บนตัวเขามีแค่ผ้าขนหนูตัวเดียว เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อบึกบึน หยดน้ำเม็ดโตๆอยู่บนกล้ามเนื้อเขา ไหลผ่านกล้ามท้องอันเซ็กซี่ของเขา ไหลลงไปในที่…….
สภาพแบบนี้ของเขา คู่กับใบหน้าอันเย็นชาหล่อเหลาของเขา แปร่งประกายฮอร์โมนทั้งเนื้อทั้งตัว
หลินซินเหยียนกลืนน้ำลายลงไปโดยอัตโนมัติ เธอหันหน้าไปด้านหนึ่ง “รถชนเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า?”
เธออยากรู้ว่าเหวินชิงสังเกตอะไรได้บ้างหรือเปล่า
ถ้าหากไป๋ยิ่นหนิงทำได้รอบคอบพอ ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะไม่พูดเรื่องที่ไป๋ยิ่นหนิงมาเมืองB ถ้าหากเฉิงยู่ซิ่วโน้มน้าวไป๋ยิ่นหนิงได้จริง ปล่อยวางความแค้นในอดีตได้ ออกไปจากเมืองB ถ้าเช่นนั้น เรื่องนี้ก็ถือสักว่าไม่เคยเกิดขึ้น
จะไม่มีผลกระทบต่อใครทั้งนั้น
จงจิ่งห้าวหรี่ตาลงเล็กน้อย “ไม่ใช่”
“มีคนทำ?” หลินซินเหยียนพูดเสียงสูงขึ้น จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองดูตื่นเต้นเกินไป เธอจึงใช้รอยยิ้มเพื่อบดบัง “ฉันแค่เป็นห่วง”
จงจิ่งห้าวเงียบไม่พูดอะไร มองเธอนิ่งเฉย
หลินซินเหยียนไม่กล้ามองเขา ก้มหน้าพูด “ฉันไปอาบน้ำ”
เธอเพิ่งขยับก็ถูกจงจิ่งห้าวดึงมือไว้ เขาใช้นำเสียงออกคำสั่ง “มองผม”
หลินซินเหยียนยังคงก้มหน้า พยายามผลักเขาออก “คุณจับมือฉันเจ็บแล้ว”
“มองผม” น้ำเสียงไม่สูงไม่ต่ำ พอเพียงที่จะกดดันเธอ
หลินซินเหยียนลังเลไปนิดหนึ่ง แล้วค่อยๆเงยหน้า หัวใจเหมือนถูกแขวนไว้ที่สุด มีด้ายบางๆแค่เส้นเดียว แกว่งไปมา จะร่วงลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ ที่วินาทีที่ต้องสบตากับเขามันทรมานมาก
แววตาของเขายิ่มอยู่ยิ่งคม น้ำเสียงยิ่งอยู่ยิ่งต่ำ “คุณตื่นเต้นอะไร?”
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้น” หลินซินเหยียนพยายามควบคุมตัวเอง
“ดูเหมือนคุณสนใจเรื่องรถชนครั้งนี้ ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือคนทำ หรือว่า คุณรู้ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ?”
“ฉันเปล่า ฉันไม่รู้”
มีแววแห่งความผิดหวังในสายตาเขา ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลินซินเหยียนไม่ได้เห็น
“ผมไม่รู้ว่าคุณปิดปังผมมากมายแค่ไหน ความหมายอย่างหนึ่งในการปิดปังคือความไม่เชื่อถือ”
เขาปล่อยมือเธอ เขาหวังว่าหลินซินเหยียนจะพูดกับเขาเอง
แต่ไม่ใช่เขาบีบให้เธอพูด
หลินซินเหยียนเรียกเขาไว้ ในตอนที่จงจิ่งห้าวหมุนตัว “วันนี้ฉัน……ไปพบไป๋ยิ่นหนิง”
จงจิ่งห้าวหมุนตัว หรี่ตาเล็กน้อย ไม่นานเขาก็จับใจความสำคัญของเรื่องได้ ก่อนหน้านี้ไป๋ยิ่นหนิงเคยพูดว่า เขาจะไปสืบให้ชัดเจน ว่าใครเป็นคนขังตัวไป๋หงเฟย และเขาจะแก้แค้น
เขามาถึงเมืองB เหวินชิงก็เกิดอุบัติเหตุ
นั่นก็หมายความว่า เขาสืบได้เรื่องแล้ว ในอดีตเหวินชิงเป็นคนขังไป๋หงเฟย เพราะฉะนั้นเขาถึงมาเมืองB วางแผนอุบัติเหตุรถชนในครั้งนี้
หลินซินเหยียนกอดเขาไว้ ใบหน้าแนบอยู่ที่หน้าอกเขา “เห็นแก่ที่คุณลุงไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ไปติดใจเอาเรื่อง ให้เวลาฉันหน่อย ฉันเกลี้ยกล่อมเขาให้กลับไป”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบที่หลินซินเหยียนขอร้องแทนผู้ชายคนนั้น
“พวกคุณพบหน้ากับเมื่อไหร่?” ใบหน้าของเขาเกร็งแน่น ดึงแม้กระทั่งคอ
“ตอนที่คุณไปโรงพยาบาล” หลินซินเหยียนพูดความจริง ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวไม่ค่อยมั่นคง เธอไม่อยากให้มีสิ่งกีดขวางระหว่างพวกเขาเพราะเรื่องนี้
จงจิ่งห้าวย้อนคิดสถานการณ์ตอนนั้น เธอว่าจะกลับเอง ไม่ได้เป็นเพราะให้เขารีบไปโรงพยาบาล แต่เป็นเพราะเธอจะไปพบไป๋ยิ่นหนิง
“พวกคุณเจอกันที่ไหน?”
“โรงแรม”
“พูดอะไรบ้าง?”
หลินซินเหยียนเงยหน้า เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ก็บอกว่าเขาสอบได้แล้ว ว่าใครเป็นคนทำร้ายพ่อบุญธรรมเขา เขามาเมืองBเพื่อแก้แค้น”
หลินซินเหยียนปล่อยตัวเขา เธอรู้สึกว่าจงจิ่งห้าวบีบถามเธอแบบนี้ก็คือไม่เชื่อใจเธอ
เธอลดสายตาลง กะพริบตา “คุณไม่เชื่อใจฉันใช่ไหม?”
จงจิ่งห้าวดึงเธอเข้าอ้อมกอดอีกครั้ง จับคางของเธอไว้ “ผมไม่ได้ไม่เชื่อใจคุณ ไม่แค่ไม่ชอบที่เขามายุ่งกับคุณ ไม่ชอบที่คุณไปเจอเขา”
เขาก้มตัวลง แนบริมฝีปากไว้บนปากของเธอ ไม่เหลือช่องว่าง กัดริมฝีปากของเธอไว้แล้วพูดว่า “จากนี้ไป ห้ามไปเจอเขาอีก”
“แต่……ว่า……”
เธอกำลังจะพูด แต่เขากลับกดทับลงไปอย่างแรง เจ็บจนเธอขมวดคิ้ว
เขากดร่างลงไปบนเตียง
หลินซินเหยียนขัดขืนเบาๆ “ฉันยังไม่ได้อาบน้ำ…….”
“ผมไม่รังเกียจคุณ”
……
ตอนที่หลินซินเหยียนตื่นมา ในห้องยังมืดอยู่ แต่ข้างกายเขาไม่มีคนแล้ว เธอหยิบมือถือบนโต๊ะมา กดดูหน้าจอ เป็นเวลา11.25 เธอรีบลุกจากเตียง เที่ยงแล้วเหรอ?
อาจเป็นเพราะว่าเธอลุกขึ้นเร็วไปหน่อย รู้สึกปวดไปทั้งร่าง โดยเฉพาะเอวลงไป
เมื่อคืน เขาตั้งใจชัดๆ
หลินซินเหยียนลุกจากเตียงไปใส่เสื้อผ่า ดึงผ้าม่านกันแสงที่ค่อนข้างหนาออก แดดส่องเข้ามา อากาศวันนี้ดีมาก แสงแดดเจิดจ้า วินาทีนี้รู้สึกเหมือนมีความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิแล้ว
หลินซินเหยียนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จลงไปชั้นล่าง ในบ้านไม่มีคน ลูกทั้งสองไปโรงเรียนแล้ว จงฉีเฟิงไปหาเพื่อน เฉิงยู่ซิ่วไปโรงแรม
ตอนที่ไป๋ยิ่นหนิงเจอเฉิงยู่ซิ่ว ตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาหาเขาเอง
พอดี เขาก็อยากหาโอกาสคุยกับเฉิงยู่ซิ่ว
“ขอโทษที่มารบกวน”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ผมนับคุณเป็นคนในครอบครัว ไม่ต้องเกรงใจ เข้ามาคุย”
เฉิงยู่ซิ่วถือกระเป๋าเดินเข้ามา
ไป๋ยิ่นหนิงให้เกาหยวนยืนเฝ้าหน้าประตู “ห้ามให้ใครมารบกวน”
เกาหยวนก้มหน้าบอกเข้าใจ
ไป๋ยิ่นหนิงหมุนรถเข็นเข้าห้อง ปิดประตู “เชิญนั่ง”
เฉิงยู่ซิ่วนั่งลงบนโซฟา “ฉันก็ไม่พูดอ้อมค้อมแล้วนะ เข้าเรื่องเลย ฉันไม่อยากให้คุณไปแก้แค้นเหวินชิง เพราะเรื่องในอดีต”
เรื่องนี้ทำให้ไป๋ยิ่นหนิงรู้สึกแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่า เฉิงยู่ซิ่วไม่อยากให้เขาไปแก้แค้น
เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ
“ตอนนั้นเขากักขังคุณ กักขังพ่อบุญธรรมผม คุณเป็นคนสำคัญสำหรับพ่อบุญธรรมผม แน่นอน ผมเคารพคุณมาก แต่ว่าผมยอมรับคำพูดของคุณไม่ได้ ไม่ว่ายังไง คุณกับพ่อบุญธรรมผมเคยรักกัน เขาถูกตัดนิ้ว ผมคิดว่าคุณรู้ดี ตอนนี้ผมจะแก้แค้นกับเขา คุณไม่สนับสนุนไม่ว่า ยังห้ามผม ผมไม่เข้าจริงๆ”
เฉิงยู่ซิ่วกำมือไว้แน่น เล็บมือจิกเนื้อจนเป็นรอยแดง เธอไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
เธอไม่มีวันลืม ภาพที่เหวินชิงบังคับให้เธอโทรหาจงจิ่งเฟิง ไป๋หงเฟยถูกชายฉกรรจ์สองคนกดตัวไว้บนโต๊ะ เธอไม่โทร เขาก็ตัดนิ้วของไป๋หงเฟย ข่มขู่เธอ บังคับเธอ
สุดท้ายเธอไม่มีทางเลือก จึงต้องทำตามที่เขาพูด
“คุณเคยใส่ใจพ่อบุญธรรมของผมไหม?” ความจริงไป๋ยิ่นหนิงอยากถาม คุณเคยรักไป๋หงเฟยไหม?
แต่คิดถึงไป๋หงเฟยก็ตายไปหลายปีแล้ว เฉิงยู่ซิ่วก็อายุไม่น้อยแล้ว จึงไม่ได้ถาม
“เพราะว่าฉันใส่ใจเขา วันนี้ฉันถึงได้มาหาคุณ ฉันคิดว่า ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อยากให้คุณเอาตัวเองไปอยู่ในอันตราย ปล่อยวางเถอะ”