เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของหลินซินเหยียน จงจิ่งห้าวก็ไม่ได้รีบร้อนอธิบายแต่อย่างใด แต่เขากลับเอนกายลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทีที่เมานั้น หรี่ตาของเขาเล็กน้อยราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอเพิ่งพูด ” หืม ” เขาพูดออกมาหนึ่งคำ
หลินซินเหยียนเม้มปาก ” เขาอยากจะแนะนำคุณกับผู้หญิงคนนั้นให้อยู่ด้วยกันล่ะสิ “
ครั้งนี้หลินซินเหยียนไม่ได้เรียกลุงเหวินชิงอีกแล้ว
การกระทำของผู้ชายคนนั้นในวันนี้ มันกระทบเข้ากับจุดต่ำสุดที่เธอขีดเส้นไว้
จงจิ่งห้าวขยับตัวไปมา ก่อนจะพิงตัวไปตามอำเภอใจ ” คงจะใช่มั้ง “
หลินซินเหยียน ” ….. “
ทันใดนั้น หลินซินเหยียนก็ขับรถเข้าไปจอดตรงข้างทาง เธอหันหน้าไปหาเขา ” คุณไม่มีอะไรจะบอกฉันหน่อยเหรอ “
จงจิ่งห้าวลืมตาขึ้นมามอง ผสานสายตาเข้ากับดวงตาที่กำลังโกรธจัดอยู่นั้น ดวงตาของเขาพูดรอยยิ้มขึ้นมาแล้วจงใจถามว่า ” ให้ผมพูดอะไร “
หลินซินเหยียนรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เธอไม่ขออะไรมากเลย ในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เธอหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
เธอยอมที่จะเชื่อใจเขา
แต่ว่า การรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เขาก็ควรจะอธิบายอะไรสักอย่างกับเธอไม่ใช่เหรอ
เธออยากจะรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้จริงๆ แต่ว่า…
เธอละสายตากลับมา แล้วดับเครื่อง ” ต้องขับรถกลับไปเองเถอะ “
เธอรู้สึกว่าต้องการเวลาให้ตัวเองใจเย็นสักหน่อย ถ้าคืนยังคงทนนอนห้องเดียวกับเขาต่อไป กลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
เธอลงมาจากรถ ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินตามถนนไปข้างหน้า
เธอเงยหน้าขึ้น หวังจะให้ลมพัดแล้วปลุกเธอจากความโกรธครั้งนี้
จงจิ่งห้าวลงจากรถแล้วรีบตามมา เขาคว้ามือเธอไว้ ” คุณจะไปไหน “
หลินซินเหยียนพยายามที่จะสะบัดมือออก แต่ก็ถูกเขากำไว้แน่น
” ฉันอยากจะสงบสติอารมณ์คนเดียว ได้หรือเปล่าล่ะ ” เธอรวบรวมสติที่เหลืออยู่ทั้งหมด พูดออกไป
” คุณหึงเหรอ “
” เปล่า ” หลินซินเหยียนปฏิเสธโดยพลัน
” ถ้างั้นคุณโกรธทำไม “
” ฉันไม่ได้โกรธ “
” คุณโกรธ “
นัยน์ตามองไปที่เขา สูทดำทั้งตัวนั้น มันทำให้ร่างที่ดูสูงของเขาโดดเด่นขึ้นมา ณ นาทีนี้ ใบหน้าของเขายากจะคาดเดาอารมณ์
เขาทำเหมือนไม่สนใจอะไรเลย เหมือนกับเขาไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรจริงๆ
” ใช่ ฉันโกรธ ” หลินซินเหยียนใช้นิ้วจิ้มลงไปกลางอกของเขา ” คุณรู้หรือเปล่า ว่าฉันพยายามทะนุถนอมความสัมพันธ์ของเราแค่ไหน ไม่ใช่แค่เพราะว่าลูกทั้งสองคนแต่เพราะตรงนี้….. “
เธอกดลงไปตรงกลางอกของเขาแรงขึ้น ” เพราะว่าตรงนี้ มันเป็นตำแหน่งที่มีคุณอยู่ ฉันอยากจะเชื่อใจคุณ เชื่อใจความรู้สึกของเราทั้งสองคน คุณรู้ไหม ว่าท่าทีของคุณมันทำให้ฉันไม่สบายใจ รู้สึกไม่สบาย รู้สึกกลัว กลัวว่าความสัมพันธ์ในฟังนี้จะเป็นสิ่งที่ฉันจินตนาการขึ้นมาเอง ฉันเคยเห็นจวงจื่อจิ่นที่ล้มเหลวในการแต่งงาน สำหรับความรู้สึกฉันเหมือนยืนอยู่บนน้ำแข็งบางๆ ที่อันตราย แต่สำหรับคุณแล้ว ฉันอยากจะทุ่มเทไปกับมัน อยากให้มันคงอยู่ ตอนนี้ฉันพบว่า ทั้งหมดมันคงเป็นแค่ความต้องการของฉันเพียงฝ่ายเดียว จงจิ่งห้าว ต่อไปนี้คุณอย่าแกล้งทำเป็นดีกับฉันอีก จบกันตรงนี้เถอะ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการหรอก! “
เธอใช้แรงทั้งหมดสะบัดมือของเขาออก เธออยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ถ้าจะต้องเผชิญหน้ากับเขาต่อไป เธอคงจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปมากกว่านี้
เธอไม่อยากให้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่ขี้บ่นน่ารำคาญ แต่ในตอนนี้ เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ขี้บ่นแล้วน่ารำคาญคนนั้นไปแล้ว
จงจิ่งห้าวสาวเท้าออกไปแล้วรั้งเอวเธอเข้ามากอด หลินซินเหยียนตีอกชกเท้าเขามั่วไปหมด ” ปล่อยฉัน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้…. “
จงจิ่งห้าวรวบมือทั้งสองข้างเธอไว้ ก่อนจะกดมาวางไว้กลางอก ” อย่าโวยวายสิ “
เขาโตมาขนาดนี้ ไม่เคยคิดอยากจะอธิบายกับใครมาก่อน
เขาไม่ค่อยถนัดและไม่ชอบเท่าไร
รู้สึกแค่ว่า ถ้าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ จะมีก็มี ไม่มีก็ช่างมันปะไร
” คำอธิบายของผมคือการยืนยัน ว่าผมไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ต้องรู้สึกผิดต่อคนใช่ไหม “
ดวงตาอันดำขลับของเขา เหมือนกับแม่น้ำที่มองไม่เห็นก้นบึ้งของมันอย่างไรอย่างนั้น
หลินซินเหยียนเริ่มรู้สึกตกใจ ก่อนจะเบิกตามองเขา เขาต้องการจะสื่ออะไร
ปากของเธอนั้นสั่นโดยที่ไม่รู้ตัว
” ในทางกลับกัน การที่มาอธิบาย มันแปลว่าผมหักหลังคุณแล้วเหรอ “
จงจิ่งห้าวประคองศีรษะของเธอด้านหลังด้วยมือของเขา ” พอได้ยินที่คุณพูดคำพูดพวกนั้นออกมา ผมดีใจมากเลยจริงๆ “
หลินซินเหยียนไม่รู้เลยว่าดวงตาของเธอเหมือนมีรอยน้ำพรั่งพรูออกมา เธอพยายามเกร็งดวงตาไว้
” ผมไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ต้องรู้สึกผิดต่อคุณ ผมแค่ชอบผู้หญิงคนนึง ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงและอำนาจอะไร เธอไม่ได้มีการศึกษาที่สูงส่งอะไรขนาดนั้น เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมเคยเจอแล้วยอดเยี่ยมที่สุด แต่ว่าเธอเป็นแบบนี้ เธอถ้าถลำเข้ามาในใจของผม บางครั้งผมก็รู้สึกแปลกใจ ว่าผมชอบผู้หญิงแบบนี้เข้าไปได้ยังไง “
หลินซินเหยียน ” …. “
” ในสายตาของคุณ ฉันไม่มีอะไรดีสักอย่างขนาดนั้นเลยเหรอ “
” ใครบอกว่าคุณไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง “
นัยน์ตาของหลินซินเหยียนมันมีแสงสว่างบางอย่างทอดผ่าน ” ถ้างั้นคุณรู้สึกว่าฉันดีตรงไหนล่ะ “
สายตาของจงจิ่งห้าวไล่จากหน้าตากดต่ำลงไปยังคอ หน้าอกของเธอ ก่อนจะหยุดอยู่ตำแหน่งใต้หน้าท้องตรงนั้น….
หลินซินเหยียนหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะผละมือออก ” รีบปล่อยฉันสักที ฉันจะกลับบ้าน “
จงจิ่งห้าวเอามือล็อกศีรษะของเธอเอาไว้ ก่อนจะไล่มือลงไปลูบไล้ที่แผ่นหลังเธอ จากนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงเอวของเธอ เขาใช้แรงที่แขน
รั้งให้ตัวของหลินซินเหยียนแนบชิดติดลงมาบนตัวของเขา
แก้มของเขาและเธอแนบติดกัน มันปากของเขาแทบจะชิดลงไปบนติ่งหูของเธอ ” ผมจะบอกว่าคุณคลอดลูกเก่งต่างหาก คุณจะหน้าแดงทำไม “
” ฉันไม่ได้หน้าแดงเสียหน่อย ” หลินซินเหยียนปากแข็ง ก็สายตาของเขาเมื่อกี้มัน…..
” ถ้างั้นผมตาบอดเหรอ “
” อืม ใช่ คุณมันตาบอด “
จงจิ่งห้าว ” ….. “
” ฉันโตมาหน้าตาขี้เหร่ขนาดนี้ งั้นก็ไม่มี ไม่มีอะไรโดดเด่น คุณยังมีหน้ามาโอบฉันอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ได้เรียกว่าตาบอดแล้วจะเรียกว่าอะไร “
จงจิ่งห้าว ” …. “
ที่จริงก็ยืนคอยเขาอยู่ตรงนี้แหละ
” คุณขี้เหร่ ไม่มีเงิน ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ผมชอบ “
หลินซินเหยียนทำทีปฏิเสธ ” ใครจะไปเชื่อคุณ “
จงจิ่งห้าวจูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ เมื่อหลินซินเหยียนพยายามที่จะต่อต้านเขาก็กัดลงไปที่เนื้อของเธอ
” ซี๊ด…. “
หลินซินเหยียนเจ็บ เหมือนว่าแรงที่พยายามต่อต้านนั้นจะน้อยลง เขาได้คืบจะเอาศอก พยายามเอาลิ้นเข้ามาในปากเธอ ก่อนจะพยายามยื้อยุดฉุดกระชากมือของเธอเข้าไปในเสื้อเชิ้ตของเขา แล้วกดเข้าไปตรงกลางอก ในช่วงเวลานั้น ” ผมเอาใจของผมยกให้คุณหมดเลย “
หลินซินเหยียนรู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาแปลกๆ ก่อนจะถามยังหม่นๆ ” สิ่งที่ฉันต้องการก็มีแค่ความเชื่อใจของเราทั้งสองคนเท่านั้น “
” ผมรู้ “
จงจิ่งห้าวปล่อยเธอ ก่อนจะประทับจูบลงตรงปรายตาของเธอ ” เขาอาจจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเฉิงยู่ซิ่วแล้ว “
อารมณ์ของหลินซินเหยียนเหมือนจะยังไม่กลับมา ผ่านไปหลายวินาที มันจะเพิ่งนึกได้ในสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ” ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน “
เพราะไม่อย่างนั้นท่าทีของเหวินชิงคงไม่เปลี่ยนไปไวขนาดนี้
สิ่งที่จงจิ่งห้าวกังวลใจทั้งหมด ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเหวินชิงดูเรื่องมากน้อยแค่ไหน
เขาเอากุญแจรถยัดลงไปในมือของหลินซินเหยียน ” คุณกลับไปก่อนเถอะ “
” แล้วคุณล่ะ ” เธอถาม
แต่ไม่นานเธอก็เริ่มเข้าใจแล้ว ว่าเขากำลังจะไปทำอะไรที่ไหน
เพราะเขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหวินชิงดูเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหนกัน แล้วรู้ได้ยังไง
หลินซินเหยียนรับกุญแจรถเอาไว้ ก่อนจะเดินไปที่รถ จงจิ่งห้าวยืนอยู่ริมถนนแล้วโทรหาเสิ่นเผยซวน
หลินซินเหยียนหันกลับมา ” รีบกลับบ้านล่ะ “
จงจิ่งห้าวตอบตกลง
เธอจึงเปิดประตูรถแล้วขึ้นรถไป ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่อง ล้อรถค่อยๆ ชะลอไปบนถนน
เธอมองเขาผ่านหน้าต่างรถ
จงจิ่งห้าวกำลังกุมโทรศัพท์ไว้ แต่สายตาของเค้ากับเธอประสานเข้าหากัน ” ฉันอยู่ที่ถนนหยินไท่ มารับที “
ไม่นาน สายตาของทั้งคู่ก็ละออกจากกัน หลินซินเหยียนจึงทำได้แค่มองเขาผ่านกระจกหลังเท่านั้น
เมื่อร่างของเขาเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมองไม่เห็นเธอจึงละสายตากลับมาตั้งใจขับรถดังเดิม
เมื่อรถขับถึงทางเลี้ยวที่เคี้ยวคดบริเวณถนนเส้นทางเข้าคฤหาสน์ จู่ๆ ก็มีเงาหนึ่งพุ่งออกมา หลินซินเหยียนจึงรีบเหยียบเบรคทันที
แกรก…..
เหมือนว่ายางรถไปเสียดสีเข้ากับอะไรบางอย่างจนทำให้เกิดเสียงที่แสบหู