ตอนนี้ทำได้เพียงปิดบังหลินซินเหยียนไว้
“ถ้ามีอะไรคืบหน้า รายงานฉันได้ตลอด”จงจิ่งห้าวมองดูเวลาครู่หนึ่ง “ฉันขอตัวก่อน”
เสิ่นเผยซวนตอบโอเค
เดินถึงหน้าประตูจงจิ่งห้าวก็หยุดฝีเท้าลง
“นายตัวคนเดียว คืนนี้มากินมื้อส่งท้ายปีเก่าที่บ้านสิ”
เสิ่นเผยซวนไม่ใช่คนเมืองB คนในครอบครัวก็ไม่อยู่ที่นี่ คืนข้ามปีเขาไม่อยู่บ้านฉลองปีใหม่ พวกเขาสามคนก็จะนัดเจอกันข้างนอก ปีนี้ไม่เหมือนเดิม ซูจ้านแต่งงานแล้ว มีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว เขาก็มีหลินซินเหยียนและลูกสองคน คืนส่งท้ายปีเก่าออกไปไหนไม่ได้แน่นอน เห็นชัดว่าเสิ่นเผยซวนรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว
“ได้”
เสิ่นเผยซวนยิ้ม “ฉันคิดว่าพวกนายมีครอบครัวแล้ว จะลืมฉันไปแล้วซะอีก”
จงจิ่งห้าวพูดเตือนเขาประโยคหนึ่ง “อย่าหลุดปากล่ะ”
“ฉันรู้แล้วน่า”
จงจิ่งห้าวเดินออกจากวิลล่า ด้านนอกหิมะตกหนักลงมาเรื่อยๆ เสื้อคลุมสีเทาปลิวไปตามลมหนาว หิมะค่อยๆร่วงลงมา ตกลงบนเส้นผมของเขา เขากดปุ่มปลดล็อกที่กุญแจรถ ไฟรถยนต์กะพริบออกมาครู่หนึ่ง เขาเปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง
เปิดกระจกรถลงมองดูวิลล่าที่ใกล้จะถูกหิมะปกคลุมจนหมดครู่หนึ่ง แล้วดึงสายตากลับมา สตาร์ทรถขับออกไป
รถยนต์จอดลงที่ตระกูลจง ชายคาบ้านแขวนไว้ด้วยโคมแดง ในค่ำคืนหิมะขาวโพลน สว่างแพรวพราวเป็นพิเศษ
เขาเดินเข้าประตู เห็นเด็กสองคนกำลังแขวน‘ประทัด, ปลา…’ของตกแต่งวันปีใหม่ต่างๆนาๆ พวกเขารู้สึกสนุกสนาน เลยตื่นเต้นดีใจมาก
จงฉีเฟิงและเฉิงยู่ซิ่วตามประกบ กลัวพวกเขาไม่ระวังหกล้มขึ้นมา
ป้าหยูเดินเข้ามารับเสื้อคลุมที่เขาถอดออก
“เธอล่ะ?” จงจิ่งห้าวถาม
“อยู่ในห้องค่ะ” ป้าหยูตอบ
“นอนกลางวันหรอ?” จงจิ่งห้าวถามอีก
ป้าหยูส่ายหน้า “ออกไปช้อปปิ้งค่ะ” เธอพูดอวด “แล้วยังซื้อเสื้อให้ป้าด้วยนะคะ ป้าไม่เคยเจอผู้หญิงที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย”
พูดถึงประโยคหลังป้าหยูก็สะอื้นขึ้นมา
ตลอดชีวิตของเธอไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูก แม้ว่าจงจิ่งห้าวจะดีกับเธอ ให้เงินเธอมากมาย แต่ว่า ไม่เคยมีใครซื้อของให้เธอมาก่อน
จงจิ่งห้าวตบบ่าเขาเบาๆ “ผมขึ้นไปดูเธอหน่อย”
ป้าหยูพูดอย่างยิ้มหวาน “รีบขึ้นไปเถอะค่ะ”
ชั้นบน หลินซินเหยียนนั่งอยู่ตรงหน้าต่างเบย์ กอดหมอนอิงไว้ในอ้อมแขน สองมือเท้าคางมองหิมะที่ตกลงมาเรื่อยๆด้านนอก
แม้แต่ประตูห้องถูกเปิดออกเธอก็ไม่รับรู้ถึงสิ่งใด
จงจิ่งห้าวเดินเข้าไป มือวางลงบนบ่าของเธอ “คิดอะไรอยู่?”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้น ขณะนั้น จงจิ่งห้าวเห็นขอบตาเธอแดงๆ เอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอ “เป็นอะไร?”
“ฉันคิดถึงคุณแม่”หลินซินเหยียนโอบเอวของเขา จริงๆแล้วเธออยากไปดูเขาที่ตระกูลหลิน แต่ว่า ก็กลัวจะทะเลาะกัน
พวกเธอฉลองปีใหม่ด้วยกันมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอไม่ได้ฉลองด้วยกัน เธอรู้สึกเสียใจ
“ถ้างั้น ให้ฉันส่งคนไปรับเธอมามั้ย?” จงจิ่งห้าวลองถามดู
หลินซินเหยียนส่ายหัว “ช่างเถอะ ฉันกลัวว่าเราจะทะเลาะกันอีก จริงๆแล้วฉันแค่คิดไม่ออก หลินกั๋วอันเป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เค้าน่าจะรู้”
“เลิกคิดได้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยมั้ย อีกสักพักพวกเราก็จะไปกินมื้อส่งท้ายปีเก่ากันแล้ว” จงจิ่งห้าวตั้งใจดึงความสนใจเธอไปที่อื่น
“จริงสิ ฉันซื้อเสื้อผ้าให้คุณ คุณลองสวมดูว่าใส่ได้รึเปล่า” เธอปล่อยจงจิ่งห้าว สวมรองเท้าสลิปเปอร์ แล้วเปิดถุงที่วางอยู่บนเตียงออก หยิบสูทที่อยู่ข้างในออกมา “ฉันเห็นว่ามันเหมาะกับคุณ เลยซื้อมา”
เสื้อผ้าของจงจิ่งห้าวล้วนแต่สั่งทำมาจากต่างประเทศ 1ปี4ฤดู เขาไม่จำเป็นต้องไปซื้อเสื้อผ้าในห้าง ที่นั่นมีไซส์ของเขา ทุกฤดูจะส่งมา
เขาเดินเข้ามา หลินซินเหยียนก็คึกคักดีใจ “คุณลองสวมดูได้มั้ย?”
จงจิ่งห้าวตอบอืมอย่างให้เกียรติ
หลินซินเหยียนถอดเสื้อบนตัวเขาออก แล้วสวมชุดที่เธอซื้อให้เข้าไป พอดีตัวมาก จริงๆแล้วเธอเองก็ไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวสวมไซส์อะไร แต่ในฐานะดีไซเนอร์คนหนึ่ง เลยค่อนข้างเข้าใจโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ แค่เห็นส่วนสูงกับน้ำหนักโดยประมาณของคนคนหนึ่ง ก็สามารถรู้แล้ว ว่าสวมเสื้อผ้าไซส์อะไรถึงจะเหมาะสม
เธอจัดปกคอเสื้อให้เขา รีดคอเสื้อจนเรียบอย่างพิถีพิถัน เธอทำแก้มป่อง “ฉันเองยังไม่กล้าที่จะซื้อเสื้อผ้าแพงขนาดนี้ใส่มาก่อนเลย”
เมื่อก่อนเธอคิดแต่จะประหยัดเงินไว้ให้ลูกทั้งสอง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย แถมยังหมดไปกับผู้ชายคนนี้เยอะที่สุด
จงจิ่งห้าวยิ้มบางๆ “ถ้างั้นคุณ รักผมมาก ยิ่งกว่ารักตัวคุณเองใช่มั้ยล่ะ?”
ตนเองรู้สึกเสียดาย แต่เอาให้เขา?
หลินซินเหยียนเบะปาก “ฉันเสียใจแล้วล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปคืน”
จงจิ่งห้าว “…”
“ห้ามคืน”
เขาชอบ ไม่ใช่เพราะว่าราคาแพงของชุด แต่เป็นเพราะหลินซินเหยียนเลือกให้เขา ต่อให้เป็นร้านธรรมดาข้างทาง เขาก็ใส่
หลินซินเหยียนเอาเสื้อผ้าเก็บใส่ถุง จงใจพูดว่า “ถึงคุณห้าม ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เขาเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย “งั้นหรอ?”
“ช่ะ…ใช่ ไม่ ไม่ใช่…”เผชิญหน้ากับใบหน้าเหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้มของเขา เธอรีบกลับคำทันที
“สายไปแล้ว”เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็คว้าเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเรียบร้อยแล้ว หลินซินเหยียนปฏิเสธ “คุณอย่ามาลุ่มล่ามนะ”
“ผมลุ่มล่ามตรงไหน? หืม?”เขาโอบเอวเธอเข้ามา ริมฝีปากประทับลงบนแก้มของเธออย่างสนิทสนม
หลินซินเหยียนรีบกลับคำ “ไม่คืนแล้ว ถ้าคุณชอบต่อไปฉันจะซื้อให้อีก”
แบบนี้ เธอคงจะล้มละลายแน่ๆ
“อืม ว่าง่ายแบบนี้สิ” เขาจุ๊บแก้มเธอครั้งหนึ่ง “เราลงไปกันเถอะ”
ก๊อกก๊อก—
ขณะนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี เป็นป้าหยู “คุณชายคะ คุณผู้หญิงคะ ตอนนี้เราต้องออกเดินทางกันแล้วนะคะ”
จงจิ่งห้าวตอบว่ารู้แล้ว เขาปล่อยหลินซีนเหยียนออกเพื่อให้เธอจัดผมที่ถูกเขากอดจนยุ่งเหยิง ผมของเธอ ตรงยาวถึงกลางหลัง ไม่เคยผ่านการดัด เงางามอย่างมาก
“อย่าให้พวกเขารอเลย”หลินซินเหยียนกล่าว
พวกเขาสองคนเดินลงมาชั้นล่าง เสิ่นเผยซวนก็มาถึงแล้ว เพราะเคยอยู่กับเด็กทั้งสองคนมาก่อน เลยสนิทกับเขามาก หลินลุ่ยซีดีอกดีใจที่สุด ลากเขาเข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า “เรามีดอกไม้ไฟเยอะเลย คุณมาจุดด้วยกันกับหนูมั้ยคะ?”
เสิ่นเผยซวนเท้าคาง แกล้งทำเป็นใช้ความคิด “ดอกไม้ไฟ สนุกมั้ย?”
หลินลุ่ยซีพูดอย่างไร้เดียงสาสุดๆ “สนุกสิคะ” เธอใช้มือทำท่าทาง “เป็นแบบนี้ค่ะ พอเสียงชิ่วลอยขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้น เสียงดังปุ้ง ระเบิดออก ก็จะมีดอกไม้ใหญ่ส่องแสงระยิบระยับ สวยมากๆเลยค่ะ ”
หลินซีเฉินกลับยืนเอามือปิดตาอยู่ด้านข้าง อดไม่ได้จริงๆที่จะพูดค่อนแคะเธอ “เธอคิดว่า คุณอาเสิ่นเขาจะไม่รู้ได้ยังไง เขาตั้งใจหยอกเธอเล่นน่ะ”
หลินลุ่ยซีกะพริบตาปริบๆ “หยอกฉันเล่นทำไม?”
หลินซีเฉิน “…”
เขาหมดคำจะพูด
ทันใดนั้นหลินลุ่ยซีเห็นหลินซินเหยียนที่กำลังลงมาก็วิ่งเข้าไปหา เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างออดอ้อน “หม่ามี๊ หนูหิวแล้ว”
“พวกเราไปกันตอนนี้เถอะ ทางร้านอาหารโทรมาบอกว่าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เฉิงยู่ซิ่วถือเสื้อคลุมของจงฉีเฟิงยื่นให้เขา “สวมนี่ก่อน”
จงจิ่งห้าวอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังกอดขาหลินซินเหยียนขึ้นมา
เด็กหญิงน้อยไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร จะให้หลินซินเหยียนอุ้ม “หม่ามี๊อุ้ม”
“ไม่ได้” จงจิ่งห้าวปฏิเสธ
เด็กหญิงน้อยไม่พอใจ “ทำไมล่ะ?”
จงจิ่งห้าวเหล่มองทางหลินซินเหยียนแวบหนึ่ง “ดูเธอผอมขนาดนั้น อุ้มไม่ไหวหรอก”
“อุ้มไหวสิ เมื่อก่อนเธอยังอุ้มหนูกับพี่ชายพร้อมกันได้เลย” หลินลุ่ยซีโต้แย้ง
คิดในใจ คุณไม่เข้าใจหม่ามี๊ดีเท่าหนูหรอก
“หม่ามี๊หนูได้รับบาดเจ็บ อุ้มไม่ได้”ป้าหยูพูดแทรกออกมา นึกถึงรอยฟกช้ำเขียวม่วงที่น่าตกใจบนเอวของหลินซินเหยียน “ห้องอาบน้ำด้านบน ไม่ได้ทำที่กันลื่นไว้ใช่มั้ยคะ?”