หลินซินเหยียนสีหน้าเคร่งเครียด เธอเดินเข้าไปช่วยเธอตบหลัง “เป็นไงบ้าง?”
ฉินยาส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่รู้ว่ากินอะไรผิดหรือเปล่า ช่วงนี้……”
พูดถึงตรงนี้ เธอเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุดพูดกะทันหัน
หลินซินเหยียนเป็นคนมีประสบการณ์ เห็นเธออาเจียนก็นึกขึ้นได้แล้ว “ไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ”
ฉินยามือสั่นเล็กน้อย ดูเหมือนทำอะไรไม่ถึง
หลินซินเหยียนกอดเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ ปลอบโยนโดยไร้คำพูด
“พี่หลิน พี่รับปากอะไรฉันอย่างหนึ่งได้ไหม?” ฉินยาเสียงแหบ
หลินซินเหยียนพูด “ได้ พูดมาเลย”
“……ฉันหมายถึงสมมุติ สมมุติว่า ฉันมีจริงๆ พี่อย่าบอกซูจ้าน ได้ไหม?”
เธอไม่อยู่กับคนอื่นเพราะสาเหตุจำเป็นบางอย่าง เธอรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร
หลินซินเหยียนเข้าใจ พยักหน้า “ฉันไม่พูดหรอก แต่ว่า ถ้าหากมีจริง……ก็ควรคิดถึงอนาคตบ้าง”
เพราะมีลูกแล้ว ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการเติบโตของเขาในอนาคต ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบสำหรับเด็กแล้วมันสำคัญมาก
หลินซินเหยียนขับรถพาเธอไปโรงพยาบาล
เพราะเป็นเวลากลางคืน ลงทะเบียนแผนกฉุกเฉินจะได้ตรวจเร็ว ทำการตรวจอัลตร้าซาวด์และปัสสาวะ ผลอุลตร้าซาวด์เห็นตัวอ่อนในมดลูกแล้ว ประมาณเจ็ดสัปดาห์ ผลตรวจปัสสาวะก็เป็นบวก ผลของทั้งสองตัดสินได้ว่าเธอตั้งครรภ์แล้ว
ฉินยานั่งอยู่บนขอบสระน้ำหน้าโรงพยาบาล ก้มหน้ามองดูผลตรวจอย่างเงียบๆ
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าควรปลอบเธอยังไง ถ้าหากความสัมพันธ์ของเธอกับซูจ้านมั่นคง การมาของเด็กคนนี้ต้องเป็นข่าวดีแน่นอน แต่ว่า ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของฉินยากับซูจ้านไม่ได้ดีขึ้นเลย
“ฉันไม่อยากได้” ตั้งแต่ตรวจเสร็จ ฉินยาก็ไม่พูดอะไรเลย
เปิดปากพูดกะทันหัน คำพูดที่พูดออกมานั้นทำให้หลินซินเหยียนตั้งตัวไม่ทัน
หลินซินเหยียนไม่ได้พูดจาห้ามปราม เพราะว่าเธอรู้ว่าตอนนี้ฉินยาแค่วู่วามเท่านั้น เธอรู้ความรู้สึกของความเป็นแม่ดี
ให้เธอเข้าห้องผ่าตัดจริง เธอต้องรู้สึกเสียดายแน่นอน
ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยความรู้สึก แต่เป็นสัญชาตญาณ
ฉินยารู้สึกแปลกใจที่หลินซินเหยียนไม่ห้ามปรามเธอให้เอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองเธอ “พี่ก็รู้สึกว่าควรเอาออกใช่ไหม?”
หลินซินเหยียนพูดอย่างตั้งใจ “ฉันรู้ เธอไม่ทำหรอก”
ฉินยาอึ้งไปทันที ใช่แล้ว ตอนที่เธอบอกว่าไม่อยากเอา รู้สึกปวดใจ เธอกระวนกระวายในใจ สุดท้ายก็ลังเล
“ข้างนอกหนาวมาก ฉันส่งเธอกลับบ้าน” หลินซินเหยียน พยุงเธอ
ตอนที่ฉินยาลุกขึ้น เธอกอดหลินซินเหยียนไว้ทันที “ดีใจมากที่มีเธอ”
ให้คำแนะนำที่ดีกับเธอตลอด และไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องของเธอจนเกินไป รู้จักความพอดี ทำให้เวลาอยู่กับเธอแล้ว รู้สึกสบายใจ
หลินซินเหยียนส่งเธอกลับที่พัก “ฉันไม่บอกซูจ้านหรอก เธอว่าใจได้ พักผ่อนดีๆ”
ฉินยาพยักหน้า “งั้นฉันเข้าไปก่อนนะ”
หลินซินเหยียนโบกมือ บอกว่าข้างนอกหนาว ให้รีบเข้าห้อง
เห็นฉินยาเข้าไปในตึกแล้ว หลินซินเหยียนถึงขับรถไปบริษัท
เมื่อรถขับเข้าสู่เขตธุรกิจการเงินที่ตึกสูงตระหง่าน แม้แต่คนที่ดินไปมาก็เดินเร็วกว่าคนข้างนอกทั่วไป เหมือนทำงานแข่งกับเวลา เป็นเรื่องปกติของพวกเขา
หลินซินเหยียนขับรถไปจอดในลานจอดรถใต้ดินของบริษัท
ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานอยู่ที่นี่หลายวัน พูดไม่ได้ว่าคุ้นเคยกับเส้นทางที่นี่มากแค่ไหน แต่ก็เคยชินพอสมควร เธอเดินเข้าลิฟต์กดปุ่มชั้นสูงสุด
เมื่อถึงชั้นสิบหก มีคนเข้าลิฟต์ คนคนนั้นกดปุ่มแล้วยืนไปฝั่งหนึ่ง เปิดเอกสารในมือดูเป็นพักๆ เหมือนกับทำการตรวจสอบครั้งสุดท้าย
พอถึงชั้นสูงสุด ประตูลิฟต์เปิดออก ตอนนี้ผู้ชายที่เข้ามาถึงสังเกตเห็นว่าหลินซินเหยียนก็มาชั้นนี้ “คุณอยู่แผนกไหนเหรอ?”
ไม่ว่าแผนกไหน อยู่บริษัทเดียวกัน ก็ต้องเจอหน้ากัน แต่ว่าหลินซินเหยียนค่อนข้างแปลกหน้า
เวลาเดียวกันกวนจิ้งเดินมาพอดี หลินซินเหยียนยิ้ม “ฉันหาเขา”
ผู้ชายเข้าใจ “ที่แท้ก็มาหาผู้ช่วยกวน”
กวนจิ้งเห็นเธอ ก็รีบเดินเข้าไป
หลินซินเหยียนทักทายเขาก่อน “ไม่เจอกันนาน”
กวนจิ้นยิ้มอย่างเกรงใจ “ไม่ได้ติดใจใช่ไหม?”
เขาหมายถึงเรื่องที่ไปสืบเธอที่ประเทศA
หลินซีเหยียนแกล้างทำท่าทางครุ่นคิด ทำให้กวนจิ้งกังวลขึ้นมา
“คุณ คุณก็รู้ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ผมตัดสินใจเองได้ ผมแค่ ทำตามคำสั่ง”
เขาพูดคำว่า ทำตามคำสั่ง อย่างเสียงดังฟังชัด เหมือนเตือนเธอว่า โทษเขาไม่ได้ จะโทษก็ต้องโทษคนสั่ง
ผู้ชายเป็นหัวหน้าแผนก เอาเอกสารมาให้จงจิ่งห้าวเซ็น เดินผ่านหน้ากวงจิ้งก็พูดล้อว่า “แฟนคุณเหรอ?”
กวนจิ้งอยู่ในบริษัท ตำแหน่งสูงมาก ครั้งแรกที่เห็นเขาแสดงท่าทางหวาดกลัวต่อหน้าผู้หญิง
ดูท่าทางขี้ขลาดของเขา
กวนจิ้งหน้าเคร่งเครียด เขายังอยากมีชีวิตต่ออีกหลายปี อย่าหาเรื่องให้เขา เขากำลังจะอธิบาย แต่ผู้ชายเดินไปถึงหน้าออฟฟิศเคาะประตูแล้ว
มีเสียงต่ำดังมาจากข้างใน “เข้ามา”
ผู้ชายผลักประตูเดินเข้าไป ยื่นเอกสารไป “นี่คือโปรแกรมใหม่ครับ”
บริษัทกำลังรับซื้อบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน แต่ว่าทายาทผู้สืบทอดไม่เอาไหน ยอดขายตกต่ำลงทุกปี จงจิ่งห้าวกำลังจะขยายธุรกิจในตลาดจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะฉะนั้นจึงจับตามองบริษัทนี้
โปรแกรมงานครั้งที่แล้วไม่ผ่าน ครั้งนี้จึงทำใหม่
ประตูออฟฟิศไม่ได้ปิด ระหว่างที่ผู้ชายรอจงจิ่งห้าวดูโปรแกรมที่เขาทำ ก็มองไปข้างนอก พบว่ากวนจิ่งยังคุยกับผู้หญิงคนนั้นอยู่
หลินซินเหยียนรู้ว่าจงจิ่งห้าวกำลังทำงาน ก็เลยไม่ได้เข้าไป
จงจิ่งห้าวดูรายงานโปรแกรมใหม่ครั้งนี้ ยังถือว่าพอใจ เซ็นชื่อเสร็จก็ปิดแฟ้มเอกสาร เงยหน้าขึ้น ก็เห็นเขากำลังมองหน้านอกอยู่
เขามองไปข้างนอก ก็เห็นหลินซินเหยียน เขาเม้มปากแน่น มาแล้วทำไมไม่เข้ามา?
เขาโยนแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะ เสียงดังปัง ผู้ชายรู้ตัวรีบเดินไปเอา ก็พูดขึ้นว่า “แฟนของผู้ช่วยกวนสวยเหมือนกันนะครับ”
จงจิ่งห้าวหรี่ตา แฟนของกวนจิ้ง?
ผู้ชายคิดว่าจงจิ่งห้าวสนใจ ก็ชี้ไปที่หลินซินเหยียน “ก็คือเธอ เมื่อกี้นั่งลิฟต์ขึ้นมาพร้อมผม บอกว่ามาหากวนจิ้ง ก็ยืนคุยกับตลอด”
จงจิ่งห้าวนั่งพิงหลังลงไป ปลดกระดุมแขนเสื้อ สีหน้าเคร่งขรึม ขยับริมฝีปาก “เรียกเขาเข้ามา”
ผู้ชายรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านหนาวเหน็บขึ้นมาทันที เขาเดินไปที่หน้าประตูเพื่อเรียกกวนจิ้ง “ประธานจงเรียกคุณ”
กวนจิ้งมองหลินซินเหยียน “เข้าไปพร้อมกัน?”
หลินซินเหยียนเห็นผู้ชายถือแฟ้มเอกสารออกมาแล้ว คิดว่าจงจิ่งห้าวคงยุ่งเสร็จแล้ว ก็เลยพยักหน้า
กวนจิ้งกับหลินซินเหยียนเข้าไป ผู้ชายไม่ได้สนใจอยากจะซุบซิบ เมื่อกี้เพียงแค่ปากเร็วไปหน่อย
“ประธานจงผมไปทำงานก่อนนะครับ” ผู้ชายพูด
“เดี๋ยวก่อน” จงจิ่งห้าวยืนขึ้น บนตัวเขาใส่แค่เสื้อเชิ้ต แขนเสื้อพับขึ้น มองเห็นแขนอันบึกบึนของเขา เขาดึงคอเสื้อ “พูดคำพูดที่คุณพูดเมื่อกี้อีกรอบ ให้พวกเขาฟัง”