จงฉีเฟิงถามพร้อมขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
“พี่ชายฉันมา ข้างนอกหนาวมาก นายพาเธอไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน รอให้พี่ชายฉันกลับไป พวกนายค่อยกลับมา” เวลานี้เหวินเสียนหลบมาโทรหาเขาที่ห้องน้ำ
เธอเดินห้างกลับมาเสร็จ เหวินชิงก็ได้อยู่ในบ้านแล้ว
วินาทีที่เธอเห็นเขา ก็แทบที่จะเก็บความตกใจไม่อยู่ โชคดีที่เฉิงยู่ซิ่วไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ถูกจับได้แน่ๆ
“ฉันรู้แล้ว”
ได้ยินปลายสายตอบรับเหวินเสียนถึงได้วางสายไป ดีที่ไม่มีอะไร เธอก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ มองท้องของตัวเองในกระจก ไม่มีอะไรไม่ปกติ เธอได้เปิดประตูห้องน้ำ
เธอก็ได้บ่น “พี่จะมา ทำไมไม่บอกก่อนล่วงหน้าล่ะ”
เหวินชิงพิงอยู่ที่โซฟา ร่างกายของเขากำยำ แล้วยังสูงอีก แม้ว่าไม่พูดอะไรเลยสักคำบรรยากาศบนตัวก็ทำให้คนตกใจอยู่ดี
เขามองน้องสาว “เธอพูดอะไร ฉันมาเที่ยวหาน้องสาวตัวเอง ยังต้องรายงานก่อนด้วยเหรอ? แต่ว่าวันนี้เป็นวันตรวจครรภ์ของเธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมไปเดินห้างแล้วล่ะ?”
ตอนที่พูดเขาก็ได้มองถุงใหญ่ๆ เล็กๆ ที่โซฟาไปพัก
เหวินเสียนเดินไป นั่งไปบนโซฟา ให้คนใช้เทน้ำให้เหวินชิง “ฉันตรวจครรภ์เสร็จก็ได้รวดไปเที่ยวห้าง นี่ ลูกใกล้จะคลอดแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันไปเตรียมพวกเสื้อผ้า จริงด้วย วันนี้ทำไมพี่มาเที่ยวหาฉันล่ะ?”
เหวินชิงให้คนขับเอาของที่หลังรถลงมา “แม่ให้ฉันเอามาให้ เป็นของที่ให้เธอแล้วก็หลานคนนี้ของฉัน ยังไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลก ก็ได้รับความใส่ใจมากมายจากคนในบ้านล่ะ”
ไม่นานคนขับรถก็ได้เข้ามา สองมือก็ได้ถือของเต็มไปหมด ของกินเสื้อผ้าของทารก แล้วก็ยังมีอาหารบำรุงร่างกายของเหวินเสียน คนขับรถยังเอาไม่หมด ก็ได้ไปเอาอีกครั้ง ถึงได้เอาของลงหมด
เหวินเสียนก็ได้ตกใจไปสักพัก “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“ก็ให้ลูกของเธอทั้งหมดไม่ใช่เหรอ?” ตอนที่เหวินชิงพูดก็ได้มองไปที่ท้องของเธอสักพัก ยื่นมือจะไปจับ
แต่กลับถูกเหวินเสียนตีมือไปที เธอตกใจจนเหงื่อตก คิดไม่ถึงว่าอยู่ๆ เหวินชิงคิดอยากจะมาจับท้องของเธอ
ยังไงมันก็เป็นของปลอบ ถ้าจับละก็แผนแตกแน่
ดีที่เธอตั้งตัวทัน
เหวินชิงก็ได้ไอออกมาเบาๆ ปิดบังความทำตัวไม่ถูก น้องสาวโตแล้ว และแต่งงานแล้ว เขาไม่สามารถที่จะแตะตัวเธอตามใจชอบได้แล้ว
“ฉันเห็นเธอกลับมาคนเดียว ฉีเฟิงไม่ได้ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเธอเหรอ?”
เหวินชิงอารมณ์ไม่ค่อยที่จะดีนัก น้องสาวยังท้องอยู่ เขาที่เป็นสามี ไม่ได้ใส่ใจตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็ใกล้กำหนดคลอดแล้ว ข้างตัวจะไม่มีคนอยู่ด้วยไม่ได้
“เขางานยุ่ง……”
“งานสำคัญ หรือว่าลูกสำคัญ?”
เหวินเสียนยังไม่ทันที่จะพูดจบก็ได้ถูกเหวินชิงขัดคำพูด “อย่างไหนหนักอย่างไหนเบาไม่รู้เหรอ?”
เหวินเสียนยังอย่างจะอธิบาย เหวินชิงก็ได้หงุดหงิดจนได้เอาโทรศัพท์ออกมาแล้วก็โทรหาจงฉีเฟิง
ไม่นานสายก็ได้ถูกรับ ตอนที่เขากำลังจะถาม เหวินเสียนก็ได้แย่งโทรศัพท์มา แล้วก็วางสายไป “เรื่องของฉันพี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
เหวินชิงขมวดคิ้วแน่น ตะลึง มองน้องสาวด้วยความผิดหวัง เขาก็ทำเพื่อเธอ กลัวว่าจงฉีเฟิงรังแกเธอ เธอกลับ……
“ได้ ต่อไปเรื่องของเธอ ฉันไม่ยุ่งแล้ว” เหวินชิงลุกขึ้นมา
เหวินเสียนก็ได้รู้สึกว่าคำพูดของเธอนั้นทำร้ายร่างกายจิตใจคนอื่นเล็กน้อย ยังไงนี่ก็เป็นพี่ชายของเธอ ก็เป็นเพราะเป็นห่วงเธอ
เธอไม่ควรทำให้เขาเสียใจ
“พี่ค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เหวินชิงก็ได้รับเอาหมวกมาจากคนขับรถ ได้ยินคำพูดของเหวินเสียน ก็ได้นิ่งไปสักพัก จากนั้นก็ได้สวม “ถ้าเขารังแกเธอ ก็โทรมาหาพี่”
พูดจบก็ได้ก้าวเท้าออกไป
ยังไงซะก็เป็นน้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง ต่อให้เมื่อกี้จะโมโหจริงๆ แต่จะไม่สนเธอก็ไม่ได้
เหวินเสียนวิ่งออกไป ตามเขาทัน ก็ได้กอดจากข้างหลัง “พี่ค่ะ ฉันอาจจะซึมเศร้าก่อนคลอด อารมณ์ไม่ดี เพราะงั้นอย่าโกรธฉันนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วงฉัน”
เหวินชิงขมวดคิ้ว ก็ได้ดึงเธอออก “ร่างกายเธอตอนนี้ ตัวเองไม่รู้ตัวเหรอ? ยังวิ่ง?”
“ฉันลืมไปเลย……”
“ลืมอะไร? ลืมว่าตัวเองเป็นคนท้องเหรอ?” เหวินชิงรู้สึกว่าตัวเองได้ฟังมุกตลก ยังลืมว่าตัวเองเป็นคนท้อง ยื่นมือไปถูจมูกของเธอ “ในท้องของเธอ เป็นลูกคนแรกของตระกูลจง และก็ยังเป็นลูกคนแรกของตระกูลเหวิน เธอนั้นจำเป็นต้องดูแลตัวเองดีๆ ไม่ว่าเวลาไหนต้องระวัง ครั้งหน้าถ้าพี่เห็นเธอประมาทแบบนี้อีก พี่ตีเธอแน่”
เหวินชิงแกล้งทำโมโห
เหวินเสียนกลับรู้ พี่ชายนั้นรักเธอ ห่วงใยเธอ
เธอก็ได้ทำตัวออดอ้อนในอ้อมกอดของเขา กอดเขา “พี่”
เหวินชิงก็ได้บีบแก้มของเธอ มือที่เป็นทหารอย่างเขาแรงเยอะ เหวินเสียนร้อง “เจ็บ เจ็บ……”
“ฉันยังไม่ได้ออกแรง”
“ถ้าพี่ออกแรง แก้มข้างนี้ของฉันไม่โดนพี่ฉีกออกมาเลยล่ะ” เหวินเสียนนวดแก้มตัวเอง แก้มก็ได้แดงเล็กน้อย
เหวินชิงก็ได้นวดอย่างเป็นห่วง “พี่กะแรงไม่ถูก คราวหน้าเบาหน่อย” เขาก็ได้ถอดหายใจ “คนจะเป็นแม่แล้ว ยังทำตัวออดอ้อนอีก ปัญญาอ่อนไม่ปัญญาอ่อน?”
“ฉันเป็นแม่คน ถึงแม้เป็นคุณยายแล้ว ก็เป็นน้องสาวของพี่”
เหวินชิงพูดไม่ออก คิดดีๆก็เป็นแบบนั้นจริง
ต่อให้โตขนาดไหน ก็เป็นน้องสาวของเขา
เหวินเสียนส่งพี่ชายขึ้นรถ เหวินชิงก้มลงเข้าไปนั่งในรถ หันกลับไปมองน้องสักพัก “กลับไปเถอะ อากาศหนาว สวมเยอะๆ หน่อย ดูแลตัวเองดีๆ มีเรื่องอะไรโทรมาหาได้ตลอด”
เหวินเสียนพยักหน้า
เธอก็ได้มองรถของเหวินชิงที่ห่างออกไป ตอนที่หันหลังเข้าบ้าน ก็ได้ยิน……
“เหวินเสียน”
เธอก็ได้หันไปเห็นจวงจื่อยี่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน สวมเสื้อสบายๆ ท่าทางหล่อเหลา
ลมแรงเล็กน้อย ได้พัดผมของเขายุ่ง
เหวินเสียนอึ้งไปสักพัก ตอนที่ตั้งตัวได้ ก็ได้มองไปรอบๆ เธอก็ได้รีบเดินเข้าไป “นายมาได้ยังไง?”
“คิดถึงเธอ” มุมปากเขาได้โค้ง รอยยิ้มนั้นก็ได้สวยเอามากๆ
เธอจ้องเขาเขม็ง “ต่อไปถ้าจะมา บอกกับฉันก่อน”
จวงจื่อยี่ก็ได้ยื่นมือไปกอดเธอมาในอ้อมกอด “พวกเราเป็นคู่รักแท้ๆ เธอรักฉัน ฉันก็รักเธอ ทำไมขนาดเจอหน้ากันก็ลำบากขนาดนี้?”
เหวินเสียนก็ได้ตบหลังเขาเบาๆ “รออีกหน่อย……”
รอให้เฉิงยู่ซิ่วคลอดลูก รอให้จงฉีเฟิงรู้ใจของตัวเองออก
เธอก็ออกมาได้แล้ว เดินไปพร้อมเขาทุกที่ ทิ้งทุกอย่างที่นี่ ใช้ชีวิตที่เป็นของพวกเขา
“ต้องรออีกนานแค่ไหน?” จวงจื่อยี่ถาม
“อย่างมากหนึ่งปี”
เธอไม่รู้ว่าที่จงฉีเฟิงพูดว่ารอให้เฉิงยู่ซิ่วคลอดลูก ก็ปล่อยให้เธอออกมาไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ว่าเวลาหนึ่งปี ก็เพียงพอที่จะให้เขานั้นมองใจของตัวเองออก
ถึงตอนนั้น เธอก็สามารถที่จะ จากมาอย่างราบรื่นและไม่รู้สึกผิด
“กลับไปเถอะ” เหวินเสียนปล่อยเขา
“ฉันยังอยากที่จะมองเธอต่ออีกหน่อย” จวงจื่อยี่ก็ได้จับมือของเธอไม่ปล่อย
สีหน้าของเหวินเสียนจริงจัง “นี่เป็นหน้าคฤหาสน์ตระกูลจง ให้คนเห็นเข้ากับฉัน กับเขาก็ไม่ดี”
จวงจื่อยี่ก็รู้ ก้มหน้าจูบไปที่ริมฝีปากเธอ “ไม่ว่านานแค่ไหนฉันก็รอเธอ”
พูดจบก็ได้หันหลังเดินจากไป
เหวินเสียนยืนอยู่หน้าประตู มองเขา โบกมือให้เขา “ขับรถช้าหน่อย”
จวงจื่อยี่ลดกระจกรถลง “เข้าบ้านเถอะ ข้างนอกหนาว”
เหวินเสียนก็ได้กระชับเสื้อกันหนาว หันตัวเข้าไปในบ้าน
อาการยิ่งอยู่ยิ่งหนาว เข้าเดือนธันวา ลมที่พัดก็ได้หนักกว่าเดิม
วันที่ยี่สิบเดือนธันวาเข้าใกล้ปีใหม่ กลางดึก ไฟของคฤหาสน์ตระกูลจงก็ได้สว่างทันที
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกถึงความเจ็บปวด เพื่อจะไม่ให้คนจับเรื่อง “แมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย” ได้ พวกเขาไม่ได้บอกใครทั้งนั้น รีบพาตัวเฉิงยู่ซิ่วไปที่โรงพยาบาล
คิดไว้ว่ารอให้ลูกคลอดออกมา เหวินเสียนอุ้มลูกไว้ ประกาศว่าคลอดแล้ว
แบบนี้ก็สามารถที่จะปกปิดได้
จงฉีเฟิงขับรถ เหวินเสียนก็ได้กอดผู้หญิงที่ได้เป็นเพราะว่าเจ็บปวดแล้วเหงื่อแตกออกมาอยู่ที่นั่งข้างหลัง เธอได้ปลอบเฉิงยู่ซิ่ว “เธออดทนอีกหน่อย จะถึงโรงพยาบาลแล้ว”
เธอไม่เคยที่จะคลอดลูก ไม่รู้ ต่อให้ถึงโรงพยาบาล เธอก็ได้เผชิญกับความเจ็บปวดของการคลอด
คนที่เข้มแข็งอย่างเธอ ก็ไม่มีทางที่จะทนกับความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้ เหมือนว่ามีอะไรมีฉีดกระดูกกับเนื้อของเธอ “เจ็บ ฉันเจ็บจัง”
นิ้วที่ได้เรียวเล็กของเธอ จับไปที่เบาะเก้าอี้แน่น ปากได้สั่น “ฉันใกล้จะตายแล้วใช่ไหม?”
“ไม่หรอก ไม่หรอก” เหวินเสียนไม่รู้ถึงความเจ็บปวดของเธอ และไม่ได้ลิ้มรส คนที่ไม่เคยเผชิญ ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้
เธอมองออกว่าเฉิงยู่ซิ่วเจ็บปวดมากๆ ในใจก็ได้บีบขึ้น “ไม่กลัว ไม่กลัว พวกเราอยู่ อยู่เป็นเพื่อนเธอทั้งหมด”
จงฉีเฟิงก็ได้มองไปข้างหลังเป็นพักๆ ใจก็ได้บีบขึ้นตรงคอ
ไม่นาน รถก็ได้จอดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล เหวินเสียนลงรถ เปิดประตูรถ ตอนที่กำลังจะประคองเฉิงยู่ซิ่วนั้น จงฉีเฟิงก็ให้เธอหลีกไป
เธอก็ได้อึ้งไปสักพัก ถึงได้ตั้งสติได้ ก็ได้รีบหลีกให้ จงฉีเฟิงก้มตัวแล้วก็ได้อุ้มคนที่อยู่ในรถออกมา เฉิงยู่ซิ่วก็ได้กำคอเสื้อของเขา “เจ็บ ฉันเจ็บมาก เป็นรอบๆ เลย……”
จงฉีเฟิงไม่รู้ว่าจะปลอบใจเธอยังไง เขาก็ร้อนใจมาก ก็ทำได้แค่ออกแรงกอด ปลอบเธออย่างไม่ออกเสียง