ไม่น้อยหน้า
เธอเห็นจิตสังหารในตาของจงจิ่งห้าวอย่างชัดเจน แผ่นหลังพิงกำแพงที่แข็งแกร่งหนาวเย็น หนาวเหน็บจนปวดกระดูก เจ็บจนทำให้เธออยากตาย
เขารักหลินซินเหยียนมากขนาดนี้เลย?
เหอรุ่ยหลินรู้สึกเจ็บปวดใจ เปล่งสองคำออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก “ฉันบอก…”
จงจิ่งห้าวคลายแรงออก และปล่อยเธอ
พอหายใจได้สะดวกเธอก็นอนหอบอย่างแรงบนพื้น อาการคันคอและคอแห้งทำให้เธอไออย่างรุนแรง จนอ้วกออกมาเป็นเลือด สิบนิ้วบนพื้นของเธอรวมตัวกัน และกำเป็นหมัดแน่น
“ต่อให้นายจะรู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว ในแผนของพวกเรา ตอนที่นายเจอหลินซินเหยียนตัวปลอมนั้น หลินซินเหยียนตัวจริงคงโดนฉีดยาทำลายประสาททำให้เสียความจำต่างๆไปแล้ว ถูกพี่ชายของฉันพาออกจากเมืองBไป ตอนนี้น่ะหรอ เกรงว่าจะออกจากเมืองBไปแล้ว”เธอเงยศีรษะขึ้น มองผ่านเส้นผมที่บังตา จ้องไปที่จงจิ่งห้าว “ที่พวกเราทำให้เธอเสียความทรงจำ นั่นก็เพราะจะให้เธอลืมเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมา เรื่องที่เธอเคยคลอดลูก เรื่องที่โลกของเธอเคยมีคุณ หลังจากที่เสียความทรงจำ โลกของเธอก็จะมีแค่คนคนเดียว นั่นก็คือพี่ชายของฉัน พวกเขาจะไปอยู่ที่ที่สงบ ใช้ชีวิตอย่างปกติแบบสามีภรรยาทั่วๆไป ไม่แน่ ตอนนี้เธออาจจะนอนอยู่ข้างๆพี่ชายของฉัน ความรู้สึกเปลี่ยนไป รักเขาจนหมดหัวใจ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ก็ถูกจงจิ่งห้าวต่อยจนสลบไป
นัยน์ตาของเขากระหายเลือด ทุกคำพูดของเหอรุ่ยหลินกระตุ้นไปยังประสาทของเขา
บนมือของเขามีเลือดสดๆติดอยู่ แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่ามือกำลังสั่นอยู่
ผ่านไปสักพักเขาถึงกลับมามีสติ ลุกขึ้นและออกจากห้องไป
เสี่ยวหลิวรีบเข้ามารับ “หัวหน้าเสิ่น อยู่ที่ห้องทำงานครับ”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวเคร่งขรึม “ผู้หญิงคนนั้น อย่าให้ใครเข้าพบ ดูแลให้ดี อย่าให้มีบาดแผลชัดเจน ให้มีชีวิตอยู่ต่อ “
“เข้าใจแล้วครับ”เสี่ยวหลิวเข้าใจทุกอย่างดี อีกทั้งยังเป็นผู้ติดตามของเสิ่นเผยซวน สายตาเฉียบแหลม“ประธานจงสบายใจได้ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เหลือร่องรอย”
จงจิ่งห้าวพยักหน้า เดินจากไป
ห้องทำงาน
ไม่ว่าเสิ่นเผยซวนจะหยอกล้อยังไง หลอกล่อแค่ไหน หลินซีเฉินก็ไม่ยิ้มออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะเคลื่อนย้ายปักธงแดงห้าดาวที่เป็นของประดับโต๊ะ เขายื่นนิ้วออกมาและขยับมันไปมา
เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่บนโซฟา ค้นBaidu จะทำยังไงให้เด็กมีความสุข คำตอบที่ได้คือซื้อของเล่นหรือของกินให้ ไม่ก็พาไปสวนสนุก อะไรพวกนี้
แต่ลองมองดูหลินซีเฉินที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กวัย5ขวบทั่วไป
เห็นได้ชัดว่าสิ่งของเหล่านั้นไม่สามารถหลอกล่อเขาได้
“เสี่ยวซีอ่า อย่ากังวลไปเลยนะ พวกเราจะต้องตามหาหม่ามี๊ของนายจนเจอให้ได้”
มือของหลินซีเฉินที่ถือธงแดงอยู่หยุดชะงัก น้ำตาไหลออกมาจากนัยน์ตา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ในที่สุดก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่
หม่ามี๊หายไป เขาเป็นห่วงและหวาดกลัว
“จิ่งห้าว”
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เสิ่นเผยซวนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นมา ถอนหายใจ “เด็กคนนี้ฉลาดเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป”
ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
จงจิ่งห้าวจ้องมองไปที่ร่างเล็กที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ
ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าจงจิ่งห้าวมาแล้ว เขารีบเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ แล้วหันหลังกลับแสร้งทำเป็นปกติ “คุณกลับมาแล้ว?”
“อืม” จงจิ่งห้าวตอบ
“ท่าเรือ ท่าเทียบเรือ สนามบิน สถานที่เหล่านี้นายส่งคนไปเฝ้าดูไว้”
ตราบใดที่ยังไม่ออกนอกประเทศ เขาก็ยังพอมีเวลา
เสิ่นเผยซวนเข้าใจเจตนาของจงจิ่งห้าว พยักหน้าพร้อมพูดว่า “วางใจได้ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเขาออกไปได้ แล้วเหอรุ่ยหลินนายคิดจะทำยังไง?”
“เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ ฉันจะตอบสนองเธอเอง”เขาไม่แยแส ราวกับว่าชีวิตนี้ไม่มีค่าอะไรในสายตาของเขา
เสิ่นเผยซวนสูดหายใจเข้าลึก กล่าวว่า“ฉันเข้าใจแล้ว”
“ฉันจะให้ซูจ้านมาหานาย” ตอนนี้ซูจ้านและหยูโต้วโต้วถูกส่งไปถึงที่หมายแล้ว
พูดจบเขาก็กวักมือเรียกหลินซีเฉิน “พวกเราควรไปกันได้แล้ว”
หลินซีเฉินเดินเข้ามา แล้วจับมือเขาไว้
เสิ่นเผยซวนมองดูร่างใหญ่ร่างเล็กที่เดินหายไปหน้าประตู เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วโทรศัพท์ จัดคนเข้าตรวจสอบจุดออกต่างๆ
หลินซีเฉินปีนขึ้นรถ แล้วรัดเข็มขัดด้วยตัวเอง “พวกเรายังไม่กลับบ้านก่อนได้มั้ย?”
จงจิ่งห้าวไม่ถามว่าเพราะอะไร ตอบแค่ว่า “ได้”
รถยนต์ขับออกจากสถานที่คุมขัง เคลื่อนตัวไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย และในที่สุดก็หยุดที่ป่าอันเงียบสงบ
ไฟรถดับลง
หลินซีเฉินลังเลที่จะพูด “ผมคิดว่าผมต้องพูดกับคุณให้ชัดเจน”
จงจิ่งห้าวหันไปมองเขา “นายต้องการจะพูดอะไร?”
“ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบหม่ามี๊ ผมชอบไม่ชอบคุณ ตอนนี้พวกเรามาสงบศึกกัน พยายามตามหาหม่ามี๊ให้เจอด้วยกัน เรื่องหลังจากนั้น รอหม่ามี๊กลับมาก่อนค่อยว่ากัน”
จนถึงตอนนี้หลินซีเฉินก็ไม่แน่ใจว่าพ่อคนนี้รักหม่ามี๊หรือไม่
ตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะเกลียดเขา เพราะเขาสามารถช่วยตนเองตามหาหม่ามี๊ได้
“นายตัวแค่นี้ แต่กลับคิดมากจังนะ”
หลินซีเฉินหลับตาลง ขนตาหนาและงอนสั่นเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้คุณอาเหอบอกกับผมเรื่องหนึ่ง ชีวิตของผมกับน้องสาว หม่ามี๊เป็นคนใช้ชีวิตแลกมาให้ ตอนที่ผมกับน้องสาวยังอยู่ในท้องของหม่ามี๊ เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยบังเอิญ บาดเจ็บจนต้องทำการผ่าตัด หากไม่ทำการผ่าตัดชีวิตอาจจะพิการตลอดชีวิต หากผ่าตัด จะต้องใช้ยาชา ถ้าแบบนั้นจะทำให้ชีวิตของผมและน้องสาวได้รับผลกระทบ ไม่สามารถคลอดออกมาได้…”
เขาลืมตาโตๆ ไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา “ตอนที่หม่ามี๊ไม่ใช้ยาชาในการผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตของผมกับน้องสาวไว้ ผมไม่รู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน ผมไม่เคยโดน แต่ได้ยินมาว่า หม่ามี๊เจ็บจนสลบไปตั้งหลายทีจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด…”
“ตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งบ้านก็มีผมเป็น‘ลูกผู้ชาย’เพียงคนเดียว ผมจะต้องปกป้องเธอ รักเธอ ไม่ให้เธอถูกทำร้ายอีก” เขาหายใจเข้า “ผมไม่สนว่าอนาคตข้างหน้าผู้ชายที่จะมาดูแลเธอจะเป็นพ่อแท้ๆของผมหรือไม่ ขอแค่เขารักหม่ามี๊ให้มากๆ ดูแลเธอ รักเธอ หวงแหนเธอ แคร์เธอ ปกป้องเธอ ผมยินดีที่จะยอมรับผู้ชายคนนั้น ถึงขั้นเรียกเขาว่าพ่อ”
หลินซีเฉินสื่อความหมายของตัวเอง อนาคตไม่ว่าหลินซินเหยียนจะเลือกยังไง เขาก็พร้อมจะเข้าใจและยอมรับ
ต่อให้เป็นพ่อแท้ๆของเขา หรือจงจิ่งห้าวถ้าไม่สามารถทำสิ่งเหล้านี้ได้ เขาก็จะไม่ยอมรับ
หม่ามี๊ของเขาจะต้องเลือกผู้ชายที่ดีที่ดูแลเธอได้
จงจิ่งห้าววางมือข้างหนึ่งลงที่หน้าต่างรถ จับหน้าผาก เงาของต้นไม้ปกคลุม สีหน้าถูกบดบัง เหลือเพียงรูปร่างที่คลุมเครือ หากมองให้ดีๆ จะพบว่าร่างกายของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
ตอนนี้ไม่มีคำพูดใด สามารถอธิบายความรู้สึกภายในใจของเขาได้
ความรู้สึกที่สั่นสะเทือน ความรู้สึกเจ็บปวด ความทุกข์ใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้…
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน เขาถึงจะพูดกับหลินซีเฉินอย่างสงบนิ่งได้ แต่น้ำเสียงของเขายังคงแหบพร่า “พวกเราควรกลับบ้านได้แล้ว”
เขาพูดและสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน” หลินซีเฉินจ้องมองบนหลังมือของเขา “คุณบาดเจ็บหรอ?”
“เปล่า” เลือดบนมือไม่ใช่ของเขา
หลินซีเฉินโล่งใจอย่างประหลาด แล้วหยิบทิชชู่เปียกหนึ่งแผ่นออกมาจากกล่องทิชชู่ด้านหน้า “ผมจะเช็ดให้คุณเอง”
จงจิ่งห้าวยื่นมือออก หลินซีเฉินก้มศีรษะลง จับฝ่ามือของเขาไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือเช็ดเลือดที่ติดบนหลังมือของเขาอย่างตั้งใจ
เขาเป็นเด็กรู้ความ ไม่ถามว่าเลือดนี้มาได้อย่างไร
จงจิ่งห้าวมองเขา ใบหน้าที่ไร้เดียงสา แต่ไม่เดียงสาสักนิด
เป็นผู้ใหญ่จนทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้น กัดเซาะหัวใจของเขา