” อะไรนะ ” สติของหลินซินเหยียนหลุดลอยไป พวกเธอเพิ่งเจอหน้ากันไม่นานมานี้เอง ทำไมจู่ๆ ถึงเข้าโรงพยาบาลได้ล่ะ
” เกิดอะไรขึ้น “หลินซินเหยียนถามอย่างรีบร้อน
จงจิ่งห้าวพูด ” ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเหมือนจะอยู่ที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลประชาชนที่สอง “
หลินซินเหยียนจึงรีบสตาร์ทรถขับออกไป
จงจิ่งห้าวขยับตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอามือวางลงบนขาของเธอ หลินซินเหยียนสวมเสื้อกันหนาวสีดำ กางเกงยีนและเสื้อคลุมสีกากีด้านนอก มือของเขาทำให้ รู้ถึงความรู้สึกร้อนแผดเผา ที่ดูเหมือนกำลังลูบไล้อยู่บนต้นขาของเธอ ” ไม่ต้องรีบร้อนหรอก “
หลินซินเหยียนลดสายตามองมือของเขา ” เธอท้องอยู่การเข้าโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนักหรอกนะ “
จู่ๆ มือของเขาก็กุมไว้ที่ขาของเธอ หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแล้วพูดเตือนอย่างชัดถ้อยชัดคำ ” ฉันกำลังขับรถอยู่ “
จงจิ่งห้าวมองเธออย่างจริงจัง ” ผมอยากมีลูกสาวสักคนจัง “
หลินซินเหยียนเม้มปาก เธอกับจงจิ่งห้าวตอนอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ป้องกันอะไร แต่ก็ไม่ได้ท้อง
ตอนที่คลอดหลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซี หมอบอกว่า ร่างกายของเธอบอบช้ำเกินกว่าจะตั้งครรภ์ครั้งต่อไปได้
ณ เวลานั้น เธอคิดว่าแค่มีลูกๆ ทั้งแล้วไม่สามารถจะตั้งครรภ์ได้อีก ก็คงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้…
” ถ้ามีเวลา ก็เปลี่ยนนามสกุลพวกเด็กๆ เถอะ ” หลินซินเหยียนก็พูดอย่างจริงจังเช่นกัน
ถ้าเธออยู่กับจงจิ่งห้าว แล้วหลังจากนี้ไม่ได้มีลูก เด็กทั้งสองคนนี้ก็ต้องใช้นามสกุลจงอยู่ดี
ถ้าไม่ยังงั้นจงจิ่งห้าวคงจะต้อง’ไร้ลูกหลานสืบสกุล’น่ะสิ
มือของจงจิ่งห้าวที่กำลังจับขาของเธอไว้ ก็ค่อยๆ ผ่อนแรงลงเป็นลูบเบาๆ แทน เขาจำได้ว่าหลินซินเหยียนเคยพูดว่าเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก เขาคิดว่าเธอคงพูดเล่นๆ
แต่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่ พวกเขาอยู่ด้วยกันมาไม่เคยมีสักครั้งที่จะป้องกัน แต่เธอก็ไม่ท้อง
ต้องเข้าใจว่าตอนที่มีหลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซี แค่ครั้งเดียวก็ติดแล้ว พูดง่ายๆ ว่า เธอมีร่างกายจำพวกตั้งครรภ์ได้ง่าย แต่ครั้งนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันมาก็เป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้ว
” ฉันไม่อยากมีคลอดลูกอีกแล้ว ” หลินซินเหยียนกลัวจริงๆ ช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดตอนนี้เธอยังจำมันได้ไม่ลืม
แค่คิดถึงมันขึ้นมา ในใจเธอก็เกิดความหวาดผวาอย่างเสียไม่ได้
แต่หากร่างกายของเธอยินยอมละก็ ความรักและความสำคัญของเธอกับจงจิ่งห้าวไปได้สวย เธอก็ยินยอมที่จะเจ็บปวดอีกครั้ง
ไม่ตอนนี้แค่คิด เธอยังไม่กล้าเลย สู้เธอบอกเขาไปอย่างชัดเจนดีกว่า เพื่อไม่ให้คิดไปเองหรือคาดหวัง
ถ้าคนเราไม่คาดหวัง แน่นอนว่าจะไม่มีวันผิดหวัง
รถจอดอยู่ทางเข้าโรงพยาบาล ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบไม่พูดถึงหัวข้อสนทนาที่เกริ่นขึ้นเมื่อกี้ บรรยากาศมีความอึดอัดเล็กน้อย
จงจิ่งห้าวเดินลงจากรถท่ามกลางความเงียบ หลินซินเหยียนเดินเข้ามา เพื่อทำลายความรู้สึกอึดอัดนี้ เธอเลยจงใจถามขึ้นมาว่า ” ซูจ้านเป็นคนโทรหาคุณเหรอ “
จงจิ่งห้าวตอบรับแบบเนือยๆ
หลินซินเหยียนคิดในใจ หรือว่าซูจ้านจะรู้ว่าฉินยาท้อง สองคนนี้และเกิดความขัดแย้งกัน สุดท้ายเลยทำให้ฉินยาต้องเข้าโรงพยาบาล
แต่ถ้าพูดในหลักความเป็นจริง ถ้าซูจ้านรู้ว่าฉินยาท้อง ก็ต้องไม่เกิดความขัดแย้งสิถึงจะถูก
เธอค่อนข้างเป็นห่วงฉินยาเลยรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว จงจิ่งห้าวโอบไหล่ของเธอไว้ เขาไม่ได้เอ่ยคำใดเพียงแค่โอบเธอไว้เช่นนั้น
จิตใจของหลินซินเหยียนที่กำลังกระวนกระวายอยู่เมื่อครู่ ก็ค่อยๆ คลายลง ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาถึงหน้าห้องผ่าตัด
ซูจ้านที่ยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาจากที่เปียกชุ่ม เมื่ออยู่ในโรงพยาบาลมาสักพักใหญ่ เสื้อผ้าของเขาก็ถูกแอร์เป่าจนแห้งไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เขากระสับกระส่ายเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด เมื่อเห็นหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวเดินมา เขาก็ชะงักฝีเท้าลง
” พี่สะใภ้…. “
” เกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆทำไมถึงเข้าโรงพยาบาล ” หลินซินเหยียนถาม
ซูจ้านก็เอาแต่โทษตัวเอง ” เป็นความผิดของผมทั้งหมด “
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไปพัวพันกับหลิวเฟยเฟย คงไม่ต้องดึงเธอเข้ามาเป็นแบบนี้ แล้วก็คงไม่……
” ฉันต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! ” นำเสียงของหลินซินเหยียนหนักแน่นขึ้น
” หลิวเฟยเฟยจับตัวเธอไป เธอถูกระเบิดจนบาดเจ็บ…” ซูจ้านอธิบายออกมาสั้นๆ หลินซินเหยียนช็อกกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบไม่อยากจะเชื่อ โดนระเบิดจนได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ
สองขาของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน เธอแทบจะล้มลงไป แต่โชคดีที่มีจงจิ่งห้าวอยู่ใกล้ๆ เขาเลยประคองเธอไว้ได้ทัน
น้ำเสียงของหลินซินเหยียนสั่นเครือ” ซูจ้านคุณไม่รู้เหรอ ว่าเธอกำลังท้อง “
เปรี้ยง!
เหมือนมีฟ้าผ่าลงมาตรงกลางศีรษะของเขา ฉินยาท้องเหรอ
แสดงว่าเลือดบนตัวของเธอ……
หัวใจของเขา รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนควักออกมาแล้วเลือดก็ไหลทะลักลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง
เจ็บ มันเจ็บเหลือเกิน
” คุณรู้ใช่ไหม ” หลินซินเหยียนเดินเข้ามาช้าๆ ซูจ้านเสียงแหบจนแทบจะฟังไม่เป็นภาษา ” ผมไม่….. รู้….. “
เพี้ยะ!
หลินซินเหยียนโกรธจัด เลยปะทะฝ่ามือลงไปบนหน้าเขาอย่างแรง ” ฉินยาเธอไม่คู่ควรที่จะตบคุณด้วยซ้ำ วันนี้ฉันตบคุณแทนเธอเอง! “
นี่มันไม่ใช่ความเยิ่นเย้อของซูจ้าน แต่เรื่องนี้ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นได้
ซูจ้านไม่คิดจะโต้แย้งอะไร เขาเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนั้น ” เป็นความผิดของผมเอง ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม! “
เขาทั้งเกลียดและโกรธ เสียใจและเคียดแค้น เอาแต่โทษตัวเอง สุดท้ายก็จะมีเพียงแค่ความปวดใจเท่านั้น ในเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวาน เธอกลับคิดแทนเขา ผลักเขาลงน้ำ แต่เขาล่ะ
ได้ทำอะไรบ้างไหม
เขาก็จะนึกออกตั้งนานแล้ว ครั้งนั้นที่โรงพยาบาล เขาควรจะนึกได้สิ!
” ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย ” ซูจ้านทรุดตัวลงกับพื้นราวกับเป็นอัมพาต ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ำตา เอาแต่พร่ำร้องราวกับเป็นคนบ้าเสียสติที่อยู่ริมถนนก็ไม่ปาน
เขาจับหัวตัวเองไว้ยังหมดอาลัยตายอยาก
หลินซินเหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้พูดปลอบอะไร ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวของเขาเองทั้งหมด โทษใครก็คงไม่ได้
ผ่านไปสองชั่วโมง ในที่สุดประตูของห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออก ซูจ้านที่ได้ยินเสียง ก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังหมอ เขากระชากตัวหมอทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะได้ถอดหน้ากากออกเลยด้วยซ้ำ ” เธอเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ “
มือของจงจิ่งห้าววางลงไปบนไหล่ของเขา ” ใจเย็นๆ ก่อน นายจับหมอไว้แบบนั้น หมอจะพูดยังไง”
ซูจ้านรู้ แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาทั้งกลัว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินยา
หลินซินเหยียนเดินตามเข้าไป ก่อนจะขอโทษคุณหมอ ” ขอโทษด้วยนะคะ เขาตื่นเต้นไปหน่อย…”
“โธ่… ” คุณหมอบอกมือปัด ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า ” ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ ครอบครัวของผู้ป่วยทำแบบนี้ไม่ปกติอยู่แล้วครับ “
หลินซินเหยียนกำมือไว้แน่น ” เธอไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ลูก… “
ซูจ้านที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกับร่างกายสั่นระรัว
หมอหายใจออกมา พูดด้วยท่าทีที่เสียใจ” เด็กที่ส่งมาที่นี่เขาเสียไปตั้งนานแล้วครับ คนไข้อาการบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง อีกอย่างใบหน้าซีกขวาถูกเผาไหม้จนเสียหายค่อนข้างมาก ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมครับ แต่ว่าตอนนี้เทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมค่อนข้างก้าวหน้ามาก พวกคุณก็อย่าเสียใจไปเลย โชคยังดีที่คนยังมีชีวิตอยู่ “
เมื่อได้ฟังหลินซินเหยียนเริ่มรู้สึกเคืองตา เหมือนกำลังจะร้องไห้ ทำไมมันถึงได้สาหัสขนาดนี้
” ตอนนี้ฉันเข้าไปดูเธอได้ไหมคะ ” เสียงของหลินซินเหยียนแหบพร่า
หมอส่ายหน้า ” คนไข้ถูกนำไปไว้ที่ห้องไอซียูครับ ถึงแม้การผ่าตัดจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่อาการเจ็บกับแผลของเธอค่อนข้างรุนแรง อะไรก็เกิดขึ้นได้ หลังผ่าตัดอาจจะเกิดการติดเชื้อ ผมแนะนำว่าให้ผ่านไปยี่สิบสี่ชั่วโมง เมื่อเข้าห้องผู้ป่วยทั่วไปแล้วพวกคุณค่อยมาเยี่ยมดีกว่าครับ “
” ผมไม่เข้าไป แต่ขอดูจากข้างนอกได้ไหมครับ” ตาของซูจ้านแดงก่ำ
หมอที่เห็นหน้าของเขาแล้ว ก็สัมผัสได้ว่าเขาเจ็บปวดแค่ไหน หมอจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต” คงต้องการปล่อยตัวไว้ ดูผ่านตรงนั้นก็พอแล้วครับ “
ฉินยาถูกส่งไปยังห้องไอซียู เมื่อจัดแจงเสร็จแล้วพยาบาลจะพาพวกเขาไปดู
” เข้าไปได้แค่สองคนนะคะ ” พยาบาลแจ้ง
จงจิ่งห้าวไม่ได้อยากจะเข้าไปแล้ว เขาแค่มาเป็นเพื่อนหลินซินเหยียนเฉยๆ กลัวว่าเธอจะเสียใจเกินกว่าจะรับไหว
หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาเป็นห่วง เลยส่ายหัวบอกเขาไป” ฉันไม่เป็นไรหรอก “
จากนั้นซูจ้านกับหลินซินเหยียนก็เดินเข้าไป