“ผมไม่เคยมีมาก่อน แต่ถึงยังไงตอนนี้คุณยังต้องการ‘สิ่งนั้น’อีกเหรอ?”
มีทั้งภรรยาและลูกแล้ว
มีความรัก?
กับใคร?
เสิ่นเผยซวนถลึงตาโต“นายคงจะไม่……”
แต่คิดดูดีๆแล้วเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่‘ใจง่าย’อะไร ช่วงเวลาที่หลินซินเหยียนหายตัวไปเขาก็กระวนกระวายใจขนาดนั้น ก็คงจะชอบเธออยู่ไม่น้อย
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว พอหวนนึกถึงแสงสว่างที่ในดวงตาตอนที่หลินซินเหยียนพูดประโยคนั้น เขาก็อยากที่จะเติมเต็มให้กับเธอเป็นพิเศษเหลือเกิน
เสิ่นเผยซวนชำเลืองตามองเขา พร้อมกับถามขึ้นอย่างระมัดระวัง“พี่สะใภ้ไม่เต็มใจ?”
จงจิ่งห้าวมองไปด้วยสายตาเย็นชา
หลินซินเหยียนไม่เต็มใจ เขาจะบอกเรื่องนี้กับเขาไม่ได้
ไม่อย่างนั้นเสิ่นเผยซวนจะต้องขำจนฟันร่วงหมดปากแน่ๆ
เสิ่นเผยซวนตกปาก“เรื่องเอาใจผู้หญิง คุณต้องถามซูจ้านแล้วล่ะ”
ติ๊ง!
ในตอนนี้ ลิฟต์กลับมายังที่เดิม พอประตูลิฟต์เปิดออก
ในห้องโถง หลินซินเหยียนไม่ได้ไปยังห้องที่จองไว้ แต่กลับกำลังยืนพูดคุยอยู่กับไป๋ยิ่นหนิงในห้องโถง จงจิ่งห้าวที่อยู่ไกลออกไปไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แค่เห็นพวกเขายืนคุยอยู่ด้วยกัน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
เขาเดินลงมา เสิ่นเผยซวนเดินช้าลงทิ้งห่างออกจากเขาไม่น้อย
เห็นท่าทางของเขาไม่สบอารมณ์อยู่ เสิ่นเผยซวนจึงไม่อยากจะไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน
ตอนที่ไป๋ยิ่นหนิงเห็นหลินซินเหยียนพาเด็กสองคนมาด้วย เขาก็เหม่อลอยไปอยู่นานสองนาน
เธอบอกว่าเธอแต่งงานมีลูกแล้ว เป็นเรื่องจริงเหรอ?
“ทำไมคุณถึงไม่กลับไปอีกล่ะ?”หลินซินเหยียนคิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเขา
ไป๋ยิ่นหนิงพูดไปตรงๆ“ผมกำลังรอคุณอยู่”
“รอฉันทำไม?”หลินซินเหยียนถาม
ไป๋ยิ่นหนิงตอนแรกอยากที่จะตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง แต่ในตอนนี้ เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองสงสัยมันผิดทั้งหมด เธอแต่งงานแล้วจริงๆ
ในใจรู้สึกผิดหวัง สีหน้ากลับยิ้มแย้ม“คุณว่าพวกเรามีพรหมลิขิตไหม?”
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้
ในตอนนั้นเขาก็เห็นหลินซินเหยียนกระโดดแม่น้ำ ต่อมาก็ให้คนไปช่วยเธอ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าธรรมชาติของมนุษย์ ไม่อยากเห็นชีวิตหนึ่งชีวิตต้องสูญหายไปจากโลกต่อหน้าต่อตา
หลังจากที่ช่วยมาแล้ว เขามองกำไลหยกที่มือของเธอ ก็คิดว่าเธอเป็นลูกสาวของยู่ซิ่ว จึงพาเธอกลับไป แถมไม่ให้เหอรุ่ยเจ๋อหาตัวเธอเจออีกด้วย
เพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพ่อบุญธรรม เขาไม่ให้หลินซินเหยียนได้ติดต่อกับคนในครอบครัวทันที แต่ให้เธออยู่ในบ้านของเขา ในเมื่ออยากที่จะแต่งงานกับเธอ ก็ต้องอยู่ทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้มากๆ
นี่ไม่ใช่สาเหตุที่เขาไม่ให้หลินซินเหยียนติดต่อกับคนในครอบครัว
พอทั้งสองคนสนิทคุ้นเคยกันแล้ว ต่อให้เธอกลับไป ทั้งสองคนก็ยังเป็นเพื่อนกัน ยังสนิทคุ้นเคยกันอยู่ ถึงตอนนั้นการที่จะไล่ตามจีบเธอมันก็จะได้ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น
แต่……
เขาไม่เพียงจะผิดพลาดแล้ว เธอไม่ใช่ลูกสาวของยู่ซิ่ว แถมเธอยังแต่งงานแล้วด้วย
สายตาของเขามองลงมายังลูกทั้งสองคนที่หลินซินเหยียนจูงอยู่ หน้าตาน่ารัก หน้าตาเหมือนกับเธอ แล้วก็เหมือนกับผู้ชายคนนั้นด้วย
“คุณบอกผมได้ไหม ว่ากำไลหยกของคุณเอามาจากไหน?”ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของยู่ซิ่ว แล้วเธอมีกำไลหยกนั่นได้ยังไง?
เธอกับยู่ซิ่วมีความสัมพันธ์อะไรกัน?
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าไป๋ยิ่นหนิงกับยู่ซิ่วมีความสัมพันธ์อะไรกัน
เขาดูเหมือนจะสนใจกำไลหยกนี้มาก
เธอไม่ได้บอกความจริงไป ในใจยังระแวงเขาอยู่
“นี่อาจจะเหมือนกับของที่คุณรู้จักก็ได้ ไม่ใช่อันเดียวกันหรอก”
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจที่จะบอก
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้บังคับอะไร แต่มองลูกทั้งสองคนของเธอพร้อมกับถามขึ้น“พวกคุณลงมากินข้าวกันเหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
“ผมรู้ว่าที่นี่อะไรอร่อย พวกเราจะไปกินด้วยกันไหมล่ะ?”ไป๋ยิ่นหนิงถามลองเชิง
“ไม่ได้ พวกเรากำลังรอพ่ออยู่”หลินลุ่ยซีรีบพูดปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็ว
ลุงคนนี้นั่งรถเข็น หน้าตาไม่ได้หล่อไปกว่าพ่อเลย
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองกลับของหลินซีเฉินกับเธอไม่เหมือนกัน เขาหาอยู่นาน แต่ก็หาไม่ได้ว่าจงจิ่งห้าวมีส่วนไหนที่ดูดี ส่วนไหนที่รวยกว่าเขา
คนที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้ว่าจะนั่งรถเข็น หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาไปกว่าจงจิ่งห้าว แต่ตอนที่เขายิ้มดูสดใสเป็นพิเศษ
หลินซีเฉินแอบรู้สึกเสียดายแทนเขา ที่ดันเป็นคนพิการ
ถ้าเขาไม่พิการ ป่านนี้เขาสนับสนุนให้เขาตามจีบหม่ามี๊ไปแล้ว
ให้จงจิ่งห้าวได้รู้ว่าหม่ามี๊ของเขานั้นฮ็อตขนาดไหน
แต่แค่ ตอนนี้เขาจะให้คนพิการมาตามจีบหม่ามี๊ไม่ได้
แบบนั้นมันจะเป็นการลดคุณค่าของเธอลงได้
พอถูกปฏิเสธไปไป๋ยิ่นหนิงก็ไม่รู้สึกอึดอัดอะไร มองหลินลุ่ยซีพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ“ลุงไม่รังเกียจที่จะมีพ่อของหนูมาร่วมด้วยหรอกนะ”
สาวน้อยกระพริบตา ตากลมโตเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ลุงคนนี้ทำไมต้องมาอยู่ด้วยกันกับพวกเขาด้วยล่ะ?
ในตอนนี้ เธอเห็นจงจิ่งห้าวที่กำลังเดินมาทางนี้ ปล่อยมือของหลินซินเหยียนแล้วก้าวขาสั้นๆน้อยๆออกไป“พ่อ”
จงจิ่งห้าวก้มลงอุ้มเธอขึ้นมา
หลินซีเฉินก็ตอบสนองกลับมาเร็วเหมือนกัน“คุณลุงคุณจะกินข้าวกับพวกเราใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็มากินด้วยกันสิครับ”
ไม่สนแล้ว แม้ว่าจะขาพิการ ก็ต้องทำให้จงจิ่งห้าวรู้ว่า หม่ามี๊ของเขาฮอตมากขนาดไหน ทำให้เขาที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมหวงแหนดูแล แต่พอตอนนี้กลับคิดจะให้พวกเขากลับบ้านไปพร้อมกับตัวเอง ได้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว
ต้องเอาความจริงใจออกมา แล้วก็ต้องรักหม่ามี๊มากด้วย
ไม่อย่างนั้น เขาจะเป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
ไป๋ยิ่นหนิงมองไปยังหลินซินเหยียน เด็กคนนี้รู้เยอะขนาดไหนกัน?
หลินซินเหยียนก้มลงมองลูกชาย ลูกชายของตัวเอง แน่นอนเธอรู้ว่าเขาตั้งใจ จึงยื่นมือออกไปลูบหัวของเขา
“ได้ยินมาว่าคุณช่วยภรรยาของผมเหรอครับ”จงจิ่งห้าวอุ้มหลินลุ่ยซีเดินเข้ามา
แขกแย่งบทบาทของเจ้าภาพ เหมือนกับกำลังบอกกับไป๋ยิ่นหนิงว่าหลินซินเหยียนเป็นภรรยาของเขาอย่าคิดจะมาหวังผลอะไร
“สบายๆมากแทบไม่ต้องออกแรง ไม่คุ้มค่ากับการเอ่ยถึงหรอกครับ”ไป๋ยิ่นหนิงพูดยิ้มๆ
จงจิ่งห้าวคว้ามือของหลินซินเหยียน นิ้วมือของหลินซินเหยียนเรียวเล็ก นุ่มนิ่ม ฝ่ามือใหญ่ๆสามารถกุมมือของเธอได้ทั้งหมด น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ“ปกติผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร คุณไป๋ ต้องการอะไรก็บอกมาเลยครับ”
เขาตอบแทนบุญคุณที่ไป๋ยิ่นหนิงช่วยหลินซินเหยียนเอาไว้เอง ราวกับกำลังบอกไป๋ยิ่นหนิงว่า ถ้าอยากได้สิ่งตอบแทน ให้มาเอากับเขา อย่ามาคิดอะไรกับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนเองหันมองเขาเล็กน้อย ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นี่เขากำลังคิดจัดการแทนเธอ ไม่ให้เธอต้องติดหนี้บุญคุณไป๋ยิ่นหนิงสินะ
หนี้บุญคุณคนยากที่จะชดใช้คืน
ไม่ว่าไป๋ยิ่นหนิงจะมีเป้าหมายอะไร แต่เขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้
สายตาของไป๋ยิ่นหนิงเลื่อนมองมายังมือของหลินซินเหยียนที่ถูกเขากุมเอาไว้ก่อนจะหันสายตากลับมาทันที แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาพูดดี เขามองเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงของหลินซินเหยียน พร้อมกับถามขึ้นอย่างเป็นห่วง“ทำไมถึงยังสวมส้นสูงอยู่ แผลที่เท้าคุณยังไม่หายดีเลย ไม่รู้หรือไง?”
เพิ่งจะเจอหน้าลูกๆ เธอตื่นเต้นเกินไป ก็เลยไม่ได้สนใจ
“ฉันไม่เป็นไร”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวเปลี่ยนไปทันที ไม่นิ่งเฉยเหมือนเมื่อตะกี้แล้ว เท้าเธอเป็นแผล แต่เขากลับไม่รู้
เขาจูงมือของเธอ“พวกเราควรไปได้แล้ว”
“ห้องที่จองไว้อยู่ทางนี้”เสิ่นเผยซวนค่อนข้างตาดีมีไหวพริบ ที่นี่เป็นถิ่นของไป๋ยิ่นหนิง แต่จะให้เขาได้ใช้สิทธิ์อำนาจเหนือกว่าไม่ได้
“คุณไป๋เชิญทางนี้ครับ”เสิ่นเผยซวนผายมือเชิญ
ไป๋ยิ่นหนิงหันมามองเขา พร้อมกับพูดขึ้น“ไปกันเถอะ”
เกาหยวนที่อยู่ข้างหลังจึงเข็นรถเข็น
เสิ่นเผยซวนจองห้องไพรเวทที่ใหญ่ที่สุดในโรงแรม ตรงกลางมีโต๊ะอาหารที่สามารถจุคนได้ยี่สิบกว่าคนตั้งอยู่ ภายในห้องไพรเวทกว้างขวางและสว่างไสว
หลินลุ่ยซีคุกสองเข่าลงบนตักของเขา อยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับกอดคอของเขาเอาไว้“พ่อ เมื่อไรจะกินข้าว?”
จงจิ่งห้าวหยิกแก้มขาวๆที่กลมอวบของเธอ พร้อมกับพูดคุย
ตอนที่พูดสายตาของเขาหันมองใต้โต๊ะ มองเท้าของหลินซินเหยียน ข้อเท้าสองข้างของเธอมีรอยแผลบางๆเห็นไม่ค่อยชัดเจนนัก
เจ็บตรงนั้นเหรอ?
ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ไป๋ยิ่นหนิงชวนหลินซินเหยียนคุย“พรุ่งนี้คุณว่างไหม? ผมจะพาคุณไปหาอาจารย์คนนั้น”