” แทนที่จะทำตัวหมดสภาพอยู่แบบนี้ สู้ไม่คิดว่าจะชดเชยสิ่งที่เสียหายไปยังไงไม่ดีกว่าเหรอ ” หลินซินเหยียนจงใจพูดอย่างนั้น เพราะไม่อยากให้เขาบั่นทอนตัวเองแบบนี้ เสียใจถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี
โลกนี้ไม่มียาที่สามารถแก้ไขในสิ่งที่เสียใจไปแล้วได้หรอกนะ
ซูจ้านเหนื่อยน่ะขึ้นมามองหลินซินเหยียน ” ตอนนี้ผมต้องทำยังไงครับ “
ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไร ในหัวเห็นเป็นเพียงภาพที่ใบหน้าของฉินยาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
เขาหลุดพ้นจากมันไม่ได้เลย
” คุณกลับไปจัดการทำตัวเองให้สะอาดสะอ้านก่อนเถอะ ฉินยาที่อยู่ที่นี่เดี๋ยวฉันดูเอง ” หลินซินเหยียนพูด
ซูจ้านยังคงลังเล ” ถ้าเธอยอมเจอผมขึ้นมา แล้วผมไม่อยู่จะทำยังไง “
” คุณคิดว่าเธออยากจะเจอคุณไหมล่ะ ” ถ้าหน้าไม่เสียโฉม บางทีฉินยาอาจจะอยากเจอเขาก็ได้ แต่ตอนนี้ ฉินยาคงไม่อยากเจออย่างแน่นอน
ถ้าเกิดเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง เธอก็คงไม่อยากให้จงจิ่งห้าวเห็นสภาพของเธอเหมือนกัน
สภาพจิตใจก็คงไม่แตกต่างกัน
” การที่คุณทำแบบนี้ไม่ใช่การชดใช้ความผิดที่ตัวเองก่อ คุณก็ลองคิดแล้วกัน คุณคิดว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้ สมควรจะได้รับการให้อภัยไหม “
ซูจ้านจับแขนเสื้อของหลินซินเหยียนด้วยท่าทีจนปัญญา ” ถ้างั้นผมควรทำยังไง ต้องทำแบบไหนเธอถึงจะยอมให้อภัยผม “
” ให้อภัยงั้นเหรอ ” หลินซินเหยียนพูดเย้ยหยัน ” ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไงล่ะ “
ซูจ้านชะงักเหมือนมีคำพูดจุกอยู่ในคอ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่ให้อภัยหรอก
หลินซินเหยียนไม่อยากทำให้เขารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ เธอเลยพูดว่า ” คุณกลับไปก่อนเถอะ ส่วนเรื่องฉินยาฉันจะช่วยพูดอีกแรง “
ซูจ้านรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหลินซินเหยียนกับฉินยาดี ว่าเธอยอมพูดให้เขาอย่างแน่นอน หวังว่ามันจะได้ผล เขาพูดออกมาอย่างใจจริงว่า ” ขอบคุณนะครับพี่สะใภ้ “
หลินซินเหยียนไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะว่าจิตใจของเธอเอียงเอนไปทางฉินยา ถ้าหากฉินยาเลือกที่จะไม่ให้อภัย เธอก็จะไม่แย้งอะไร
เมื่อผละจากซูจ้านได้แล้ว หลินซินเหยียนก็เดินไปสอบถามพยาบาลเพื่อเข้าไปเจอฉินยา พยาบาลก็ไปถามฉินยาก่อน ว่าต้องการเจอเธอหรือไม่ เพราะคนไข้ที่เสียโฉมอารมณ์จะถูกกระตุ้นจากโลกภายนอกได้ง่าย ดังนั้นพยาบาลต้องถามคนไข้ก่อนว่ายินยอมที่จะให้เข้าพบหรือไม่
ถ้ายอมให้เข้าพบ พวกเธอจะได้เตรียมการอีกที
หลินซินเหยียนรออย่างอดทน ไม่นานพยาบาลก็เดินออกมาจากข้างใน ” คุณเข้าไปได้ค่ะ แต่ว่าอย่าพูดอะไรกับเธอเยอะนะคะ พยายามไม่ให้เกิน 10 นาทีนะคะ เพราะร่างกายของเธอค่อนข้างอ่อนแอมาก “
หลินซินเหยียนพยักหน้ารับ ” ทราบแล้วค่ะ “
พยาบาลจึงพาหลินซินเหยียนไปยังห้องล็อกเกอร์ ก่อนจะยื่นชุดป้องกันเชื้อให้เธอ ” เมื่อเข้าห้องไอซียูจำเป็นต้องใส่ชุดนี้ค่ะ “
พยาบาลอธิบาย
หลินซินเหยียนรับชุดมา
ได้หลายคนที่ใส่ชุดนี้ครั้งแรก ก็ไม่รู้ว่าควรจะใส่อย่างไร พยาบาลก็จะเป็นคนช่วยใส่ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากพยาบาล ไม่นานหลินซินเหยียนก็สามารถใส่ชุดป้องกันเชื้อได้สำเร็จ
ร่างกายของหลินซินเหยียนถูกคลุมด้วยชุดอย่างนั้นแน่น ชุดป้องกันเชื้อมีขึ้นมาก็เพื่อไม่ให้เชื้อโรคถูกแพร่เข้าไปในห้องไอซียู
” ตามดิฉันเข้ามาค่ะ ” พยาบาลพูด
หลินซินเหยียนเดินตามพยาบาลเข้าไปในห้องไอซียู ในห้องนั้นนอกจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาที่เป็นเสียงติ๊ดติ๊ดดังไปทั่ว ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ทำให้คนที่ฟังรู้สึกถึงความไร้ชีวิตชีวาและเยือกเย็น
” ห้ามคุยกันนานเกินไปนะคะ “เมื่อเข้ามาในห้องไอซียูแล้ว พยาบาลก็พูดเตือนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องไป
หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าประตู ก้าวขาไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นัก ความไม่สบายใจก่อตัวขึ้นเล็กน้อย เพราะเธอไม่รู้ว่าจะปลอบฉินยาอย่างไร
ถ้าเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง เธอคงจะโศกเศร้าถึงขีดสุดอย่างแน่นอน
” พี่หลิน ทำไมไม่เข้ามาล่ะคะ ” น้ำเสียงของฉินยาฟังดูอ่อนแรง หญิงสาวมองไม่เห็นหลินซินเหยียนที่ยืนอยู่ตรงประตู แต่ก่อนหน้านี้พยาบาลได้มาถามเธอแล้ว คนที่จะมาเยี่ยมเธอนอกจากซูจ้านก็มีแค่หลินซินเหยียนนี่แหละ
หลินซินเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะย่างขาเข้ามา เธอยิ้ม ก่อนจะทำท่าทีเป็นผ่อนคลาย ” เธอฟื้นแล้วเหรอ “
ฉินยาตอบรับเบาๆ
หลินซินเหยียนอยากจะกุมมือเธอไว้ แต่มือทั้งสองข้างของเธอกลับถูกน้ำเกลือเจาะไว้อยู่ เธอไม่สามารถทำมันได้
” ฉันอยากไปจากที่นี่ ” ฉินยาพูดความคิดของตัวเองออกมา
ลูกก็ไม่อยู่แล้ว จิตใจของหญิงสาวเองก็ตายไปพร้อมกัน
เธออยากหนีไปจากที่ที่ทำให้เธอเสียใจเช่นนี้
เธอเข้าใจสภาวะของตัวเองดี เธอทำได้แค่พึ่งพาหลินซินเหยียนเท่านั้น
” ร่างกายของเธอตอนนี้…. ” หลินซินเหยียนยินดีที่จะช่วยเหลือเธอ
แต่สภาพร่างกายของเธอตอนนี้ เกรงว่าจะยังไปจากที่นี่ไม่ได้
ท่าทีของฉินยาดูแน่วแน่ ” ฉันอยู่ที่นี่ มันทำใจให้สงบไม่ได้เลย “
ถ้าเธออยู่ที่นี่ ยังไงเสียซูจ้านก็จะต้องตามมา เธอไม่อยากเจอคนคนนั้นอีกแล้ว
เธออยากจะหนีไปให้ไกล หนีไปจากทุกสิ่ง
” พี่หลิน ช่วยฉันเถอะนะ ฉันไม่มีใครที่สามารถช่วยได้อีกแล้ว ” ฉินยาตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย เธออยากจะยื่นมือไปจับหลินซินเหยียนเอาไว้ หลินซินเหยียนรีบจับแขนของเธอไว้ก่อนจะพูดว่า ” พี่รับปากเธอ แต่ขอเวลาให้พี่ได้วางแผนก่อนนะ “
ฉินยาพยักหน้า ” ขอบคุณนะคะ…. “
” เจ้าเด็กโง่ ระหว่างเรา ยังต้องพูดขอบคุณอีกเหรอ ” จมูกหลินซินเหยียนก็เริ่มรู้สึกแสบขึ้นมา เธอถูกห่อหุ้มไว้แน่นหนาขนาดนี้ ทำให้เห็นแค่ดวงตาเท่านั้น
ฉินยาพยายามทำเป็นสงบใจให้มากที่สุด แต่หลินซินเหยียนรู้ดีว่าความรู้สึกของเธอยังโศกเศร้าอยู่เช่นเดิม
สิ่งที่เธอสามารถทำได้ มีเพียงแค่ทำตามคำขอทั้งหมดของฉินยาเท่านั้น ส่วนซูจ้านก็คงต้องให้เวลาสักพักแล้วล่ะ
ถ้าพวกเขามีวาสนาต่อกัน ถ้าซูจ้านรักฉินยาจริงๆ ก็คงมีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก
แต่หากไม่มี งั้นก็แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน
ชีวิตของคนเรา จะไม่เคยมีคนใครที่เข้ามาแล้วออกไปเลยงั้นหรือ
อยู่ที่ว่าคนที่ผ่านเข้ามานั้นทิ้งร่องรอยไว้ ลึกหรือตื้นก็เท่านั้นเอง
ฉินยารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถรีบเร่งได้ แต่การตัดสินใจที่จะจากไปของเธอนั้นหนักแน่นมาก ” ฉันอยากรีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “
” ฉันขอเวลาสามวันนะ ” ถ้าจะต้องพาเธอไปจากที่นี่ คงต้องวางแผนจัดหาสถานที่รักษาให้กับเธอ แล้วยังต้องจัดแจงโรงพยาบาลที่นี่อีก
การทำเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาพอสมควร
ฉินยาตอบรับ ” ค่ะ “
สิ่งที่เธอต้องมาเชิญภายในสามวันนี้ พอรู้ว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ที่ไหน ยังต้องให้หลินซินเหยียนมาจัดแจงอีก ทำให้เธอซึ้งใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้หลินซินเหยียนให้จงจิ่งห้าวหาแค่แพทย์ศัลยกรรมให้เธอ แต่เหมือนตอนนี้คงจะต้องให้เขาช่วยจัดหาโรงพยาบาลใหม่เสียแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่แค่ศัลยกรรมให้ฉินยา แต่ต้องจัดเตรียมอำนวยความสะดวกในการพักฟื้นให้กับเธอด้วย
” หมอบอกว่าร่างกายเธออ่อนแอมาก อย่าคุยกันเยอะเลย เธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปจัดการให้ มีฉันอยู่ตรงนี้ เธอวางใจได้ ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากให้ซูจ้านรู้เรื่องนี้ใช่ไหม ฉันจะไม่บอกเขาหรอก เธอพักผ่อนอย่างสบายใจเถอะ ถ้าฉันจัดการเสร็จแล้ว ฉันจะมารับเธอ “
ฉินยาตอบรับสั้นๆ ด้วยเสียงต่ำ
” ทุกอย่างจะดีขึ้นแน่นอน ” หลินซินเหยียนพูดปลอบ
ตอนนี้ พยาบาลก็เข้ามาเตือนหลินซินเหยียนว่าหมดเวลาแล้ว หลินซินเหยียนบอกให้เธอวางใจ ” ฉันจะรีบทำทุกอย่างให้เสร็จเท่าที่จะทำได้ รับปากกับฉันนะ ว่าในขณะที่อยู่ที่นี่ อย่าเอาแต่หมกมุ่นคิดอะไรไปเลย ใส่ใจเรื่องการพักฟื้นก็พอ รอฉันมารับเธอนะ “
” ค่ะ “
หลินซินเหยียนออกจากห้องไอซียูไป ก่อนจะถอดชุดป้องกันเชื้อแล้วออกจากโรงพยาบาล เธอยืนอยู่หน้าประตูของโรงพยาบาลเพื่อเรียกรถแล้วไปหาจงจิ่งห้าวที่บริษัท เตรียมที่จะจัดการเรื่องของฉินยา เรื่องนี้เธอยังต้องพึ่งพาจงจิ่งห้าว เพราะตัวเธอเองเส้นสายนั้นมีจำกัด
” ไปไหนครับ ” คนขับรถแท็กซี่ถาม
ขณะที่หลินซินเหยียนกำลังจะพูดออกไป โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเฉิงยู่ซิ่ว เธอพูดกับคนขับรถว่า
” ไปว่านเยว่กรุ๊ปค่ะ ” พูดจบก็กดรับสาย
” ตอนนี้เธอว่างหรือเปล่า ” เสียงของเฉิงยู่ซิ่วแว่วออกมา
หลินซินเหยียนพูด ” ว่างค่ะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ “
” ฉันรอเธอที่ro dessert houseนะ ” เฉิงยู่ซิ่วไม่ได้บอกว่ามีเรื่องอะไร พูดจบก็วางสายไป
หลินซินเหยียนมองโทรศัพท์ ในใจก็คิดว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรเฉิงยู่ซิ่วก็คงไม่เรียกให้เธอไปหาหรอก ดังนั้นเธอจึงบอกกับคนขับรถว่า ” ไม่ไปว่านเยว่กรุ๊ปแล้วค่ะ ไปro dessert houseแทนนะคะ “