มืดฟ้ามัวดิน สองคนในห้องจูบกันดูดดื่ม ราวกับโลกใบนี้มีพวกเขาเพียงสองคน
จงจิ่งห้าวถอดเสื้อผ้า กดร่างกายลงไปอีกครั้ง ในตอนที่เขากำลังจะจัดการขั้นสุดท้าย เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“จิ่งห้าว ไป๋ยิ่นหนิงส่งคนมาแล้ว”
เสียงเสิ่นเผยซวนดังลอดเข้ามา ดึงสติของหลินซินเหยียนให้กลับมา เธอผลักร่างหนาของจงจิ่งห้าวออกโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้ ใบหน้าของจงจิ่งห้าวทะมึนขึ้น ประสาทตึงเครียด
“ไม่สอบสวนตอนนี้เหรอ” เสิ่นเผยซวนรู้ว่าหลินซินเหยียนเป็นไข้
ไม่ว่ายังไง จงจิ่งห้าวก็คงจะไม่เอาเปรียบเธอหรอกใช่ไหม
ดังนั้นเขาคิดว่า จงจิ่งห้าวอยู่ในห้องตลอด เพราะต้องคอยเฝ้าดูแลหลินซินเหยียน
ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย
หลินซินเหยียนรับรู้ถึงส่วนที่ตึงเครียดและอารมณ์ของเขา เธอจับมือเขาบอก “ฉันรับปากคุณแล้ว ไม่กลับคำแน่นอน ครั้งหน้านะคะ”
แสงสลัวบดบังเปลือกตาที่สั่นเทาของเขา และไม่อยากปล่อยมือเธอ
ก๊อก ก๊อก…
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
หลินซินเหยียนผลักเขาอีกครั้ง ส่ายหน้าให้เขา
จงจิ่งห้าวหลับตาลง ดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ ม้วนเธอแน่น ราวกับดักแด้
เขาพลิกตัวลงจากเตียง กลัดกระดุมให้เรียบร้อย เปิดประตู
เสิ่นเผยซวนเหมือนนึกอะไรได้ กำลังจะเดินจากไป ทว่าประตูกลับเปิดออก เขาหันกลับมา เผชิญหน้ากับใบหน้าโกรธเกรี้ยวของจงจิ่งห้าว พลันรู้สึกประหม่าขึ้นมา
ตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร
เขายกมือขึ้นมา ดวงตาคมกวาดตามองใบหน้าแปลกประหลาดของเสิ่นเผยซวน จ้องอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “คนอยู่ที่ไหน”
“ที่ของไป๋ยิ่นหนิง” พวกเขาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีอะไรปิดบัง ไป๋ยิ่นหนิงจึงเสนอที่ของเขา เพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องให้พวกเขาไปค้นหา
“อืม นายไปจัดการก่อน เดี๋ยวอีกสักพักฉันตามไป” พูดจบเขาก็ปิดประตู
เสิ่นเผยซวนตะลึง เมื่อมีสติกลับมา เขาจึงตบหน้าอกตัวเอง โชคดี ยังดี เขายังไม่ซวย
จงจิ่งห้าวกลับเข้ามาในห้อง หลินซินเหยียนลุกขึ้นมาแล้ว สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เธอกำลังยืนส่องกระจกหวีผมอยู่ในห้องน้ำ ผมยาวพันกันยุ่งเหยิง และเปียกชื้นเล็กน้อย เธอรวบไปด้านหลัง จากนั้นมัดเป็นหางม้า มองเห็นจงจิ่งห้าวเดินเข้ามาจึงถาม “จับเหยาชิงชิงได้แล้วเหรอคะ”
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามา กอดเธอจากด้านหลัง “หนีไม่รอดอยู่แล้ว”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่จับ เขาก็จะไปจับด้วยตัวเอง
คนไม่มีที่มาอย่างเหยาชิงชิง จะหนีไปไหนได้
หลินซินเหยียนถอนหายใจ “ความจริงเธอเป็นคนน่าสงสาร”
ไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก ถูกรับเลี้ยง และไม่ถูกรักลำบากมาตลอดชีวิต
จงจิ่งห้าวบีบมือเธอเบาๆ “คนที่น่าสงสาร ต้องมีจุดที่น่าโกรธ”
เขาเงยหน้ามองเธอ “คุณอยู่ที่บ้าน เดี๋ยวผมออกไป…”
“ฉันจะไปกับคุณด้วย” หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาจะไปสืบสวนเหยาชิงชิง เธอเองก็อยากฟัง
จงจิ่งห้าวเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นบอก “ได้”
รอหลินซินเหยียนเตรียมของเสร็จแล้ว จงจิ่งห้าวก็พาเธอออกมา ฉินยาและซูจ้านอีกทั้งบอดี้การ์ดอยู่ดูแลเด็กๆ ที่โรงแรม ให้เสิ่นเผยซวนไปกับพวกเขา
เสิ่นเผยซวนขับรถ “นี่คงเพราะไป๋ยิ่นหนิงสืบสวนไม่ได้ ถึงได้ส่งเธอมาให้เรา”
หลินซินเหยียนหันไปถามเสิ่นเผยซวนที่อยู่ด้านหน้า “ไป๋ยิ่นหนิงจับมาเหรอคะ”
“ใช่”
หลินซินเหยียนตกอยู่ในความเงียบ เขาดูออกว่าไป๋ยิ่นหนิงใส่ใจเหยาชิงชิงมาก เห็นแก่ความสัมพันธ์ในวัยเด็กของพวกเขา
ครั้งนี้ เขาส่งเหยาชิงชิงมาได้ คงจะต่อสู้กับความรู้สึกไม่น้อย
ไม่นาน รถก็มาหยุดยังสถานที่ที่เกาหยวนส่งมาให้เสิ่นเผยซวนทางโทรศัพท์
เป็นโรงงานร้างแห่งหนึ่ง ด้านในมีของรกรุงรัง บางส่วนเป็นขยะ ไม่มีอย่างอื่น
เหยาชิงชิงถูกจับมัดอยู่บนพื้น ปากมีเทปกาวปิดเอาไว้
เกาหยวนยืนรอพวกเขาอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา จึงบอก “ประธานไป๋ของเราอยู่ด้านบนครับ เขาแค่มาดู ไม่เข้าร่วม เราส่งคนให้คุณแล้ว จะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรก”
ความหมายก็คือ ไม่ว่าจงจิ่งห้าวจะทำยังไงกับเธอ เขาก็จะไม่ว่าอะไรสักคำ
ท่าทางแบบนี้ จงจิ่งห้าวพอใจมาก เขาไม่ใช่คนเลว แต่ก็ไม่ใช่คนดี หลายครั้งเขาจะไม่เอาเรื่อง ครั้งที่แล้วทำให้หลินซีเฉินตกใจขวัญหาย ครั้งนี้เกือบถึงชีวิตของหลินซินเหยียน เรื่องนี้ มันเกินขีดความอดทนของเขา
เกาหยวนผายมือเชิญเข้าไปด้านใน “เธออยู่ด้านในครับ”
เสิ่นเผยซวนเดินนำหน้า ไปดูลาดเลาก่อน จงจิ่งห้าวจูงมือหลินซินเหยียนอยู่ด้านหลัง พื้นไม่สะอาด มีของวางระเกะระกะ จงจิ่งห้าวบอกให้เธอระวัง
หลินซินเหยียนคิดอะไรอยู่ในใจ ไม่ทันได้ยินที่เขาพูด
จงจิ่งห้าวคว้าเอวเธอเอาไว้แน่น ให้เธอมีสติ “คิดอะไรอยู่”
“เปล่าค่ะ” หลินซินเหยียนเม้มปากแน่น
ความจริงเธอกำลังคิดว่าถ้าเหยาชิงชิง เห็นแก่ไป๋ยิ่นหนิงเธอจะไม่ให้จงจิ่งห้าวเอาเรื่อง
เดินเข้ามาในโรงงาน สัมผัสได้ถึงไอเย็น ลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเก่าๆ หลังคาบดบังแสง มืดมาก
เหยาชิงชิงถูกมัดเท้า นั่งอยู่ที่พื้น จ้องเขม็งมายังหลินซินเหยียนด้วยความเกลียดชัง
แทบรอไม่ไหวให้เธอได้ออกจากถ้ำ
จงจิ่งห้าวหรี่ตา ไม่โกรธแถมยังข่มขู่เธอ “ถ้าใช้สายตาแบบนั้นมองเธออีก ฉันจะควักลูกตาเธอออกแน่”
เหยาชิงชิงหดตัวกลับคืน ไม่กล้ามองอีก เธอก้มหน้า งอตัวอยู่บนพื้น อยากหนีออกไปจากที่นี่
แต่ถึงเธอจะให้แรงทั้งหมด ก็ไม่สามารถออกไปได้
หลินซินเหยียนมองจงจิ่งห้าว เขาเป็นแบบนี้ตลอด เธอหวังเพียงว่าเหยาชิงชิงจะได้เรียนรู้ และลำบากให้น้อยลง
เป็นผู้หญิงด้วยกัน เธอรู้สึกสงสาร
ถึงแม้เหยาชิงชิงจะทำร้ายเธอ เธอก็พร้อมจะให้โอกาสเธอได้กลับตัว
เกาหยวนเตรียมเก้าอี้สะอาดไว้ให้สองตัว จงจิ่งห้าวดึงหลินซินเหยียนมานั่ง
เสิ่นเผยซวนย่อตัวอยู่ตรงหน้าเหยาชิงชิง ดึงเทปกาวที่ปากเธอออก “พูดมาสิ ตุ๊กตานั่นเธอเป็นคนส่งมาใช่ไหม ทำไมต้องพี่สะใภ้ฉัน”
เหยาชิงชิงก้มหน้าไม่ยอมพูด
ท่าทางดื้อดึง
เสิ่นเผยซวนเลียริมฝีปากแห้งผาก หัวเราะออกมา “นี่พูดดีๆ ด้วยไม่เอา อยากให้ลงโทษเหรอ”
“จะฆ่าก็ฆ่า ทำไมต้องพูดให้มากความ” เธอยังคงก้มหน้า “เดิมโลกนี้คนอ่อนแอก็เป็นเหยื่อให้คนแข็งแกร่ง ฉันเป็นมดยอมให้พวกคุณรังแก ไม่ใช่ว่าฉันทำผิด เพราะว่าพวกคุณมีเงินมีอำนาจ”
“ฮ่าๆ ” เสิ่นเผยซวนหัวเราะออกมา นี่กำลังบอกว่าพวกเขาใช้กำลังรังแกคนอยู่เหรอ
“นี่ เพราะเธอมาหาเรื่องเราก่อนนะ”
“เพราะเธอล่อลวงยิ่นหนิงต่างหาก” ในที่สุดเหยาชิงชิงก็เงยหน้า เธอไม่กล้าจ้องหลินซินเหยียน แต่จ้องเสิ่นเผยซวนเขม็ง
เสิ่นเผยซวนหัวเราะออกมาเพราะความโกรธ
หลินซินเหยียนล่อลวงไป๋ยิ่นหนิงงั้นเหรอ
ดวงตาหลินซินเหยียนบอดหรือยังไง ทิ้งจงจิ่งห้าวไปล่อลวงไป๋ยิ่นหนิงเนี่ยนะ
สมองของผู้หญิงคนนี้มีปัญหาหรือเปล่า
ในที่สุดเสิ่นเผยซวนก็ดูออกแล้ว ถ้าถามแบบนี้ คงไม่ได้ความอะไร เขาเปลี่ยนวิธี “เธอเป็นเด็กกำพร้า ถูกคนตระกูลเหยารับเลี้ยง ครอบครัวที่รับเลี้ยงเธอมีลูกไม่ได้ แต่เมื่อรับเลี้ยงเธอมาได้ไม่นานภรรยาเขาก็ตั้งท้อง หลังจากคลอดออกมาแล้วเด็กคนนั้นก็เป็นน้องชายในนามของเธอ”
เสิ่นเผยซวนเอารูปชายสวมแจ็กเกตหนังในวิดีโอให้เธอดู “เขาเป็นน้องชายเธอใช่ไหม”
เหยาชิงชิงนิ่งอึ้ง
พวกเขาสืบเรื่องของเธอ ยังรู้ด้วยว่าเธอมีน้องชาย งั้นรู้ว่าเธอเคยมีลูกด้วยหรือเปล่า
ไป๋ยิ่นหนิงรู้หรือเปล่า