แม่บ้านตื่นแล้ว แต่เห็นพวกเขาทะเลาะกัน เขาเป็นคนนอกพูดอะไรไม่ได้
ได้ยินเสียงกริ่งประตู เธอเดินไปเปิดประตู ในปากก็บ่นพึมพำไป “เช้าขนาดนี้ ใครมา?”
แม่บ้านเปิดประตู หลิวเฟยเฟยยืนอยู่หน้าประตู
แม่บ้านไม่รู้จักหลิวเฟยเฟย ถามว่า “คุณมาหาใคร?”
“ฉันมาหาซูจ้าน” หลิวเฟยเฟยยิ้ม
แม่บ้านหันไปมองซูจ้าน “มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาคุณ”
คุณย่าตอบสนองเร็วมาก ปล่อยมือฉินยาแล้วเดินไปดู เห็นว่าเป็นหลิวเฟยเฟย สีหน้าของท่านก็ไม่ดีทันที พูดอย่างเย็นชา “เธอมาทำไม?”
ตอนนี้หลิวเฟยเฟยเห็นซูจ้านและฉินยาที่ยืนอยู่หน้าประตู และกระเป๋าเดินทางข้างหลังซูจ้าน เธอคิดในใจ ฉินยาจะจากไปแล้ว?
เธอยิ้ม เหมือนดั่งมองไม่เห็นสีหน้าไม่ดีของคุณย่า “คุณย่า หนูมาหาซูจ้าน”
“ใครเป็นย่าเธอ” คุณย่าพูดอย่างไม่เกรงใจต่อหลิวเฟยเฟย สมัยก่อน ตอนที่ซูจ้านยังไม่มั่นคง คบหากับเธอ ไม่มีบ้านที่ดีขนาดนี้
ซูจ้านพาเธอกลับมา เธอก็ดูถูก
จากนั้นก็ทิ้งซูจ้านไป ทำให้เขารู้สึกผิดหวัง คุณย่าจึงรู้สึกไม่ดีกับเธอ รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน ตอนนั้นจากไป ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร
เธอมาก็เพื่อจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ขอแค่ฉินยาจากไป เธอก็เข้าไปแทนที่ได้ เธอตั้งใจพูดเสียงดัง “หนูเอาของมาคืนซูจ้าน เมื่อคืน เขาลืมนาฬิกาไว้ที่หนู”
พูดไป เธอก็หยิบนาฬิกาออกมา
คุณย่าแค่ดู เป็นอย่างที่พูด ของซูจ้านจริง
“เธอ เธอพูดอะไรนะ? ซูจ้านเอาไปลืมไว้ที่เธอ?” คุณย่าเหมือนถูกฟ้าผ่า ไม่อยากเชื่อ “เมื่อคืนเขาอยู่กับเธอ?”
“ใช่ค่ะ…..” เธอมองไปที่ฉินยา “เธออย่าเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้มีอะไรกันเลย”
ฉินยาหันตัวไปข้างหนึ่ง ไม่อยากเห็นเธอ พูดเสียงเรียบ “ฉันไม่ได้เข้าใจผิด คุณหลิวไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
ซูจ้านก้าวเดินเข้าไป พูดเสียงเรียบ “ใครให้คุณมา ไหนบอกว่าจากนี้ไปจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผม……”
“ฉันเอานาฬิกามาให้คุณ” หลิวเฟยเฟยรีบพูดตัดเขา
เมื่อวานตอนทะเลาะกับเขา เธอตั้งใจถอดนาฬิกาของเขาออก ตอนนั้นเขากำลังโกรธ ก็เลยไม่ได้สังเกตว่านาฬิกาหลุด
ซูจ้านรีบคว้ามา “คุณไปเถอะ”
หลิวเฟยเฟยมองเขา “ไม่ให้ฉันช่วยคุณอธิบายจริงๆเหรอ?”
“ไม่จำเป็น” ซูจ้านโมโห ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉินยาจะไปเข้าใจผิดได้ยังไง มาตอนนี้ ยิ่งทำให้ความเข้าใจผิดของฉินยาเพิ่มขึ้นอีก
ให้เธออธิบาย จะยิ่งพูดยิ่งแย่
หลิวเฟยเฟยมองไปที่ฉินยา หัวเราะเย็นชาในใจ คิดในใจว่า แบบนี้จะดูว่าเธอไปหรือไม่ไป
“ถ้าต้องการให้ฉันอธิบาย คุณหาฉันได้ตลอด…….”
“เธอไปได้แล้ว จากนี้ไปไม่ต้องมาบ้านเราอีก” คุณย่ารีบร้อน เกลียดผู้หญิงคนนี้มาก ถ้าไม่ใช่เธอ ซูจ้านกับฉินยาจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันได้ยังไง
เดี๋ยวก่อน เมื่อคืนซูจ้านอยู่กับเธอ?
เธอรู้สึกใจไม่ดี มิน่า ฉินยาถึงได้โกรธขนาดนี้ เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นบนตัวเธอ เธอก็โกรธเหมือนกัน
คุณย่าแย่งนาฬิกามาจากมือซูจ้าน โยนออกไปข้างนอก “ของที่ทิ้งแล้ว จะเอาคืนทำไม”
สายตาคุณย่ามองไปที่หลิวเฟยเฟย “แล้วก็เธอ ตอนนั้นเธอเป็นคนทิ้งซูจ้านไปเอง ตอนนี้จะมายุ่งเกี่ยวกับเขาอีกทำไม? ยางอายมีบ้างไหม?”
“คุณย่า หนู…….”
“ฉันไม่ใช่ย่าเธอ เธอออกไปเลย” คุณย่าโกรธจนตัวสั่น
หลิวเฟยเฟยหันไปมองซูจ้าน แล้วมองไปที่ฉินยา แอบฉีกยิ้มที่มุมปาก แต่แสดงออกมาเหมือนลำบากใจ “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะ หวังว่าพวกคุณจะอยู่อันอย่างดี อย่ามีเรื่องไม่สบายใจ เพราะฉันเป็นเหตุ”
พูดจบก็หันตัวเดินจากไป
ฉินยาลากกระเป๋าเดินออกมา “ดูแลตัวเองนะคะคุณย่า”
“เสี่ยวยา” คุณย่าดึงตัวเธอไว้ พูดคำพูดที่ยื้อเธอไว้ไม่ออก หันไปจ้องซูจ้าน ผิดหวังในตัวเขา
“ฉินยา ผมกับเขาไม่มีอะไรกันจริงๆ คุณเชื่อผม…..”
ซูจ้านดึงเธอไว้ “ผมขอโทษ ผมผิดเอง เพราะผมไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคุณ คุณอย่าไปได้ไหม?”
ฉินยาหันไปมองเขา “ไม่ใช่ความผิดของคุณ คนที่ผิดคือฉันเอง ฉันไม่ควรตอบตกลงที่จะลองคบกับคุณ ในใจคุณมีคนอื่นตลอด คุณไม่ควรปิดบังฉัน น่าจะบอกฉัน ฉันโง่เอง ที่ยอมตกลงง่ายๆ หนทางที่ควรเดิน สิ่งที่ฉันต้องเจอ ก็หนีไม่พ้น”
“เสี่ยวยา” คุณย่ากระวนกระวาย ถ้าไปแล้ว ยังจะกลับมาอีกไหม?
เธอจะให้ฉินยาไปไม่ได้
ร่างคุณย่าเอียงไปมา กลอกตาแล้วก็ล้มลงไป
“คุณย่า” โชคดีที่ซูจ้านอยู่ใกล้ รับท่านไว้ทัน
“เป็นอะไรไปคะ” ฉินยาตกใจ ทำไมถึงเป็นลม?
ซูจ้านรีบเอานิ้วไปกดใต้จมูกของคนแก่ไว้ คุณย่าแกล้งเป็นลม ก็เพื่อจะรั้งฉินยาไว้ ใครจะไปรู้ว่าซูจ้านมือหนักขนาดนี้ เธอเจ็บจนขมวดคิ้ว
แกล้งทำเป็นลืมตาอย่างอ่อนล้า “ซูจ้าน นี่……ย่าจะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”
เห็นคุณย่าตื่นมา ซูจ้านตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ถูก “ไม่ครับ ไม่มีวัน คุณย่าต้องอายุยืนร้อยปี”
“ย่าจะถูกเธอทำให้เสียใจตายก่อน จะไปอายุร้อยปีที่ไหน?”
คุณย่าดึงมือของฉินยาไว้ “เสี่ยวยา ถ้าหนูไปแล้ว ย่าจะอยู่ต่อยังไง”
“คุณย่าพูดอะไรคะ…….”
ทันใดนั้นคุณย่ารีบหยิกขาของซูจ้าน เด็กคนนี้ทำไมไม่รู้จักดูสายตาเลย?
คำพูดของซูจ้านติดอยู่ที่ลำคอ มองหน้าของคุณย่าสีหน้าก็สดใสดี ไม่เหมือนคนป่วย หรือว่าเมื่อกี้แกล้งเป็นลม?
เพื่อจะรั้งฉินยา?
ฉินยามองไปที่ซูจ้าน “ส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า คุณย่าอายุเยอะแล้ว เป็นลมกะทันหันแบบนี้ ไปตรวจดูดีกว่า”
“ย่าไม่ไปตรวจ” คุณย่าไม่ยอม จับมือของฉินยาไว้แน่น “หนูอยู่กับย่าก็พอ”
ฉินยากัดริมฝีปากแน่นไม่อยากพูด “ให้ซูจ้านอยู่เป็นเพื่อนย่าเถอะค่ะ”
เธอดึงมือของคุณย่าออก
“ฉินยา” ซูจ้านจับแขนของเธอไว้ “คุณจะใจดำขนาดนี้เหรอ?”
“ถ้าไม่เด็ดขาดก็จะมีแต่ผลเสีย ซูจ้าน คุณน่าจะเข้าใจมากกว่าฉัน ฉันไม่เหมือนคุณ ที่ไม่มีหัวใจ” ฉินยาดึงกระเป๋าเดินทาง เดินออกไปข้างนอก
คุณย่าใช้แรงทุบซูจ้าน ให้เขาคิดหาวิธีรั้งฉินยาไว้
ฉินยาตั้งใจจะไป จะใช้ปากรั้งเธอไว้ ไม่มีทางรั้งเธอไว้ได้
ทันใดนั้น ซูจ้านที่กอดหัวคุณย่าไว้ “คุณย่า ทำไมเป็นลมไปอีก ตื่นครับตื่น”
คุณย่ารับไม่ทัน อึ้งไปนิดหนึ่ง ซูจ้านก้มตัวลงไป ส่งสายตาให้เธอ บอกให้เธอแกล้งสลบต่อ
ได้ยินว่าคุณย่าเป็นลมอีก ฉินยาหยุดเดิน กำลังอยากเดินกลับมา แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าไม่ปกติ ถ้าหากคุณย่าเป็นอะไรจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่ซูจ้านจะกอดเขาไว้แบบนี้ ไม่ส่งไปโรงพยาบาล
“ซูจ้าน เล่นสนุกเหมือนเด็กแบบนี้มีความหมายอะไร?” น้ำเสียงของเธอเรียบเฉยมาก
“คุณย่าสลบไปแล้ว” ซูจ้านพูดอย่างแข็งทื่อ
คิดในใจว่า หรือว่าเธอรู้แล้ว?
“เป็นลม คุณก็ควรส่งไปโรงพยาบาล?”