แต่ที่บังเอิญคือ ผลเปรียบเทียบDNAของเธอกับเหวินเสียนกลับมีความคล้ายคลึงสูงถึง99.99 ในทางการแพทย์ พวกเธอมีความสัมพันธ์เป็น‘แม่ลูกทางสายเลือด’กัน
ต้องรู้ไว้นะ การเปรียบเทียบนี้อยู่ในสายตาของเหวินชิงกับหลี่จิ้งคือเป็นของจงจิ่งห้าวกับของเหวินเสียน
พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหลินซินเหยียนได้สลับสับเปลี่ยนถ้วยชาม เพราะฉะนั้นพวกเขาคิดแค่ว่าตัวอย่างที่ได้เป็นของจงจิ่งห้าว
ผลลัพธ์นี้ยื่นมาที่มือของเหวินชิง ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าจงจิ่งห้าเป็น‘ลูกชาย’ของเหวินเสียน
สามารถบอกได้ว่าความสงสัยที่มีต่อจงจิ่งห้าวได้ถูกขจัดทิ้งไปหมด
ที่เหลือก็คือหลี่จิ้งเห็นความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อระหว่างหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่ว
เหวินชิงยังคง‘รัก’จงจิ่งห้าวอยู่อีกเช่นเคย แต่ที่เขารับไม่ได้คือภรรยาของจงจิ่งห้าวไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉิงยู่ซิ่ว
พูดง่ายๆก็คือ ตอนนี้เหวินชิงแน่ใจแล้วว่าจงจิ่งห้าวเป็นที่เหวินเสียนให้กำเนิด เพราะจากรวบรวมตัวอย่างDNAของจงจิ่งห้าว จนถึงตรวจสอบทางเคมีล้วนเป็นคนที่เขาเชื่อใจทำ
เพราะฉะนั้นจึงเชื่อใจผลลัพธ์นี้มาก สามารถบอกได้ว่าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
แต่ที่เขาคาดไม่ถึงคือ เรื่องนี้จะถูกหลินซินเหยียนสังเกตเห็นก่อนก้าวนึง ได้สลับสับเปลี่ยนถ้วยชามที่ตัวเองกับจงจิ่งห้าวเคยใช้
ความคิดของหลินซินเหยียนในตอนนั้นคือเหวินเสียนเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้คนที่สามารถทำการเปรียบเทียบมีแค่คนเป็น เพราะฉะนั้นเธอถึงได้เอาของของตัวเองสับเปลี่ยนกับของจงจิ่งห้าว
เพราะพวกเขารวบรวมตัวอย่างของจงจิ่งห้าว จะต้องเอาไปทำการเปรียบเทียบกับของเฉิงยู่ซิ่วแน่นอน เธอรู้ว่าเฉิงยู่ซิ่วกับจงจิ่งห้าวมีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกัน ขอแค่เหวินชิงทำการเปรียบเทียบก็จะรู้
ตอนนั้นเธอเลยคิดว่าเอาของตัวเองสลับสับเปลี่ยนกับของจงจิ่งห้าว ถึงเวลาคนที่ทำการเปรียบเทียบกับเฉิงยู่ซิ่วก็คือตัวเอง ผลตรวจทางเคมีก็จะไม่ใช่แม่ลูกกันแน่นอน เรื่องที่จงจิ่งห้าวเป็นลูกชายของเฉิงยู่ซิ่วก็จะไม่ถูกพบเห็น
แต่หลินซินเหยียนก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าตัวอย่างที่พวกเขารวบรวมคือจะเอามาเปรียบเทียบกับDNAที่เหวินเสียนทิ้งเอาไว้ก่อนตาย
อีกอย่างผลตรวจที่ได้คือมีความสัมพันธ์เป็น‘แม่ลูก’กัน
นั่นก็หมายความว่าตัวอย่างของหลินซินเหยียนกับDNAของเหวินเสียนตรวจออกมาว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
หลินซินเหยียนกับเหวินเสียนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
แต่จับพลัดจับผลู ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้
เหวินชิงแค่ยอมรับจงจิ่งห้าวเป็นลูกของเหวินเสียนเท่านั้น
ตอนนี้เขาเกลียดหลินซินเหยียน เพราะเธอไปใกล้ชิดกับเมียน้อยที่ทำลายชีวิตคู่ของเหวินเสียนในสมัยนั้น
อยู่ในสายตาเขา หลินซินเหยียนไม่แยกแยะผิดถูก ทำให้เขาไม่ชอบใจอย่างมาก ถึงขั้นรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับจงจิ่งห้าว
เพราะฉะนั้น เขาอยากให้จงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนแยกทางกัน เขาไปเตะตาลูกสาวของเพื่อนร่วมงานในหน่วยงานเดียวกันเข้า
เด็กคนนี้หน้าตาสะสวย อีกอย่างเป็นเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก อีกอย่างไม่ว่าจะบุคลิกประจำตัวหรือว่าฐานะทางครอบครัวเขาล้วนพึงพอใจเป็นอย่างมาก
คราวก่อนเขาก็เลยให้จงจิ่งห้าวช่วยเขาไปเอาเอกสาร ก็เพื่อให้เขาได้ใกล้ชิดกับสาวน้อยคนนั้น
ฐานะของจงจิ่งห้าววางอยู่ตรงนั้น อีกอย่างสถานะกับหลินซินเหยียนในตอนนี้คือแต่งงานแบบไม่เปิดเผย นอกนั้นแค่เคยป่าวประกาศฐานะของหลินซินเหยียนให้กับพนักงานในบริษัทรู้เท่านั้น
แต่ทุกคนก็มีท่าทีที่แปลกใจ
เพราะพวกเขาไม่ได้จัดงานแต่ง ก่อนหน้านั้นก็ไม่มีลางสังหรณ์ใดๆเลย
อยู่ในสายตาคนนอก จงจิ่งห้าวยังคงเป็นหนุ่มโสดระดับเพชรอยู่
เป็นคู่ครองที่ลูกตระกูลเศรษฐีทั้งหลายแต่งงานด้วย
เพื่อนร่วมงานของเหวินชิง ถึงแม้ตระกูลเฉินไม่ใช่ตระกูลมหาเศรษฐี แต่กลับเป็นตระกูลที่มีอำนาจใหญ่โต
ลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลเฉินดีกว่าตระกูลเหวินเสียอีก
เหวินชิงไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อจงจิ่งห้าว เขาแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกับตระกูลเฉิน ถ้าอย่างนั้นอนาคตของเขามีแต่จะยิ่งอยู่ยิ่งรุ่งเรือง
อีกอย่างลูกสาวของคนอื่นมีความรู้มีการศึกษาแถมยังเฉลียวฉลาดมาก หน้าตาก็สะสวย ที่สำคัญคือเธอไม่ใกล้ชิดกับเฉิงยู่ซิ่วอย่างไม่รู้หนักเบาเหมือนหลินซินเหยียน
แทบจะไม่มีอะไรที่ไม่ถูกใจเขาเลย
ครั้งนี้หลี่จิ้งเป็นฝ่ายมาหาหลินซินเหยียนก็เป็นแผนการของเขาเหมือนกัน
หลี่จิ้งมาหาหลินซินเหยียน เหวินชิงก็ได้นัดจงจิ่งห้าวไว้ แน่นอนว่าไม่ได้นัดเขาคนเดียว ยังมีเฉินชือหานด้วย
จุดประสงค์ของเขาคือให้หลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวเกิดความเข้าใจผิดกัน ให้ทั้งคู่แยกทางกันด้วยเหตุนี้
แผนเดิมของเหวินชิงคือเขานัดจงจิ่งห้าวกับเฉินชือหานเจอกัน ส่วนหลี่จิ้งก็ชวนหลินซินเหยียนทานข้าวในร้านอาหารเดียวกัน ถึงเวลาเขาหาข้ออ้างจากไปเหลือจงจิ่งห้าวกับเฉินชือหานไว้ ให้หลินซินเหยียนมาพบเห็น ให้หลินซินเหยียนเข้าใจความสัมพันธ์ของจงจิ่งห้าวกับเฉินชือหานผิด และสร้างความขัดแย้งให้พวกเขาแยกกันด้วยเหตุนี้
แต่ตอนนี้หลี่จิ้งมารู้สึกเสียใจภายหลัง เธอหลบสายตาของหลินซินเหยียน “ป้าแก่แล้ว ยังจะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ได้ยังไง?”
หลินซินเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณป้าไม่ได้แก่เลย เรื่องเสื้อผ้ามอบให้เป็นหน้าที่หนูนะคะ”
เธอได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ใช่เอาอกเอาใจ แต่เพราะท่านดีกับจงจิ่งห้าว
เธอเต็มใจเห็นท่านกับเหวินชิงเป็นญาติของตัวเองมาก
เรื่องผิดถูกของเมื่อก่อน เธอไม่มีสิทธิ์และจุดยืนไปซักถาม
ตอนนี้สถานะแบบนี้ก็ดีที่สุดแล้ว
และเป็นสิ่งที่เฉิงยู่ซิ่วกับจงฉีเฟิงรักษาไว้ตลอด
รอยยิ้มของหลี่จิ้งยิ่งอยู่ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ เธอจับมือหลินซินเหยียนไว้ “ซินเหยียน……”
หลี่จิ้งอยากพูดแต่ก็หยุดชะงักไว้ เธอพูดไม่ได้
สุดท้ายได้ถอนหายใจทีนึง “หนูรู้ความสัมพันธ์ของจิ่งห้าวกับเฉิงยู่ซิ่ว?”
เส้นประสาทของหลินซินเหยียนตึงเครียด พร้อมพยักหน้าอย่างจริงจัง “รู้ค่ะ”
“รู้แล้วทำไมยังไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเธออีก?”
หลี่จิ้งชอบหลินซินเหยียนอยู่
นอกจากเรื่องของเฉิงยู่ซิ่วที่ทำให้เธอผิดหวัง อย่างอื่นหลินซินเหยียนแทบไม่มีที่ติเลย
ถ้าไม่ใช่เหวินชิงมีเรื่องฝังใจกับเฉิงยู่ซิ่วมานานหลายปี ก็ไม่ตัดสินใจเฉียบขาดไปแยกจากหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวขนาดนี้หรอก
หลินซินเหยียนใจคอไม่ดีเลย หรือพวกเขาจะรู้แล้ว?
เธอยับยั้งความลนลานใจไว้ แสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “หนูกับเธอไม่ได้ใกล้ชิดกันค่ะ……”
หลี่จิ้งได้ถอนหายใจยาวๆอีกที ถ้าหากเธอไม่เห็นกับตาว่าหลินซินเหยียนอยู่กับเฉิงยู่ซิ่ว เธอจะเชื่อหลินซินเหยียนแน่นอน
เธอพูดให้คำแนะนำอย่างจริงใจ “จิ่งห้าวเป็นลูกที่เหวินเสียนให้กำเนิด เป็นผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลจง ฐานะย่อมไม่ต้องพูดถึง แต่เขาก็เป็นหลานชายคนเดียวของเหวินชิงเหมือนกัน ลูกชายคนเดียวของน้องสาวแท้ๆของเหวินชิง การดูแลเอาใจใส่และความรักความห่วงใยที่มีต่อเขา ก็ไม่ต้องพูดถึงเหมือนกัน แต่หนูไม่เหมือนกัน……”
หลินซินเหยียนเป็นคนของตระกูลหลิน อีกอย่างตระกูลหลินบ้านแตกสาแหรกขาดไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เธอคนเดียว ไม่มีความได้เปรียบอะไรของทางครอบครัวแล้ว
แถมเธอยังไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉิงยู่ซิ่ว ก็คือไม่มีใจเป็นหนึ่งเดียวกับจงจิ่งห้าว
จุดนี้ก็คือจุดที่ทำให้หลี่จิ้งกับเหวินชิงผิดหวังที่สุด
ถ้าเธอสามารถดูผิดถูกได้อย่างชัดเจน ก็จะไม่มีทางใกล้ชิดกับเฉิงยู่ซิ่ว
ภูเขาที่อยู่ในอกของหลินซินเหยียนได้ค่อยๆวางลงมา ฟังที่หลี่จิ้งพูดนี่คือแน่ใจแล้วว่าจงจิ่งห้าวเป็นลูกที่เหวินเสียนให้กำเนิด?
ขอแค่ไม่ถูกเหวินชิงพบเห็น สำหรับเธอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว
“หนูรู้ค่ะ” หลินซินเหยียนฟังความหมายจากคำพูดของหลี่จิ้งออก
ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาฐานะของจงจิ่งห้าวก็สูงส่ง แต่เธอไม่เหมือนกัน
ตระกูลหลินพ่ายแพ้ สามารถบอกได้ว่าเธอไร้ที่พึ่ง ไม่มีจงจิ่งห้าวคอยให้ท้าย เธอไม่ใช่อะไรเลย
เธอเข้าใจดี
แต่แค่ไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งกว่า
“ป้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าป้ายังมีธุระอย่างอื่นต่อ เดี๋ยวคราวหน้าป้าค่อยเลี้ยงหนูทานข้าวใหม่นะ”
หลี่จิ้งแข็งใจโกหกหลินซินเหยียนไม่ลง ให้เธอเข้าใจจงจิ่งห้าวผิด
เธอรู้ว่าตัวเองวู่วามเกินไป อีกอย่างยังอาจจะทำให้เหวินชิงโกรธด้วย แต่เธอก็ไม่อาจแยกหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวออกจากกันอยู่ดี
หลี่จิ้งไปอย่างเร่งรีบ หลินซินเหยียนไม่ทันรั้งไว้ เธอสามารถรู้สึกได้ว่าหลี่จิ้งไม่เหมือนมาหาเธอเพื่อทานข้าวอย่างเดียว เหมือนมีจุดประสงค์อะไร
เธอไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของหลี่จิ้งได้บรรลุแล้วหรือยัง
รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ค่อนข้างลนลานใจ อัดอั้นจนหายใจลำบาก
เธอกุมทรวงอกไว้และยืนอยู่ริมหน้าต่าง ก้มหน้ามองผู้คนที่พลุกพล่านไปมาบนถนน
เธอนึกย้อนคำพูดทุกคำที่หลี่จิ้งพูดกับตัวเองดูว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า
มีทั้งหมดไม่กี่คำ ดูเหมือนก็ไม่มีตรงไหนไม่เหมาะสม
แต่อารมณ์ของเธอยังคงเศร้าหมองอย่างไร้สาเหตุอีกเช่นเคย
นับดูแล้วเวลาที่เธอกลับประเทศยังไม่ถึงปีเลย แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แทบจะเกี่ยวข้องกับเธอทุกเรื่อง
ทุกเรื่องล้วนเหนือความคาดหมาย เรื่องดี เรื่องเลวร้าย ล้วนเหนือการควบคุม
เธอค่อยๆหลับตาลง พยายามให้ตัวเองสงบลง
ในพื้นที่ๆเงียบสงบ เธอถึงขั้นสามารถได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตุบๆอย่างชัดเจน……
จู่ๆความอบอุ่นได้ห้อมล้อมมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นเธอลืมตาขึ้นและหันไปมอง……