“ผมมาพบประธานจงของพวกคุณเพราะผมมีเรื่องจะคุยด้วย” ไป๋ยิ่นหนิงพยายามโน้มน้าวบอดี้การ์ด ทว่าท่าทางของบอดี้การ์ดยังคงนิ่ง หน้าที่ของเขาคือไม่ปล่อยใครหน้าไหนเข้ามาในบริเวณนี้ พูดให้ตายก็เข้าไม่ได้
ไป๋ยิ่นหนิงขมวดคิ้ว ทำไมคนคนนี้ถึงมีทิฐิสูงจังเลยนะ
“ผมมีเรื่องสำคัญ…”
“ประธานไป๋มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่าครับ” จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าทางเดิน ใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย สายตาคมราวกับใบมีด
ดวงตาคมของเขายังคงแข็งกร้าว “หรือว่าเรื่องวันนี้ ประธานไป๋ตรวจสอบชัดเจนแล้ว มาอธิบายให้ผมฟังเหรอครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงรู้ตัวว่าตัวเองผิด เขาเอ่ยขอโทษก่อน “เพราะผมประมาทเกินไป ให้เหยาชิงชิงรู้ตารางการเดินทางของผม ถึงได้…”
เดิมเขาไม่ได้ป้องกันเหยาชิงชิงด้วยซ้ำ ดังนั้นเหยาชิงชิงจึงสะกดรอยตามเขาได้อย่างง่ายดาย
เขาให้เกาหยวนไปตรวจสอบแล้วถึงได้รู้ว่า หลินซินเหยียนตกลงไปในน้ำเพราะเหยาชิงชิง สองมือของเขากำแน่น “คุณหลินไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”
“ประธานไป๋คิดจะจัดการเรื่องนี้ยังไงครับ” จงจิ่งห้าวไม่ได้ตอบคำถามของเขา ตอนนี้เขาต้องการคำอธิบาย
ไป๋ยิ่นหนิงยังคงคาดหวัง หวังว่ามันจะเป็นเพียงความบุ่มบ่ามของเหยาชิงชิง เธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
เสิ่นเผยซวนมองออกถึงความลังเลของเขา จึงเอ่ยเตือน “ผมคิดว่าประธานไป๋จะละเลยไม่ได้ คงไม่ได้เห็นแก่การรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วจะให้ความไว้วางใจไร้ขีดจำกัดแบบนั้น ความตริง คุณสามารถสืบเรื่องราวในอดีตของเธอได้ ผมคิดว่าคุณจะต้องตกใจแน่”
“คุณหมายความว่ายังไง” เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเสิ่นเผยซวนนั้นมีความนัยแฝงอยู่
“ผมว่าคุณไปถามเธอเองจะดีกว่า จริงสิ เรื่องข่มขู่ครั้งที่แล้ว ผมคิดว่าประธานไป๋ คงจะให้คำอธิบายได้ด้วยนะครับ ยังไงก็อยู่ในพื้นที่ของประธานไป๋ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ประธานไป๋ไม่สนใจคงจะไม่ได้ หรือว่าจะปกปิดมัน” เสิ่นเผยซวนเอนตัวพิงผนัง เขาขยับบริหารข้อมือ “ถึงจะเป็นพื้นที่ของประธานไป๋ ถ้าพวกเราคิดจะทำอะไร ใครก็ห้ามไม่ได้ จัดการกับผู้หญิงแค่คนเดียวง่ายมากเลยนะครับ แต่ว่า นี่เป็นความผิด ปกป้องก็ถือเป็นความผิดเหมือนกัน”
ข่มขู่ ข่มขู่อย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าไป๋ยิ่นหนิงรู้ว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร ถ้าหากเขาคิดจะปกป้องเหยาชิงชิง แบบนั้น การร่วมงานกับจงจิ่งห้าวนั้นคงต้องยกเลิก อีกทั้งยังต้องกลายเป็นศัตรูอีก
เขายิ้มขืน “คุณหลินตกน้ำ เป็นความรับผิดชอบของผม ผมต้องให้คำอธิบายได้อย่างแน่นอน เรื่องการข่มขู่เพียงแค่มีหลักฐาน ผมไม่ปกป้องคนผิดแน่นอนครับ”
ไม่ใช่เขาปล่อยเหยาชิงชิงไป แต่เป็นเพราะเขามองข้ามเรื่องนี้ เขาพบว่า เหยาชิงชิงแปลกออกไปจริงๆ
เขาไม่คิดว่าเหยาชิงชิงจะทำเรื่องแบบนี้กับหลินซินเหยียน
“คุณหลินไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” ไป๋ยิ่นหนิงถามอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเพียงเพราะเขาเท่านั้น แต่ที่ห่วงเพราะเขาเป็นห่วงหลินซินเหยียนจริงๆ
“ภรรยาของผม ไม่จำเป็นต้องให้ใครเป็นห่วง” เดิมจงจิ่งห้าวก็รำคาญที่ไป๋ยิ่นหนิงวอแวกับหลินซินเหยียนไม่หยุด จึงใช้โอกาสนี้ ทำให้ไป๋ยิ่นหนิงเข้าใจชัดเจน หลินซินเหยียนเป็นของเขา อย่าได้คิดเลยจะดีกว่า
“คิดหวังในตัวภรรยาคนอื่น ไม่ใช่คุณสมบัติของคนดี ผมคิดว่าประธานไป๋คงจะเข้าใจ และเป็นคนที่ดีพอ” จงจิ่งห้าวเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าทำให้ไป๋ยิ่นหนิงพูดไม่ออกเลยสักคำ
“คนอยู่ที่ไหน ประธานไป๋นำทางเถอะครับ” เสิ่นเผยซวนอดไม่ได้อยากสืบสวนเหยาชิงชิงคนนี้เต็มทีแล้ว เขาสนใจความลับในตัวเธอมากทีเดียว
ไป๋ยิ่นหนิงสูดหายใจเข้าลึก ตัดสินใจอยู่ในใจ ครั้งนี้ถ้าหากมีหลักฐานว่าเหยาชิงชิงเป็นคนทำ เขาจะไม่ปกป้องเธอแน่นอน
“เอาแบบนี้ดีกว่าไหมครับ รอให้คุณหลินรู้สึกตัว ให้เธอสอบสวนเอง และให้เวลากับผมสักหน่อย ถ้าเธอสารภาพเองก็ดีไป แต่ถ้าเธอไม่ยอมรับผมจะส่งเธอให้กับพวกคุณ” บางเรื่อง เขาก็หวังอยากได้ยินจากปากของเหยาชิงชิงเอง
เรื่องนี้เสิ่นเผยซวนตัดสินใจเองไม่ได้ เขาหันไปหาจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวเงียบไปชั่วครู่ “หวังว่าประธานไป๋จะมีข่าวดีให้กับผม”
พูดจบก็หมุนตัวกลับเข้าห้องไป
ไป๋ยิ่นหนิงยกมือส่งสัญญาณให้เกาหยวนพากลับเข้าลิฟต์
เสิ่นเผยซวนก้าวไปหนึ่งก้าว หันไปมองไป๋ยิ่นหนิง “ประธานไป๋ กลับดีๆ ไม่ส่งนะครับ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ตอบอะไร หลังจากเข้าไปในลิฟต์แล้ว เกาหยวนเอ่ยเสียงเบา “คุณเหยาอยู่ที่คฤหาสน์ครับ”
ถ้าเกาหยวนไม่เห็นกล้องวงจรปิด เขาเองก็คงไม่เชื่อว่าเหยาชิงชิงจะเป็นคนทำให้หลินซินเหยียนตกน้ำ “เธอดูใสสื่อ จิตใจดี ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้”
ใบหน้าของไป๋ยิ่นหนิงเข้มขึ้น เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเหยาชิงชิงเป็นคนแบบนี้ แต่หลักฐานรัดตัวแน่นขนาดนี้แล้ว
เรื่องข่มขู่หลินซินเหยียน แปดในสิบคือเธอเป็นคนทำ
เกาหยวนดูออกว่าไป๋ยิ่นหนิงไม่อยากคุยเรื่องนี้ จึงปิดปากเงียบไปเอง
เมื่อเดินออกมาจากโรงแรม เข็นรถของเขาขึ้นรถไป ไม่นาน รถก็มาหยุดลงตรงหน้าคฤหาสน์ของไป๋ยิ่นหนิง
ที่นี่เหยาชิงชิงเคยมาแค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งที่แล้วพวกเขาพึ่งจำกันได้ ไป๋ยิ่นหนิงพาเธอมา
เธอนั่งอึดอัดเล็กน้อย มีเสี่ยวหลิวยืนเฝ้าเธออยู่ข้างๆ คิดในใจ ไม่รู้คุณชายเรียกเธอมาทำไม
บางทีอาจรู้สึกกับไป๋ยิ่นหนิงเหมือนกัน เสี่ยวหลิวสัมผัสได้ว่าเหยาชิงชิงเองก็ชอบไป๋ยิ่นหนิง
เมื่อเปรียบเทียบกับเหยาชิงชิง เธอหวังว่าเป็นหลินซินเหยียนกับไป๋ยิ่นหนิงจะดีกว่า
เธอเป็นเพียงลูกน้อง แม้จะมีใจให้กับไป๋ยิ่นหนิง ก็ทำได้เพียงเก็บมันไว้ในใจ ในอนาคตไป๋ยิ่นหนิงยังต้องแต่งงาน
เธอเองก็บอกไม่ถูกว่าเหยาชิงชิงไม่ดีตรงไหน แต่เธอรู้สึกสนิทใจกับหลินซินเหยียนมากกว่า เหมาะสมกับไป๋ยิ่นหนิงมากกว่า
ตอนนั้นเอง เกาหยวนก็เข็นรถของไป๋ยิ่นหนิงเข้ามา เสี่ยวหลิวรีบเดินเข้าไปรับ “คุณชาย”
วันนี้ไป๋ยิ่นหนิงอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากคุยอะไร โบกมือบอกเธอไปทำงาน “ชิงชิงคุณตามผมมา”
พูดจบก็หมุนล้อรถเข็นเข้าไปในห้องหนังสือ
เหยาชิงชิงลุกจากโซฟา เดินตามหลังเขาไปในห้องหนังสือ
ในห้องรับแขก เสี่ยวหลิวค่อยๆ ขยับเข้าหาเกาหยวน “วันนี้คุณชายเป็นอะไรคะ ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี มีเรื่องในใจเหรอคะ”
เสี่ยวหลิวรับหน้าที่ดูแลเรื่องชีวิตประจำวันต่างๆ เกาหยวนเป็นมือขวาของไป๋ยิ่นหนิงในเรื่องงาน ทั้งสองต่างก็เป็นคนสนิทของไป๋ยิ่นหนิง ดังนั้นจึงสนิทกัน
เกาหยวนมองประตูห้องหนังสือที่ปิดสนิท ถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้ คุณเหยาก่อเรื่องยากให้เขาแล้วน่ะสิ”
“เธอหาเรื่องยากให้คุณชายงั้นเหรอคะ”
เสี่ยวหลิวเบิกตาโพลง คิดในใจ เหยาชิงชิงไม่เหมาะกับไป๋ยิ่นหนิงจริงๆ ด้วย
เกาหยวนมองเธอ “จัดการเรื่องของตัวเองพอ เรื่องของคนอื่น อย่าถามมาก”
“แต่ว่า คุณชาย…”
เสี่ยวหลิวยังอยากถาม แต่เกาหยวนเดินหนีหายไปแล้ว ไม่อยากพูดมาก
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องของเขา
เสี่ยวหลิวเบ้ปาก ถลึงตาใส่แผ่นหลังของเกาหยวน คนใจแคบ
คิดเงียบๆ อยู่ในใจ ครั้งหน้า ถ้าเขาถามอะไรเธอ เธอก็จะไม่บอกเหมือนกัน
ห้องหนังสือ
ไป๋ยิ่นหนิงนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ เขาเปิดแฟ้มเอกสารไปเรื่อย
เหยาชิงชิงยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ไม่กล้าส่งเสียง
ผ่านไปเนิ่นนาน ไป๋ยิ่นหนิงราวกับพึ่งนึกได้ว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง เอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ “วันนี้คุณไปไหนมาเหรอ”
“หางานค่ะ”
สองมือของเหยาชิงชิงที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวนั้นกำแน่น คำถามของไป๋ยิ่นหนิงทำให้เธอหวาดระแวงเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่มีอะไร ไป๋ยิ่นหนิงจะเรียกเธอมาทำไม เพื่อถามเรื่องไม่สำคัญพวกนี้น่ะหรือ
ไป๋ยิ่นหนิงไม่พูดอะไร ยังคงไม่มองเธอ “นอกจากทำงานล่ะ”
“คุณอยากถามอะไรกันแน่คะ” ในที่สุดเหยาชิงชิงก็ทนไม่ไหว
เรื่องวันนี้ เขารู้แล้วเหรอ
ไป๋ยิ่นหนิงวางเอกสารในมือ เขาเงยหน้าขึ้นมามองเหยาชิงชิง “คุณไม่มีอะไรอยากคุยกับผมเหรอ”
เพียงเธอยอมสารภาพ ยอมรับผิด เขาเชื่อว่าหลินซินเหยียนจะต้องยอมให้โอกาสเธอได้ปรับปรุงตัว
เหยาชิงชิงหัวเราะ “คุณอยากให้ฉันพูดอะไรคะ”
ไป๋ยิ่นหนิงขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองไม่รู้จักเธอแล้ว เมื่อก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้ เธอซื่อตรง จิตใจดี ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ไม่แยกแยะถูกผิด
“ผมหวังดีกับคุณนะ” ไป๋ยิ่นหนิงเน้นย้ำ
เขาหวังว่าเหยาชิงชิงจะกลับตัวกลับใจ
เหยาชิงชิงหัวเราะเสียงดังขึ้น เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “คุณคงเรียกฉันมาเพราะคุณหลินสินะ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ปฏิเสธ
“เธอแต่งงานไปแล้ว มีลูกแล้ว เธอไม่เหมาะสมกับคุณ ทำไมคุณต้องดีกับเธอขนาดนั้น” ทันใดนั้น สองมือของเหยาชิงชิงก็วางลงตรงหน้าโต๊ะ โน้มตัวลง ลดระยะห่างจากไป๋ยิ่นหนิง จ้องตากับเขา “ใช่ วันนี้ฉันเจอเธอ ยังไม่ระวังผลักเธอลงทะเลสาบไปด้วย ทั้งหมดนี้เพราะตัวเธอเองทั้งนั้น เธอไม่รู้ถึงสถานะตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ยังจะมาล่อลวงคุณอีก เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ดี เธอก็แค่ผู้หญิงใจง่าย”
ไป๋ยิ่นหนิงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ผิดหวังต่อเหยาชิงชิง
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเธอล่อลวงผม”
“เธอเคยแต่งงานแล้ว ยังตั้งใจเข้ามาพัวพันกับคุณ นี่ไม่ใช่ล่อลวงแล้วมันคืออะไร” เหยาชิงชิงพยายามอ้างเหตุผลให้ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง ไม่สามารถปฏิเสธได้
ไป๋ยิ่นหนิงหัวเราะ “คุณรู้ได้ยังไง ว่าไม่ใช่ผมที่เข้าไปพัวพันกับเธอ…”
“คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ต้องเป็นเพราะเธอล่อลวงคุณแน่นอน” ไป๋ยิ่นหนิงยังไม่ทันพูดจบ เหยาชิงชิงก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
ไป๋ยิ่นหนิงมองเหยาชิงชิงอยู่เนิ่นนาน ไม่พูดอะไรออกมาสักนิด
เธอหวาดระแวงเกินไป เธอกำลังป่วย
ไป๋ยิ่นหนิงไม่อยากให้เธอเอาความหวาดระแวงไปมองหลินซินเหยียน เรื่องนี้ เขาคิดว่าเขาต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่อง
“ผมจะบอกให้ชัดๆ คุณหลินไม่เคยเข้ามาพัวพันกับผม เป็นผมตลอด ที่เข้าหาเธอ เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงคนไหน เป็นผู้หญิงที่พิเศษกว่าใครที่ผมเคยเจอมา ผมรู้สึกดีกับเธอ แม้จะรู้ว่าเธอแต่งงานมีลูกแล้วก็ตาม ผมก็ยังควบคุมความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณอยากโทษคุณก็มาโทษผม อย่าไปทำร้ายเธอ เรื่องนี้ถ้าคุณยอมรับผิด เธอก็จะไม่ถือสา…”
“ยิ่นหนิง” เหยาชิงชิงราวกับโดนกระตุ้น เธอไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดออกมา
“เธอใช้ยาเสน่ห์กับคุณหรือเปล่า คุณไปชอบเธอได้ยังไง”
“ทำไมผมจะชอบเธอไม่ได้” ไป๋ยิ่นหนิงหมดความอดทน
ไม่ยอมรับฟังอะไร ดื้นรั้น ไม่รู้ถูกผิด คำพวกนี้อธิบายตัวเธอได้ไม่หมดหรอก
น่ากลัวกว่ามุดเข้าไปในเขาโคซะอีก
“เธอไม่คู่ควรกับคุณ” เหยาชิงชิงตะโกน
ไป๋ยิ่นหนิงคิดว่าเธอบ้าไปแล้ว ทว่าเหยาชิงชิงกลับคิดว่าไป๋ยิ่นหนิงบ้าไปแล้ว
“เธอสวย ใจดี ฉลาด มีงานของตัวเอง มีกิจการของตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ยืนหยัดด้วยตัวเอง และผม เป็นแค่คนกะโผลกกะเผลกคนหนึ่ง เป็นแมงลที่ถูกรับเลี้ยง เธอไม่เหมาะสมกับผมตรงไหน กลับกันเป็นผมเองที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเธอ”
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่เลย…” เหยาชิงชิงพยายามส่ายหัว พุ่งเข้ามาจับแขนไป๋ยิ่นหนิง “ยิ่นหนิง คุณถูกเธอปิดตา เธอไม่เหมาะสมกับคุณ…”
ไป๋ยิ่นหนิงมองดูเธออยู่เงียบๆ เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ แสยะยิ้ม “งั้นคุณ เหมาะสมกับผมงั้นเหรอ”