“หนูเจอหม่ามี๊ได้รึยังคะ?”หลินลุ่ยซีถูกจงจิ่งห้าวอุ้มเข้าไปในโรงแรม เธอคิดว่าพอถึงที่หมายแล้วจะได้เจอหลินซินเหยียนก็เลยถามออกมาแบบนี้
จงจิ่งห้าวชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับสู่ท่วงท่าปกติ“คุณแม่กำลังเล่นซ่อนหากับพวกเรา เธออยากให้พวกเราเป็นคนหาเธอ แต่ว่าตอนนี้พวกเรายังหาเธอไม่เจอ”
หลินลุ่ยซีทำหน้ายู่“ก็ได้ค่ะ”
ไป๋เฉิงไม่ได้กว้างมากนัก เพราะงั้นแทนที่จะพูดว่าเป็นเมืองๆหนึ่ง ความจริงแล้วต้องบอกว่าเป็นเหมือนตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งมากกว่า ซึ่งก็คือตระกูลของไป๋ซื่อกรุ๊ปนั่นเอง
ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมห้าดาวแต่สภาพแวดล้อม ความสะอาดและการบริการถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
เสิ่นเผยซวนอุ้มหลินซีเฉินที่ยังไม่ตื่นขึ้น จากนั้นก็มีคนอีกสองสามคนถือกระเป๋าเดินตามมา
“ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของไป๋เฉิงแล้ว ช่วยไม่ได้ ที่นี่อาจจะเล็กไปหน่อย แต่ว่าคุณอยู่ได้ใช่ไหม?”
จงจิ่งห้าวเคยพักโรงแรมแบบนี้ซะที่ไหน?
“ที่นี่ไม่ดีหรอคะ?”หลินลุ่ยซีกะพริบตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจว่าคุณอาเสิ่นทำไมถึงพูดแบบนี้
จงจิ่งห้าวกดหัวเธอมุดลงในอกเขา เนื่องจากไม่อยากให้เธอได้ยิน หลินลุ่ยซีเบิกตาโตมองหน้าจงจิ่งห้าว จากนั้นก็ยิ้มร่าออกมาจนเห็นฟัน
“คุณพ่อหล่อจังเลยค่ะ”พูดจบเธอก็ทำท่าเขินอายแล้วมุดเข้าไปในอกของเขา
จงจิ่งห้าวรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่จู่ๆลูกสาวก็พูดชมออกมา ตั้งแต่หลินซินเหยียนหายตัวไปเขาแทบไม่ยิ้มเลย ทว่าพอลูกสาวตัวน้อยพูดประโยคนี้ออกมา มุมปากของเขากลับยกขึ้นเล็กน้อย
“ถ้างั้นหนูชอบพ่อไหมคะ?”
เด็กหญิงตัวน้อยพูดออกมาทันทีโดยไม่คิดอะไรมาก“ชอบค่ะ”
จงจิ่งห้าวจุ๊บลงบนผมของลูกสาว ทว่าเนื่องจากไม่ได้สระผมมาสองวันแล้ว กลิ่นหอมของแชมพูจึงแทบไม่เหลืออยู่ แต่ถึงยังไงเขาก็รู้สึกว่าลูกสาวยังหอมเหมือนเดิม
พอถึงห้องพัก เสิ่นเผยซวนก็อุ้มหลินซีเฉินวางลงบนเตียง จากนั้นก็ออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆเพราะเขารู้ว่าจงจิ่งห้าวต้องการควางเงียบ ดังนั้นเขาจึงเหมาทั้งชั้นนี้เลย
หลินลุ่ยซีกระโดดโลดเต้นไปมาในห้อง“คุณพ่อจะอาบน้ำให้หนูไหมคะ?”
จงจิ่งห้าวพยักหน้ารับ“อาบให้สิ”
เธอวิ่งเข้ามากอดขาเขาไว้แล้วเงยหน้าขึ้น“คุณพ่อเหมือนหม่ามี๊เลย”
จงจิ่งห้าวยื่นมือออกไปจับคางเธอไว้แล้วถามขึ้น“เหมือนตรงไหน?”
“ก็เวลาหนูอยากได้อะไร หม่ามี๊ก็จะตามใจหนูตลอด”พูดจบเด็กหญิงตัวน้อยก็ผละออกจากเขา จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นวิ่งหนีไป
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ไป๋ยิ่นหนิงที่ถูกน้ำร้อนลวก อาการของเขาจัดว่าไม่รุนแรงมากนัก มีแค่ตุ่มพุพองใสๆขึ้นมาไม่กี่เม็ด ซึ่งคุณหมอมาจัดการให้แล้ว
เสี่ยวหลิวยืนก้มหน้าอยู่ข้างประตูเหมือนกับเด็กที่ทำอะไรผิดมา ดวงตาของเธอแดงก่ำเพราะร้องไห้
หลินซินเหยียนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง“ขอบคุณมากนะคะ”
ถ้าไม่ได้เขาช่วยเอาไว้ เห็นทีคนที่นอนอยู่บนเตียงในตอนนี้น่าจะเป็นเธอ
“อยากขอบคุณผมจริงๆหรอ?”ไป๋ยิ่นหนิงนอนตะแคงอยู่บนเตียง
เนื่องจากคุณหมอพึ่งทายาที่หลังให้ เขาเลยนอนหงายไม่ได้ เพราะมันจะเสียดสีกับแผลพุพองที่หลัง
“จริงสิ”แต่หลินซินเหยียนก็กลัวว่าเขาจะขออะไรที่มันไม่สมเหตุสมผล เธอก็เลยพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยค“แต่ต้องเป็นอะไรที่ฉันทำให้ได้นะ”
ไป๋ยิ่นหนิงคลี่ยิ้มออกมาบางๆ“ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ให้คุณเอาตัวเข้าแลกหรอก”
มุมปากของหลินซินเหยียนกระตุกเล็กน้อย
เขามองไปที่เธอ“ช่วยรินน้ำให้ผมหน่อย”
หลินซินเหยียนกำลังจะยื่นมือออกไปหยิบกาต้มน้ำบนโต๊ะ ทว่าจู่ๆเสี่ยวหลิวที่ยืนอยู่ข้างประตูก็พุ่งเข้ามา“ให้ฉันทำนะคะ”
เธออยากชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป
ไป๋ยิ่นหนิงมองหล่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เสี่ยวหลิว นี่เธอยังจะบุ่มบ่ามพรวดพราดเข้ามาอีกหรอ?”
เมื่อเสี่ยวหลิวกำลังจะเอ่ยปากอธิบาย เขาก็พูดขัดขึ้นมา“ไปเถอะ ปิดประตูแล้วออกไปคิดทบทวนตัวเอง แล้วถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องฉัน”
“แต่……”
“แต่อะไร?”น้ำเสียงของเขาเย็นชามาก
“ใครจะดูแลคุณคะ”เสี่ยวหลิวอยากอยู่ต่อ“คุณผู้ชาย ฉันทำผิดไปแล้ว ฉันไม่ดีเอง ให้ฉันได้ดูแลคุณนะคะ”
“เสี่ยวหลิว ฉันกำลังบาดเจ็บไม่มีแรงจะโมโหเธอหรอกนะ หรือว่าเธออยากให้ฉันโมโหจริงๆ?”น้ำเสียงของเขาดูเคร่งขรึมกว่าเดิมอีก
ปกติเขาจะดูอ่อนโยน แต่พอทำตัวเย็นชาแบบนี้ เสี่ยวหลิวก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย และเธอก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเขา เธอทำได้แต่เดินจากไปอย่างเชื่อฟัง
“คุณกำลังทำให้เธอกลัว เธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”หลินซินเหยียนพูดแก้ตัวให้เสี่ยวหลิว“เธอเป็นห่วงคุณมากนะ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่อยากจะคุยเรื่องเธอ จึงจงใจเปลี่ยนเรื่อง“นี่คุณอยากให้ผมคอแห้งตายรึเปล่าเนี่ย?”
หลินซินเหยียนเลยทำได้แต่หยิบกาต้มน้ำมารินน้ำให้เขา
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่ไป๋ยิ่นหนิงวางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น หลินซินเหยียนเห็นเขาลุกไม่สะดวกจึงหยิบมาและส่งให้เขา“โทรศัพท์ค่ะ”
ไป๋ยิ่นหนิงเหลือบดูหมายเลขโทรศัพท์ ผู้จัดการโรงแรมโทรมา เขากดรับสายแล้วยกขึ้นมาแนบหู
“คุณผู้ชายครับตอนนี้ที่โรงแรมมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาพัก ดูแล้วน่าจะมีฐานะพอสมควร พวกเขาเหมาพักทั้งชั้นเลยครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงเคยกำชับไว้ว่า ถ้าสองสามวันนี้มีคนจากที่อื่นเข้ามาให้รีบรายงานเขา
ดังนั้นพอมีคนจากที่อื่นเข้ามาพัก เขาจึงรีบโทรรายงานไป๋ยิ่นหนิงทันที
เขาเงยหน้ามองหลินซินเหยียนที่กำลังรินน้ำ ทว่ากลับพูดกับคนที่อยู่ปลายสาย“รู้ไหมว่าพวกเขามาจากที่ไหน?”
“เมืองBครับ แถมยังพาเด็กมาด้วยอีกสองคน ตอนนี้ทั้งชั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ใครเข้าไป แถมพวกเขายังไม่ต้องการบริการจากพวกเราอีกด้วย ถ้าพวกเขาต้องการอะไรก็มักจะสั่งให้คนของตัวเองลงมาจัดการแทน พวกเราเข้าไปใกล้ไม่ได้เลย พวกเขาใช่คนที่คุณตามหารึเปล่าครับ?”
การที่หลินซินเหยียนหายตัวไป แน่นอนว่าจะต้องมีคนออกตามหาเธอแน่ และที่เขาสั่งให้ที่โรงแรมคอยจับตาดูคนที่มาจากที่อื่นไว้ นั่นก็เพราะเขาจะได้รู้ก่อนว่าคนที่มาตามหาเธอคือใคร
“เข้าใจแล้ว”เขายังไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายมาตามหาหลินซินเหยียนจริงรึเปล่า
พอวางสายหลินซินเหยียนก็ยื่นน้ำมาให้
เขาวางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็รับแก้วน้ำมาพลางพูดลอยๆออกไป“ที่โรงแรมมีคนนอกเข้ามาพัก ผู้จัดการพึ่งรายงานผมมา”
หลินซินเหยียนไม่ใส่ใจ เธอคิดว่าเขาแค่ชวนพูดเฉยๆ
เขาคงไม่บอกข้อมูลที่ได้มาจริงๆกับเธอหรอก
พอเห็นเขาดื่มน้ำเสร็จ หลินซินเหยียนก็รับโทรศัพท์และแก้วน้ำกลับมา ตอนที่เธอรับแก้วน้ำไป๋ยิ่นหนิงยังไม่ทันปล่อยมือ ปลายนิ้วมือของเธอจึงสัมผัสโดนมือของเขา หลินซินเหยียนรีบชักมือกลับทันที
ไป๋ยิ่นหนิงเหลือบมองที่ที่โดนเธอสัมผัสเมื่อกี้ ไออุ่นจากเธอยังคงหลงเหลืออยู่ มันบางเบา และรวดเร็วมากจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลย
“ผมไม่มีพิษสักหน่อย ทำไมถึงกลัวผมขนาดนี้?”
หลินซินเหยียนกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น พร้อมกับทำหน้าขรึม“ฉันไม่ได้กลัวคุณ ฉันจะบอกคุณแบบไม่โกหกเลยนะ ฉันแต่งงานแล้ว เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นคุณหรือผู้ชายคนอื่น ฉันก็ต้องรักษาระยะห่าง”
หลินซินเหยียนหยิบข้อสัญญาการแต่งงานของเธอกับจงจิ่งห้าวออกมาเป็นโล่กำบัง
ถ้าเธอบอกว่ามีลูกแล้ว ไป๋ยิ่นหนิงคงแปลกใจหรือไม่เชื่ออีก แต่ครั้งนี้……
เขาบิดขี้เกียจพร้อมกับนอนตะแคงเอาหน้าซุกลงไปกับหมอน“คุณพึ่งจะอายุเท่าไหร่เองจะแต่งงานมีลูกได้ยังไง คงไม่ใช่เพราะกลัวผมเลยจงใจพูดแบบนี้หรอกใช่ไหม?”
“อายุ18ก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะเป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกอย่างตอนนี้ฉันก็อายุ24ย่างเข้า25แล้วด้วย เพราะงั้นฉันจะแต่งงานมีลูกแล้วมันแปลกตรงไหน?”หลินซินเหยียนข่มความรู้สึกไม่พอใจไว้
เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
เพราะสำหรับเธอเรื่องนี้มันไม่ได้สวยงามมากนัก
แต่ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องที่สวยงามล่ะก็ น่าจะเป็นลูกๆที่น่ารักน่าชังทั้งสองของเธอมากกว่า
ไป๋ยิ่นหนิงรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของหลินซินเหยียน เธอดูไม่นิ่งเหมือนเดิม ถ้าฟังจากน้ำเสียงที่ดูหนักแน่นขึ้นก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน
เขาจ้องไปที่มือของหลินซินเหยียนที่กำลังจับกันแน่น จากนั้นก็ยิ้มพูดขึ้น“คุณแต่งงานกับคนแบบไหนหรอ?ขนาดแหวนแต่งงานยังไม่มีเลย เอาอย่างนี้ คุณหย่ากับเขาเลยดีกว่า ผมจะซื้อให้เอง”
หลินซินเหยียนก้มหน้าลง มือของเธอว่างเปล่า ถ้าจะให้พูดก็คงมีแค่กำไลหยกบนข้อมือเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นของที่ยู่ซิ่วให้เธอ
“ฉันไม่ได้ใส่”เธอแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน
ตอนที่แต่งงานกับจงจิ่งห้าว ต่างคนต่างมีจุดประสงค์ของตัวเอง อีกอย่างพวกเขาก็อยู่ด้วยกันแค่เดือนเดียวเอง ใครมันจะไปว่างไปทำแหวนแต่งงานล่ะ?
ไป๋ยิ่นหนิงไม่เชื่อว่าเธอจะแต่งงานมีลูกแล้ว
แต่ว่าแขกที่มาพักในโรงแรมนั้นทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้จริงๆ
เขามองไปที่หลินซินเหยียนและจมอยู่ในความคิด
หลินซินเหยียนไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง“คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับห้องแล้ว”
พูดจบหลินซินเหยียนก็ลุกขึ้นแล้วอาศัยเกาะตามผนังเดินออกไป
“หลินซินเหยียน”
จู่ๆไป๋ยิ่นหนิงก็เรียกเธอไว้
หลินซินเหยียนหันกลับมา“มีอะไรรึเปล่า”
“กำไลหยกที่ข้อมือของคุณดูสวยมาก คุณซื้อมาจากที่ไหนหรอ?”