เฉิงยู่ซิ่วก็ได้พูดไปโดยไม่ต้องคิด “ฉันชอบเด็กผู้หญิง”
เด็กผู้ชายดื้อเกินไป เมื่อเทียบกับเด็กหญิงนั้นจะอ่อนโยนกว่ามาก ลูกสาวเป็นเสื้อแจ็คเก็ตที่อ่อนโยนตัวจิ๋วของพ่อแม่ ประโยคนี้มีเหตุผล
เด็กผู้ชายไม่ละเอียดอ่อนเหมือนเด็กผู้หญิง
เพราะงั้นเธอชอบเด็กผู้หญิง
เมื่อก่อนไป๋หงเฟยก็เคยถามคำถามนี้กับเธอ คำตอบของเธอก็เป็นเด็กผู้หญิง เธอพูด “ชาตินี้ฉันต้องคลอดเด็กผู้หญิงออกมาคนหนึ่งให้ได้”
แต่ว่า ชีวิตนี้เธอก็ไม่ได้มีลูกเป็นเด็กผู้หญิงสักคน
เหวินเสียนก็ได้คีบผักให้เธอ “เธอชอบเด็กผู้หญิง ฉันก็ชอบเด็กหญิง แต่ว่าฉันหวังว่าครั้งนี้จะเป็นเด็กผู้ชายมากกว่า”
พวกครอบครัวเศรษฐีมักหวังว่าลูกสะใภ้ที่แต่งเข้ามานั้นสามารถที่จะสืบสายลูกหลานได้ ถึงแม้ว่าความคิดของคนสมัยนี้เปิดกว้างมาก ชายหญิงเหมือนกัน แต่ว่าครอบครัวที่ทรัพย์สินมหาศาลที่ต้องการคนมาสานต่อแบบนี้ มักขอร้องให้มีลูกชาย
เฉิงยู่ซิ่วก็เข้าใจความหมายที่จะเธอสื่อ ก็ได้ก้มหน้าเล็กน้อยอย่างทำตัวไม่ถูก “อันนี้ ฉันไม่สามารถที่จะรับประกันได้ค่ะ”
“เธอบ๊องเหรอ” เหวินเสียนก็ได้หัวเราะ “ฉันก็แค่หวังว่า ก็ไม่ได้บอกว่าเธอต้องคลอดเด็กผู้ชายสักหน่อย”
นี่ไม่ได้เป็นสังคมสมัยเก่า ที่โยนความรับผิดชอบให้ฝ่ายหญิงในการคลอดผู้ชายหรือผู้หญิงออกมา
จงฉีเฟิงก็ได้วางตะเกียบลง ลุกขึ้นแล้วก็ออกไป เขาหงุดหงิดเล็กมาก เขาเป็นพ่อของเด็กแท้ๆ แต่ว่าเขาดูแล้วเหมือนว่าเหวินเสียนจะเป็น ‘พ่อ’ มากกว่า
ในบ้านนี้เขาดูเป็นส่วนเกิน
ตอนกินข้าว พวกเธอได้พูดคุยหัวเราะ ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
เขาหงุดหงิดในใจมาก
เหวินเสียนกับเฉิงยู่ซิ่วมองเขาอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ฉันดูแล้วเหมือนเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี” เฉิงยู่ซิ่วพูด
เหวินเสียนก็มองออกมาเล็กน้อยว่าเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมาชัดเจน “อาจเป็นเพราะเรื่องของงานมั้ง”
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า
คืนนั้น
จงฉีเฟิงพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ลุกขึ้นลงไป เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ลุกขึ้นมาดื่มน้ำพอดี เขาก็ได้เดินช้าลง มองผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ ความมืดก็ได้ปกคลุมร่างกายที่ผอมบางของเธอ จะสามเดือนแล้ว แต่ก็ยังมองไม่ออกว่าท้องเลยสักนิด
ตรงท้องมองไม่ออกว่าท้องเลย
เฉิงยู่ซิ่วไม่ได้สังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าบันได อาจเป็นเพราะว่าในใจก็ได้คิดอะไรอยู่ เพราะงั้นไม่ได้สังเกตเห็น
ตอนจะนอนกลางคืนนั้น เธอก็ได้รับสายโทรเข้าของเฉิงยู่เวิน บอกว่าไป๋หงเฟยไม่เป็นอันตราย ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
มั่นใจว่าเขาไม่เป็นอะไร เฉิงยู่เวินก็ได้พาคนกลับไป
กลัวว่าเขาอยู่ที่นี่จะมาหาเรื่องเฉิงยู่ซิ่วอีก
ในใจของเธอก็ได้เศร้าเล็กน้อย เธอถือแก้วแล้วก็เดินไปที่หน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส ค่ำคืนที่มืด โดยเฉพาะความเงียบ ก็เป็นบรรยากาศแบบนี้ ทำให้คนอยู่ๆ ก็เศร้าใจขึ้น
ช่วงยี่สิบปีแรก เธอก็ไม่เคยที่จะคิดมาก่อนว่ามีวันหนึ่งเธอจะลำบากขนาดนี้
ไม่เคยคิดว่า วันเกิดอายุยี่สิบ จะเป็นจุดเปลี่ยนขนาดใหญ่ในชีวิตของเธอ
อยู่ๆ ก็ได้มาใช้ชีวิตในเมืองที่เธอไม่เคยอยู่มาก่อน คนที่ไม่เคยที่จะเจอกัน กลับได้เกิดมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากๆ ด้วยกัน
เธอก็ได้เงยหน้ามองฟ้า ท้องฟ้าค่ำคืนนี้ ไม่ได้มีดวงดาวเต็มฟากฟ้า ขนาดดวงจันทร์ก็ได้หลบหายไป เธอก็ได้หัวเราะเบาๆ รอยยิ้มสวย แต่กลับเต็มไปด้วยความขมขื่น “พระเจ้า ท่านได้เล่นตลกกับฉันได้แรงมาก”
“เป็นเพราะในชีวิตเธออยู่ๆ ก็ได้มีฉันมาเพิ่ม ทำให้เธอรู้สึกแย่มาก เพราะงั้นถึงได้มายืนปลงตรงนี้ใช่ไหม?”
เสียงที่เข้มของชายหนุ่มก็ได้ดังในความมืดที่เงียบสงบ ดังชัดเป็นพิเศษ
เฉิงยู่ซิ่วหันไป ก็ได้เห็นร่างชายหนุ่มที่ได้อยู่ข้างหลังเธอ เขาก็ได้สวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำ ร่างกายสูง เพราะว่าแสงไฟได้มืดเล็กน้อย เธอมองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจน
“คุณ คุณทำไมยังไม่นอน?” เฉิงยู่ซิ่วทำตัวไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาได้ยินที่ตัวเองพูด
จงฉีเฟิงเดินมา ก็ได้ยืนหน้าหน้าต่างข้างๆ เธอ พูดออกมาเรียบๆ ว่า “เธอก็ไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ?”
เฉิงยู่ซิ่วก็ได้มองนอกหน้าต่าง “ฉันนอนตื่นแล้วค่ะ ลุกมาดื่มน้ำ ไม่ได้ไม่นอน”
“เห็นทีความปลงของเธอก็แค่ปลงเท่านั้น ยังสามารถที่จะหลับอย่างสบายใจได้ พิสูจน์ได้ว่าเธอปล่อยวางได้”
จุดนี้จงฉีเฟิงก็ได้ประหลาดใจพอควร
พึ่งเลิกกับแฟนไป ไม่ควรที่จะเสียใจเหรอ?
เฉิงยู่ซิ่วก็ได้หันไปมองเขา ไม่นานก็ได้มองกลับ “เพราะว่าฉันเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดีค่ะ เข้าใจดีว่าพวกเรานั้นกลับไปเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ถ้าตื้อกันต่อไป ก็มีแต่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดเปล่าๆ เพราะงั้นถ้าจะปลอบใจอย่างใจอ่อน รีบตัดให้ขาดเลยดีกว่า ปล่อยมือ ปล่อยวาง”
ความเด็ดขาดของเธอ ก็ได้ทำให้จงฉีเฟิงชื่นชม มีหลายคนที่ได้เจ็บปวดเพราะความรู้สึก มีหลายคนที่จะเป็นจะตายเพราะความรัก
ความไม่ยึดในกฎของเธอ ความเด็ดขาดของเธอ จะมีสักกี่คนที่ทำได้?
จงฉีเฟิงก็ได้มองเธอ “ต่อไป จำเรื่องหนึ่งไว้”
“เรื่องอะไรคะ?” เฉิงยู่ซิ่วก็ได้มองเขาอย่างสงสัย รู้สึกว่าคืนนี้เขาแปลกไปเล็กน้อย
ส่วนตรงไหนแปลกไปนั้น เธอก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
“จำไว้ ว่าฉันเป็นพ่อของลูกในท้องเธอ เธอห้ามมองข้ามความเป็นอยู่ของฉัน” พูดจบเขาก็ได้หันตัวเดินขึ้นชั้นบน
เฉิงยู่ซิ่ว “……”
เขาหมายความว่าอะไร?
และประตูห้องด้านทิศตะวันออกตอนที่จงฉีเฟิงขึ้นมาชั้นบนนั้น ก็ได้ค่อยๆ ปิดลง
นั้นเป็นห้องที่เหวินเสียนพัก
การนอนของเธอไม่ดีนัก มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ได้ยินแล้ว อีกอย่างก็หลับไม่ลึก ตอนที่เฉิงยู่ซิ่วลุกขึ้น เธอก็ตื่นแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของจงฉีเฟิง เธอก็ได้ลุกขึ้นมา
เห็นการกระทำที่มีต่อกันของพวกเขา มุมปากก็ได้ชี้ขึ้นเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่าสายตาของจงฉีเฟิงได้ตกอยู่บนตัวของเฉิงยู่ซิ่วแล้ว
การเริ่มความรู้สึกที่ดีมากมาย มักเริ่มต้นขึ้นจากการจับตามอง
ไม่แน่ว่าเขาเองอาจไม่รู้ แต่ว่า การกระทำก็ได้แสดงออกมาแล้ว
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พักๆ เฉิงยู่ซิ่วก็ได้ท้องแปดเดือนแล้ว
เหวินเสียนก็ต้องแกล้งทำเป็นคนท้อง
ในบ้านนอกจากคนใช้ที่เชื่อใจได้คนหนึ่ง เหมือนว่าก็ไม่ได้มีคนมากกว่านี้เลย ขนาดป้าหยูที่ได้มองพร้อมกับเหวินเสียน เหวินเสียนก็ได้ปกปิด แล้วก็ได้แยกเธอออกไปตอนที่ท้องอยู่
เพราะงั้นทั้งหมดก็ได้เป็นไปตามแผนของเธอ ราบรื่นมากๆ
วันนี้เป็นวันตรวจครรภ์ เธอไม่ได้เป็นคนที่ท้องจริงๆ เพราะงั้นก็ไม่ได้ไปโรงพยาบาล แต่ได้ไปห้างสรรพสินค้าแทน ได้ไปซื้อของใช้ให้กับลูกที่ใกล้คลอดของเฉิงยู่ซิ่ว
แต่ว่าเฉิงยู่ซิ่วเป็นคนท้องจริงๆ ต้องไปตรวจครรภ์ตามเวลา วันนี้จงฉีเฟิงว่างพอดี เพราะงั้นเธอไม่ได้ไป เหลือเวลาให้พวกเขาสองคน
ตอนตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์นั้น สามารถที่จะฟังเสียงหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ได้ ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก……
นี่เป็นครั้งแรกที่จงฉีเฟิงได้ยิน ในใจก็ได้ดีใจอย่างอดไม่อยู่
เฉิงยู่ซิ่วที่เห็นท่าทางที่ทำตัวไม่ถูกของเขา มุมปากได้ยิ้ม “รู้สึกอัศจรรย์มากใช่ไหมคะ?”
จงฉีเฟิงพยักหน้า
“ตอนที่ฉันได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกแปลกประหลาดมากๆ รู้สึกว่าชีวิตมันน่าอัศจรรย์ จำได้ว่าตอนท้องประมาณห้าเดือนก็ได้รู้สึกถึงทารกในครรภ์ได้ขยับครั้งแรก ฉันดีใจจนนอนไม่หลับทั้งคืน……”
จงฉีเฟิงกะพริบตา นัยน์ตาสีดำก็ได้มีความประหลาดใจส่องออกมา “ทารกที่ยังอยู่ในครรภ์ก็ขยับได้ด้วย?”
ทำไมเธอไม่บอกอะไรกับเขาเลย?
ให้เขาได้สัมผัสหน่อย?
เวลานี้นางพยาบาลก็ทนดูต่อไม่ได้ มองเฉิงยู่ซิ่วพูดว่า “นี่คุณก็เห็นแก่ตัวไปแล้วนะคะ ทำให้ถึงไม่ให้ว่าที่คุณพ่อ ได้สื่อสารกับทารกในครรภ์คะ?”
นางพยาบาลรู้สึกแปลกใจมากๆ เธอไม่เคยเห็น ว่าที่คุณพ่อคนหนึ่งไม่รู้จักแม้กระทั่งการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
เฉิงยู่ซิ่วสีหน้าได้เสีย
จงฉีเฟิงก็ได้ยกความผิดมาให้ตัวเอง “ผมงานยุ่งเกินไปครับ ก็ได้ละเลยเธอไป……”
“ต่อให้ยุ่งยังไง ความใส่ใจที่มีให้ภรรยาก็ไม่ควรขาดนะคะ ยังไงซะคุณเป็นถึงพ่อของลูก เธอนั้นคลอดลูกของคุณ ไม่ใช่ของคนอื่น”
“ครับ ครับ ที่คุณพูดก็ถูก” ชายหนุ่มที่ได้มีมาดที่เฉียบขาดเกรงขามในการตลาด ตอนนี้ ต่อหน้าพยาบาล ก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ได้ทำความผิดอะไร
ทำการตรวจเสร็จ จงฉีเฟิงก็ได้ประคองเธอเดินออกจากโรงพยาบาล เขาให้เฉิงยู่ซิ่วยืนรออยู่หน้าประตู “ฉันไปขับรถมา”
เฉิงยู่ซิ่วพยักหน้า
จงฉีเฟิงเดินไปหน้ารถ ได้กดปุ่มปลดล็อกประตูบนกุญแจ ไฟรถได้กะพริบ เขาได้เปิดประตูรถ ตอนที่กำลังสตารท์รถนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ได้ดังขึ้น เขาได้เอาโทรศัพท์ออกมา หน้าจะเป็นชื่อของเหวินเสียน สายตาเขาก็ได้สั่นไหวสักพัก จากนั้นก็ได้กดรับสาย
เสียงของเธอได้เบามากๆ “พวกนายตรวจเสร็จกันหรือยัง?”
“อืม กำลังจะกลับไป”
“ไม่ต้องกลับมา”