เกาหยวนไม่เข้าใจ คิดไปแล้วว่าไม่ใช่เหยาชิงชิง ทำไมยังต้องเฝ้าดูเธอ?
“ทำตามที่ผมบอก”ไป๋ยิ่นหนิงไม่อธิบาย เขาไม่เชื่อว่าเป็นเธอที่ทำ แต่ยังคงส่งคนไปเฝ้าดูเธอ
จงจิ่งห้าวไม่ผลีผลามพูดแบบนี้หรอก เขาจะต้องพบอะไรแน่ ถ้าครั้งที่แล้วคนที่จับตัวหลินซินเหยียน คิดแล้วก็คงไม่ทำเรื่องที่ต่ำเช่นนี้ แหวกหญ้าให้งูตื่น ก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร
หลินซินเหยียนมาอยู่นี่ไม่นาน และก็ไม่ได้ไปล่วงเกินใคร ถ้าบอกว่ามีปัญหากับใครจริงๆ ก็กับเหยาชิงชิงนั้นถือว่ามีการปะทะกันหน่อยๆ ตอนนั้นถึงแม้ว่าคลี่คลายลงแล้ว แต่ร้านเสื้อผ้าของเหยาชิงชิงก็ปิดแล้วจริงๆ
ถ้าในใจเธอเคียดแค้น ก็สามารถอธิบายได้
ติ๊ง—
เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูค่อยๆเปิดออก หน้าประตูมีผู้ชายที่สวมแจ็คเก็ตหนังยืนอยู่ ที่ปากคาบบุหรี่ไว้ มองเห็นคนในลิฟต์นั่งรถเข็นอยู่คนหนึ่ง ก็กระแอมเสียงในลำคออย่างเย็นชา เหมือนว่าบ่นคนพิการ
เกาหยวนโมโหขึ้นมาทันที อยากจะลงมือ ก็ถูกไป๋ยิ่นหนิงห้ามปราม คนแบบนี้ไม่มีค่าพอให้ทะเลาะด้วย ดูเขาแต่งตัว ก็รู้ว่าเป็นพวกจิ๊กโก๋
ยอมล่วงเกินสุภาพบุรุษ ดีซะยิ่งกว่าล่วงเกินพวกคนถ่อย
เกาหยวนจ้องผู้ชายที่สวมแจ็คเก็ตหนังคนนั้น แล้วเข็นไป๋ยิ่นหนิงออกไปจากหมู่บ้าน
“มีคนอยู่ทุกประเภทเลยจริงๆ คนดีๆหายไปหมดแล้ว”เกาหยวนพูดด้วยความโมโห
ไป๋ยิ่นหนิงเงยหน้ามองเขา“ทำไมเรื่องเล็กแค่นี้ คู่ควรให้โกรธเหรอ?”
“ไม่คู่ควรครับ ผมไม่รู้จักเขาด้วย”เกาหยวนตอบกลับ
“งั้นคุณโกรธอะไร?”
“ผมโกรธที่เขาพูด……”
“ในเมื่อเป็นคนที่ไม่สำคัญ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาคำพูดของเขามาไว้ในใจ ถ้าหาก ทุกครั้งที่ผมได้ยินคำแบบนี้ ต้องโกรธทุกครั้ง เกรงว่า ผมคงโกรธจนตายไปแล้ว”
ครั้งแรกเขาก็ยอมรับไม่ได้ พอเวลาผ่านไป เขาก็ได้แต่โน้มน้าวตัวเอง ไม่มีผลดีต่อตัวเอง อย่าเอามาใส่ใจเด็ดขาด
เกาหยวนรู้ว่าตัวเองไม่ควรจับประเด็นเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่าไป๋ยิ่นหนิงไม่ค่อยพอใจแล้ว เขาเปลี่ยนเรื่องอยากฉลาด“ผมจะโทรศัพท์ ให้คนเอาจับตาดูคุณเหยา”
เกาหยวนติดตามไป๋ยิ่นหนิงมานานมากแล้ว เขาคิดเล็กๆน้อยๆของเขานี้ แค่ไป๋ยิ่นหนิงมองก็ดูออกแล้ว แต่แค่ไม่เปิดเผยเขา
“ผมส่งคุณกลับไป พักผ่อนสักหน่อย”เกาหยวนพูด
ไป๋ยิ่นหนิงพยักหน้า เขารู้สึกเหนื่อยจริงๆ
โรงแรม
กินข้าวเสร็จจงจิ่งห้าวก็เรียกเสิ่นเผยซวนกับซูจ้านออกไป พูดอะไรที่หลินซินเหยียนไม่รู้
เธอพาลูกสองคนเล่นอยู่ข้างล่าง ส่วนในใจของเธอเองนั้นมีปม ไม่อยากขึ้นไป
ในใจตื่นตระหนกอย่างไม่สบายเท่าไหร่
ฉินยานั่งอยู่ข้างเธอ พูดด้วยความรู้สึก“ใกล้จะสิ้นปีแล้ว”
หลินซินเหยียนหัวเราะ“อยากกลับไปแล้วเหรอ?”
สองมือฉินยาประสานกันไว้ ส่ายหน้า“เปล่า แค่คิดว่าเวลาผ่านไปไว พวกเรากลับประเทศมาครึ่งปีแล้ว”
หลินซินเหยียนรู้สึกเช่นกัน ครึ่งปีนี้ไม่สงบเลย เกิดเรื่องมากมาย ให้เธอได้เห็นคนและเรื่องบางอย่างอย่างชัดเจนมากขึ้น
“เสี่ยวยา ไป พวกเราไปดูหนังกัน”ในมือของซูจ้านถือกุญแจรถไว้ แกว่งไปมาในมือ เดินมาทางนี้
ฉินยาเห็นเขาก็หลบ พูดเสียงเบากับหลินซินเหยียน“ฉันขึ้นไปก่อนนะคะ”
“เห้อ คุณจะหลบไปไหนเหรอ?”ซูจ้านตามเธอขึ้นไปข้างบน
หลินซินเหยียนมองพวกเขาสองคน ทะเลาะกันไปมา เหมือนกับชอบเป็นศัตรูคู่แค้น ส่ายหน้าหัวเราะอย่างทำอะไรไม่ได้
“หม่ามี๊ หม่ามี๊กำลังหัวเราะอะไร?”หลินลุ่ยซีเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ โอบคอเธอไว้อย่างออดอ้อน“เพิ่งได้ยินคุณอาซูบอกว่าจะไปดูหนัง หนูก็อยากไปด้วย”
หลินซินเหยียนบีบจมูกของเธอ“หูลูกไวเหลือเกินนะ ทำไมแม่ไม่ได้ยินเลยล่ะ?”
เด็กหญิงหัวเราะหึหึ“หูกับปากของหนูใช้การได้ดี”
หลินซินเหยียนกอดเธอไว้ ในใจรู้ว่านี่คืออารมณ์ชั่ววูบของเธอ ถ้าให้เธออยู่ในโรงหนังหนึ่งถึงสองชั่วโมงจริงๆ เธอจะงอแงอย่างร้อนรนอยู่ไม่ได้เลย หลินซินเหยียนเคยพาเธอไปดูครั้งหนึ่ง ตลอดกระบวนการที่ดู เอาแต่กัดนิ้ว กินป๊อปคอร์น แล้วก็คอยถามว่า“จะไปได้เมื่อไหร่?”
ในโรงหนังพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้
เธอจึงไม่พาเธอไปอีก
“พ่อ พ่อ”ทันใดนั้นหลินลุ่ยซีก็เห็นจงจิ่งห้าวที่เดินเข้ามา จึงวิ่งออกมาจากอ้อมแขนของหลินซินเหยียน วิ่งไป พร้อมกับตะโกนไปว่า พ่อ พ่อ
เพื่อไม่ให้ลูกสาวชน เขาโค้งตัวไปรับเธอ“อย่าวิ่งไวนักสิ”
“พ่อ พ่อ หม่ามี๊ใจแคบ หนูอยากไปดูหนัง เธอไม่ยอมพาหนูไป”พออยู่ในอ้อมแขนจงจิ่งห้าว ก็เริ่มฟ้อง
หลินซินเหยียน“……”
หลินซีเฉิน“……”
“เหรอ?”จงจิ่งห้าวหัวเราะอย่างเอาใจ มองหลินซินเหยียน แล้วเข้าไปใกล้หูของลูกสาว“งั้นลูกบอกว่า ลงโทษเธอไงดี?”
เด็กหญิงกะพริบตาปริบๆ เอนหัวคิดอยู่นาน“งั้นจุ๊บไหมคะ?”
หลินซินเหยียน“……”
จงจิ่งห้าว“……”
หลินซีเฉิน“……”
“จงจิ่งห้าว!”หลินซินเหยียนแย่งลูกสาวมาจากอ้อมแขนของเขา“คุณสอนอะไรเธอเนี่ย?”
ทำไมพูดคำแบบนี้ออกมาได้?
จงจิ่งห้าวจ้องมองสาวน้อยเงียบๆ เขาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหลินลุ่ยซีจะพูดแบบนี้
เขาอยากตะโกนใส่หลินซินเหยียนมากว่า ไม่ใช่เขาสอน
อย่าสงสัยเขามั่วๆ!
เขาไม่มีทางสอนเรื่องเละเทะพวกนี้กับลูกสาวแน่!
น้ำเสียงของเขาดุขึ้นมาหน่อย จ้องลูกสาว“เสี่ยวลุ่ย บอกพ่อมาตรงๆ ทำไมลูกคิดว่าจูบคือการลงโทษ?”
“ในโทรทัศน์ก็ทำแบบนี้นี่ คุณป้าไม่เชื่อฟัง คุณลุงจูบเธอ เธอก็ฟังแล้ว”
หลินซินเหยียน“……”
จงจิ่งห้าวหัวเราะแล้วลูบผมลูกสาว“ต่อไป พวกเราอย่าดูทีวีที่ไม่มีคุณค่าอีกเลยโอเคไหม?”
“อะไรคือไม่มีคุณค่าคะ?”หลินลุ่ยซีกะพริบตา
จงจิ่งห้าว“……”
หลินซีเฉินดูต่อไปไม่ไหว พูดเสริมว่า“น้องมานี่สิพี่จะบอกเอง”
เด็กสาวรู้สึกยินดี วิ่งกระโดดเข้ามาเอง เอนนอนบนโต๊ะ หลินซีเฉินกำลังเล่นเกมstrongest brain เขากดหยุด จากนั้นก็พูดหัวข้อกับน้องสาวว่าอะไรไม่มีคุณค่า
“เสี่ยวลุ่ยพี่บอกให้นะ อะไรคือไม่มีคุณค่า ก็คือทีวีพวกนั้นที่น้องดูไง เป็นน้ำเปล่า ไม่มีคุณค่า สู้น้องกินไข่ไก่กับพุดดิ้งไม่ได้”
หลินลุ่ยซีฟังก็ยังงุนงง
หลินซีเฉินก็ไม่ได้จะพูดให้เธอเข้าใจ ถึงเขาพูดให้เข้าใจ เธอก็ไม่อาจเข้าใจได้ เขาลูบหัวของน้องสาว“ในนี้ไม่รู้ว่าใส่อะไรไว้”
หลินลุ่ยซีตบมือของเขา “อย่ามาลูบหัวหนู”
“พี่แค่ลูบ—”หลินซีเฉินจงใจลูบเธออีกครั้ง เด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ยอม ไล่ตามเขา จะตีเขา
ทั้งสองคนอยู่หน้าโต๊ะกลม วิ่งไล่จับกัน
หลินซินเหยียนกลัวพวกเขาล้ม จึงสั่งว่า“ลูกๆช้าหน่อย”
“น้องจะตีผม”หลินซีเฉินใช้เวลาตอบกลับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนถอนหายใจ เด็กสองคนนี้ เป็นสองคนที่สุดโต่งจริงๆ
คนหนึ่งก็ผู้ใหญ่เกินไป อีกคนก็ใสซื่อเกิน
“เมื่อกี๊คุณสงสัยผมเหรอ?”
จงจิ่งห้าวพิงไปที่โซฟา ขาอันเรียวยาวไขว้กันอย่างสง่างาม สองแขนทำท่ากางออก ไว้ที่ด้านหลังหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนไอเบาๆ เมื่อกี๊เธอคิดว่าจงจิ่งห้าวสอนหลินลุ่ยซีพูดจริงๆ
“ขอโทษ ที่ฉันเข้าใจคุณผิด”หลินซินเหยียนคิดในใจ เป็นความผิดของเธอ เธอก็ยอมรับ
ตัวของเขาจมลงไป มองตาของเธอ“คุณคิดจะขอโทษผมแบบนี้?”
เธอขอโทษไปแล้ว ไม่งั้นจะเอาไงล่ะ?
“จูบผมหน่อย ผมจะให้อภัยคุณ”หน้าของเขาเถิบมาใกล้ สูดลมหายใจเขา ความเร่าร้อนอยู่ที่ปลายจมูก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น ร้อนเย็นสลับกันไปมา ทำให้เธอขนลุก อดไม่ได้ที่จะถูแขน“คุณจริงจังหน่อยได้ไหม?”
จงจิ่งห้าว“……”
เขาไม่จริงจังเหรอ?
ให้เธอจูบเขาคือไม่จริงจัง?
“เมื่อกี๊คุณเรียกซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนออกไปทำไม?”หลินซินเหยียนพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“สั่งพวกเขาเรื่องหนึ่ง”
รัศมีที่เข้มข้นปกคลุมไปทั่วสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แค่มองก็รู้‘อุบาย’ของเธอ ยกคางเธอขึ้นมา หัวเราะอย่างเต็มที่“หยุดคิดจะเปลี่ยนเรื่องเถอะ”
หลินซินเหยียน“……”
หัวใจเธอตื่นตระหนก แทนที่จะถูกเขาเริ่มลวนลามก่อน สู้ตัวเองรุกก่อนดีกว่า มุมปากเธอยกขึ้น ตาเป็นสระอิ ยิ้มอย่างสวยงาม
สายตาของเธอเหมือนสว่างไสวเหมือนพระจันทร์เสี้ยว มุมปากยกขึ้นนิดๆ โชว์ฟันขาว ขี้เล่นและน่ารัก
น้อยครั้งที่เธอจะหัวเราะให้เขาแบบนี้ ส่องประกายไปที่ตาของจงจิ่งห้าวในทันที
หลินซินเหยียนฉวยโอกาสตอนที่ไม่ทันระวัง จูบไปที่หน้าของเขาก่อน การกระทำนั้นไวมาก จงจิ่งห้าวเพิ่งสังเกตได้ เธอก็ไปแล้ว
จงจิ่งห้าว“……”
นี่ถือว่าจูบเขาแล้ว?ริมฝีปากของเธอแตะไปที่หน้าของเขา กลัวว่าแค่วินาทีเดียวก็น่าจะไม่ถึงสินะ?
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะให้เธอจูบหน้าล่ะ
เขาจะให้เธอจูบริมฝีปากของเขา