“ซูจ้าน!” ฉินยาเรียกเขา แต่นาทีนี้รถได้ซิ่งไปไกลแล้ว เหลือไว้แค่กลิ่นควันรถยนต์ที่เหม็นฟุ้ง
เธอล้วงมือถือออกมาโทรหาเขา ซูจ้านกำลังขับรถอยู่ มือถือของเขาได้เชื่อมต่อกับบรูทูธในรถไว้ พอมีสายเรียกเข้า หน้าจอแสดงผลในรถก็ได้เชื่อมต่ออัตโนมัติ เขาดูสายเรียกแว๊บนึง พบว่าเป็นฉินยาโทรมา
เขากดปุ่มรับสาย “ฮัลโหล คุณรอผมที่ออฟฟิศแป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว”
“คุณจะไปไหนคะ?” ฉินยากำมือถือไว้แน่น “กลับมาตอนนี้เลยได้มั้ย?”
“ผมมีธุระครับ……”
“คุณมีธุระอะไร? เรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวคะ?” ฉินยาถามอย่างร้อนรนใจ
ในใจลึกๆเธอกลัว กลัวคนที่เขาไปเจอคือหลิวเฟยเฟย
ซูจ้านเม้มปาก จากนั้นได้พูดโกหก “เรื่องงานครับ”
“โอเคค่ะ ฉันรอคุณที่ออฟฟิศ ถ้าคุณไม่กลับมา ฉันก็จะไม่กลับ” ฉินยาพูดจบก็ได้วางสายทิ้ง
ซูจ้านจอดรถที่ข้างถนน แล้วโทรหาสายเรียกเข้าของเมื่อครู่
ในผับ
หลิวเฟยเฟยนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ดูมือถือที่ดังไม่ยอมหยุดแล้วหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นได้กรอกเหล้าเข้าปากอีกกรึ๊บนึง
บาร์เทนเดอร์ได้ยื่นมาอีกแก้วนึง “คุณจะรับมั้ยครับ?”
หลิวเฟยเฟยยิ้ม “ขืนฉันรับสาย ก็ล่อเหยื่อมาไม่ได้แล้วน่ะสิ”
“ล่อเหยื่อมา?” ไม่นานเขาก็เข้าใจ “ก็คือผู้ชายคนที่เมื่อครู่คุณให้ผมโทรหา บอกว่าคุณเมาเหล้าคนนั้นเหรอครับ?”
หลิวเฟยเฟยมองเขาด้วยหางตาทีนึง จากนั้นได้เงินตบสามร้อยหยวนใส่บนโต๊ะ “เดี๋ยวคนมา นายอย่าเผยพิรุธออกมาเชียวล่ะ”
บาร์เทนเดอร์หยิบเงินมาใส่เข้ากระเป๋า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “วางใจครับ ครั้งหน้ามีอะไรให้ผมรับใช้ ก็มาหาผมได้เลยนะครับ ขอแค่ราคาเหมาะสม อยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนก็ได้เหมือนกันครับ”
“อย่าโลภ” หลิวเฟยเฟยมองบาร์เทนเดอร์ด้วยหางตาทีนึง
ซูจ้านได้รับสายๆนึง บอกว่าหลิวเฟยเฟยอยู่ในผับเมาไม่รู้เรื่องแล้ว เขาหาวิธีติดต่อได้จากมือถือของเธอ จึงได้โทรหาเขา
ในผับมีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน ผู้หญิงตัวคนเดียวเมาไม่รู้เรื่องอยู่ในผับ ง่ายมากที่จะเกิดเรื่อง เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ออกมาอย่างรีบร้อน แต่เมื่อครู่หน้าตาของฉินยาดูไม่ดีเลย
เขาอยากออกเงินให้คนที่โทรมาหาเขาส่งหลิวเฟยเฟยกลับไป แต่ตอนนี้ไม่มีคนรับสายเลย
เขาไม่รู้จะเลือกยังไงในชั่วขณะ ใจนึงก็กลัวหลิวเฟยเฟยอยู่ที่ผับจะเกิดเรื่อง ใจนึงก็เป็นห่วงฉินยา
เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ความคิดต่อสู้กันอยู่ครู่นึง สุดท้ายเขาได้สตาร์ทรถไปที่ผับต่อ หลิวเฟยเฟยอยู่ที่ผับไม่ปลอดภัย ฉินยาอยู่ที่ออฟฟิศของเขาไม่เจออันตรายอะไรหรอก
อีกอย่าง เดี๋ยวรอเขากลับมา เขาก็จะสารภาพเรื่องของหลิวเฟยเฟยกับเธอ
ที่จริงเขารู้ว่าตั้งแต่เมื่อคืน อารมณ์ของฉินยาก็ดูผิดสังเกตมากแล้ว สาเหตุหลักเพราะการปรากฏตัวของหลิวเฟยเฟย
ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว เขาอยากรักษาชีวิตคู่นี้ไว้ เขาอยากใช้ชีวิตต่อไปกับฉินยา
เขาอยู่กับฉินยาแล้วรู้สึกอบอุ่น มักจะมีความรู้สึกของบ้านเสมอ
รถจอดลงที่หน้าผับ เขาเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นเดินเข้าไปอย่างไว
สายตาที่มืดสลัว มีผู้คนอยู่ไม่กี่คน แต่เนื่องจากสาเหตุของเวลา ตอนนี้ที่ผับเงียบเหงามาก ไม่นานเขาก็เห็นร่างเงาของหลิวเฟยเฟย เธอหมอบอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ ซูจ้านเดินมาอย่างไว
ในมือเธอยังถือแก้วเหล้าไว้ ดูท่าทางเมาหนักมาก
“คุณมารับคุณผู้หญิงท่านนี้หรือเปล่าครับ?” บาร์เทนเดอร์เขย่าขวดเช็คเกอร์พร้อมมองหน้าซูจ้าน
ซูจ้านมองเขาแว๊บนึง “คุณเป็นคนโทรศัพท์มา?”
บาร์เทนเดอร์สะดุ้งไปครู่นึง จากนั้นได้พูดว่า “ใช่ครับ ผมเห็นคุณผู้หญิงท่านนี้เมาแล้ว จึงได้หยิบมือถือที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์ของเธอมาโทร เบอร์ที่โชว์อยู่ก็คือเบอร์ที่ผมโทรครับ ตั้งแต่ที่เธอนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่ ก็จ้องดูเบอร์นี้ตลอด ผมคิดว่านี่คงจะเป็นคนที่เธอรู้จัก ก็เลย……”
“ขอบคุณมากครับ” ซูจ้านเรียกหลิวเฟยเฟยทีนึง ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลย ซูจ้านถามต่อว่า “จ่ายตังค์หรือยังครับ?”
“ยังครับ” บาร์เทนเดอร์ส่ายหัว “เธอเมาขนาดนี้ ผมจะเก็บเงินกับเธอได้ยังไงครับ จะค้นตัวก็คงไม่ได้ใช่มั้ยครับ”
ซูจ้านควักกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วถาม “เท่าไหร่ครับ?”
บาร์เทนเดอร์มองหลิวเฟยเฟยแว๊บนึงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สองร้อยครับ”
ขนตาของหลิวเฟยเฟยกะพริบเล็กน้อย ในใจคอยสาปแช่งผู้ชายละโมบคนนี้ เธอจ่ายตังค์แล้วแท้ๆ หักค่าโทรศัพท์ที่จ่ายให้เขา เงินค่าเหล้าล้วนเกินมาทั้งนั้น ไอ้หมอนี่ยังเก็บเงินกับซูจ้านอีก
ทำยังไงได้ล่ะ ก็ตอนนี้เธอ‘เมาเหล้าแล้ว’อีกอย่างขัดใจเขาไม่ได้ กลัวเขาจะแฉเรื่องที่เธอแกล้งเมาต่อหน้าซูจ้าน จึงได้แต่อดทนเอาไว้
ซูจ้านควักสองร้อยหยวนออกมาวางไว้บนโต๊ะ หลังจากใส่กระเป๋าตังค์เข้าไปในกระเป๋าเสร็จ เขาอุ้มหลิวเฟยเฟยขึ้นมาแล้ววางเข้ามาในรถ
เขาขึ้นรถ จากนั้นส่งหลิวเฟยเฟยไปที่ที่พักของเธอ
ไม่นานรถได้จอดอยู่ที่ที่พักของเธอ เขาลงจากรถแล้วเดินไปอุ้มเธอขึ้นมา มาถึงหน้าห้องพักเธอ เขาถึงพบว่าเขาไม่มีกุญแจห้อง เปิดประตูไม่ได้ จึงได้เรียกหลิวเฟยเฟย “เฟยเฟย กุญแจอยู่ไหน?”
หลิวเฟยเฟยครวญอยู่ในอ้อมกอดเขาทีนึง และพูดพึมพำ “กุญแจอะไร? ฉันจะดื่มเหล้า ฉันจะดื่มเหล้า……”
กลิ่นเหล้าที่เตะจมูกมา ทำให้ซูจ้านขมวดคิ้ว “คุณดื่มไปเท่าไหร่ ดื่มจนเป็นแบบนี้?”
“ฉันไม่ได้ดื่ม ฉันไม่เมา” หลิวเฟยเฟยอาศัยสภาพที่เมาเหล้าจับข้อมือของซูจ้านไว้ ใบหน้ามุดเข้าไปที่ซอกคอของเขา ในปากคอยพูดเหมือน‘คนเมาเหล้า’ที่ไม่รู้ตัว “คุณคือใคร?”
ซูจ้านดึงตัวออกมาอย่างแข็งกระด้าง “กุญแจบ้านของคุณล่ะ?”
“บ้าน? ฉันมีบ้านที่ไหนกัน คนที่ฉันรักก็แต่งงานไม่เอาฉันแล้ว” ระหว่างที่พูดเธอร้องไห้อย่างกล้ำกลืนมาก “เขาไม่รอฉัน แต่งงานแล้ว……”
อารมณ์ของซูจ้านค่อนข้างซับซ้อน ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ แต่เพราะความสัมพันธ์ของที่ผ่านมา
เขาไม่เคยคิด หลังจากที่ตัวเองปล่อยวาง หลิวเฟยเฟยจะโผล่มาในโลกของเขาอีกครั้ง ตอนนี้เขากอดเธอไว้ มองดูเธอร้องไห้ หัวใจเขาไม่เต้นแรงและรู้สึกสงสารจับใจเหมือนเมื่อก่อนอีก
แค่รู้สึกว่าคนเคยรักกัน จะไม่สนใจไยดีเธอไม่ได้
“คุณเมาแล้ว” ซูจ้านไปล้วงกระเป๋าเสื้อของเธอ เขาหากุญแจเจอจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอ และเปิดประตูได้อย่างราบรื่น
ซูจ้านวางเธอลงบนโซฟา เข้าไปในห้องครัวหาน้ำผึ้งเจอแล้วชงน้ำผึ้งให้เธอแก้วนึง จากนั้นได้ยกมายื่นให้กับเธอ “ดื่มน้ำผึ้งแก้แฮ้งค์หน่อย”
“ฉันไม่ดื่ม!” หลิวเฟยเฟยปัดมือ ได้ปัดแก้วน้ำในมือซูจ้านทิ้ง น้ำผึ้งสาดใส่พื้น
แกร๊ง!
แก้วตกลงมาบนพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
กางเกงของซูจ้านถูกสาดจนเปียก เขาขมวดคิ้วแน่น ย่อตัวลงมาเก็บเศษแก้วบนพื้นขึ้นมาและทิ้งลงไปในถังขยะ จากนั้นได้ไปเอาไม้ถูพื้นในห้องน้ำ มาถูกคราบน้ำบนพื้นให้สะอาด
เขาล้างมือแล้วกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง เห็นผู้หญิงที่หมอบอยู่บนโซฟา “คุณเมาแล้ว นอนตื่นนึงก็หายแล้ว”
ซูจ้านพูดจบเตรียมตัวหันหลังจากไป
ฉินยายังรอเขาอยู่
“อย่าไป”
ทันใดนั้น หลิวเฟยเฟยลุกขึ้นมาจากโซฟา กระโจนมากอดซูจ้านไว้จากด้านหลัง “ขอร้องคุณอย่าไปเลยนะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว ฉันอยู่คนเดียวฉันกลัวค่ะ”
ซูจ้านเอามือเธอออก
หลิวเฟยเฟยยิ่งจับไว้แน่นขึ้น “ซูจ้าน ฉันรักคุณค่ะ”
“คุณเมาแล้ว” ซูจ้านฟังฉันรักคุณสามคำนี้ ในใจไม่หวั่นไหวเลยสักนิด ในใจเขารู้ดีเพราะไม่รักแล้ว ดังนั้นก็เลยสงบนิ่งขนาดนี้
“ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ได้เมา ฉันแค่คิดถึงคุณเกินไป แค่คิดถึงคุณแต่งงาน ในใจฉันก็ทรมานจะตายอยู่แล้ว”