ลูกสาวตัวน้อยฉีกยิ้มกว้าง จนเห็นฟันขาวสะอาดน้อยๆ นั้นเรียงรายออกมา มันกำลังอิ่มอกอิ่มใจกับการที่จงจิ่งห้าวเช็ดน้ำลายให้เธอ
หลินซินเหยียนที่ใส่ชุดนรเสร็จสรรพแล้วก็ออกมา เตียงที่ดูกว้างขวาง จงจิ่งห้าวที่นอนอยู่คนเดียวก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่ง ตอนนี้หลินซีเฉินราวกับกลายร่างเป็นหนอนตัวน้อยที่น่าสงสาร ที่หมกตัวอยู่ตรงหัวเตียงเฝ้ามองดูจงจิ่งห้าวกับหลินลุ่ยซีเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เธอเดินเข้าไปแล้วอุ้มลูกชายขึ้นมา จากนั้นก็เอาแท็บเล็ตในมือของลูกชายไปวางไว้บนโต๊ะ ” ควรจะนอนได้แล้วนะลูก “
หลินซีเฉินถอนหายใจออกมาเนือยๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะได้นอนกับแม่สองคนทั้งคืน แต่กลายเป็นว่าหลินลุ่ยซีก็อยากตามมาด้วย แถมตอนนี้จงจิ่งห้าวก็ยังมาสมทบอีก เตียงใหญ่แค่นี้ จะนอนยังไง
” ผมกับน้องสาวก็นอนตรงกลาง ” หลินซีเฉินแสดงเจตจำนงออกมา
เด็กน้อยมีความคิดในหัวไว้แล้ว เขาและน้องสาวจะนอนตรงกลาง แค่นี้จงจิ่งห้าวก็จะไม่ได้อยู่กับหลินซินเหยียนแล้ว
หลินลุ่ยซีไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกับหลินซีเฉินเลย แค่ได้นอนเตียงเดียวกับพ่อแม่จะนอนยังไงพอใจแล้ว ไม่มีความเห็นอะไรนอกจากนี้
จงจิ่งห้าวเหลือบตามองลูกชาย ไม่ได้ตั้งใจจะอ่านใจดวงน้อยๆ ของเขา ตัวเองก็อุ้มลูกสาวนอนลงไป
เด็กทั้งสองคนนอนตรงกลาง แน่นอนว่าจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนต้องนอนขนาบลูกๆ คนละข้าง
หลินลุ่ยซีนอนไม่หลับ มือน้อยๆ นั้นยังคงลูบไล้อยู่บนร่างกายของจงจิ่งห้าวไปมา เมื่อก่อนที่เด็กน้อยนอนหลับก็มักจะจับหน้าอกของหลินซินเหยียนเป็นความคุ้นชินไปเสียแล้ว ต่อมาก็นอนกับเฉิงยู่ซิ่วก็ควรจะทิ้งนิสัยไม่ดีนี้ไป
เด็กน้อยไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ในตอนที่หลับ แต่มือเจ้ากรรมก็ดันอยู่ไม่สุข
มือน้อยของเธอ มีเนื้อที่นุ่มนิ่ม เมื่อจับนู่นนิดนี่หน่อยบนตัวของจงจิ่งห้าวก็ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนภายในใจ เขาจับมือลูกสาวไว้ ” อยู่นิ่งๆ สิลูก “
ลูกสาวกะพริบตาปริบๆ ” เนื้อพ่อแข็งจัง “
ไม่ว่าเด็กน้อยจะจับของหลินซินเหยียนหรือเฉิงยู่ซิ่วตอนนี้นิ่มทั้งนั้น มีแค่คุณพ่อคนเดียวที่รู้สึกไม่นิ่มเลยสักนิด
จงจิ่งห้าวหมดคำพูดที่จะเอ่ยบอกลูกสาวของตัวเอง
” รีบนอนได้แล้ว อย่าพูดแต่เรื่องไร้สาระน่า ” หลินซีเฉินตบหลังน้องสาวเบาๆ
หลินลุ่ยซีเบะปาก ” หนูไม่ได้พูดกับพี่ซะหน่อย หนูพูดกับคุณพ่อต่างหาก “
” พอได้แล้ว ไม่อนุญาตให้คุยกันแล้ว นอนซะ “หลินซินเหยียนปรามขึ้นมา
กับคำพูดของหลินซินเหยียนนั้น ลูกๆ ทั้งสองมักจะเชื่อฟังอยู่เสมอ ทั้งคู่จึงเงียบปากไม่พูดอะไร
แต่ก็ไม่ได้หลับเร็วขนาดนั้น พอผ่านไปชั่วโมงกว่าก็ค่อยๆ หลับกันไป
หลินซินเหยียนยังไม่ได้นอน ในใจมีเรื่องให้ต้องคิดเต็มไปหมด
มีทั้งเรื่องที่หลินซีเฉินก่อเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวรู้เรื่องนี้หรือเปล่า เขากลับบ้านช้า เธอเลยไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกับเขา
เมื่อผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองหลับสนิทแล้ว เธอก็เรียกเบาๆ ” คุณหลับหรือยัง “
ประจวบเหมาะกับที่จงจิ่งห้าวยังไม่หลับ ก็เลยขานรับเธอ
หลินซินเหยียนค่อยๆ พลิกผ้าห่มออกอย่างเบามือ แล้วลงจากเตียง ” ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ เราไปคุยกันข้างนอก “
ศีรษะน้อยๆ ของหลินลุ่ยซีหนุนอยู่บนแขนของเขา จงจิ่งห้าวจึงจับศีรษะของลูกสาววางลงบนหมอนอย่างเบามือ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตามหลินซินเหยียนออกจากห้องนอนไป
หลินซินเหยียนมาถึงห้องรับแขกแล้วก็เทน้ำใส่แก้ว ” คุณจะเอาด้วยไหม “
” ไม่ล่ะ ” จงจิ่งห้าวที่ใส่ชุดนอนอยู่กำลังพิงไว้ที่โซฟา แล้วมองเธอ ” อยากคุยอะไรกับผมเหรอ “
” วันนี้ตอนที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน ก็เจอเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง ” เธอนั่งลงข้างๆ จงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวหรี่ตา เหมือนเขาจะรู้ว่าคนที่มาหาเธอคนนั้นคือใคร
หลินซินเหยียนเมื่อเห็นสีหน้าของเขาก็พูดต่อว่า ” คุณรู้เหรอว่าคือใคร “
เรื่องที่ลูกชายทำ ทำไมเขาถึงไม่เก็บมาใส่ใจเลยนะ
เขาตอบอืมสั้นๆ ” อย่ากังวลใจไปเลย “
ข้างบนได้ให้คนจำนวนไม่น้อยตามหาผู้หญิงคนนั้นแล้ว ตอนนี้แม้กระทั่งออกจากเมืองBก็ทำไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วก็คงจะได้ยินข่าวว่าจับตัวเธอไว้ได้
” คุณโดนทำร้ายหรือเปล่า ” จงจิ่งห้าวม้วนผมเธอเล่นไปมา หลินซินเหยียนดื่มน้ำเสร็จก็วางแก้วลงบนโต๊ะ ” เปล่า “
” ฉันกลัวว่าหล่อนจะทำร้ายลูกๆ ทั้งสองคน ฉันบอกแม่แล้ว ว่าหลายวันต่อจากนี้ไม่ให้แกพาเด็กทั้งสองไปโรงเรียนอนุบาล ถ้าคุณมีคนเหลืออยู่บ้าง ก็ส่งมาที่นี่สักสองคนเถอะ ” เธอกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำเรื่องบ้าบอขึ้นมาอีก
จงจิ่งห้าวเหลือบตามอง ” ผมจะจัดการให้ “
หลินซินเหยียนพิงเข้าไปที่อกของเขา เอาหัวแนบลงไปที่ไหล่ ” เหวินชิงรู้หรือเปล่า “
” ยังไม่มีหลักฐาน ” ถึงพวกเขาจะคาดเดาแบบนั้น ว่าเหวินชิงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวเธอไม่ทำเรื่องแบบนี้
แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันว่าเหวินชิงดูเรื่องนี้แล้ว แล้วเขารู้ได้อย่างไร คิดเองหรือว่า….
หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมาเบาๆ ” ฉันไม่อยากทำให้คุณต้องลำบาก แต่ฉันก็ไม่อยากพูดถึงมูลเหตุบางอย่างจากตรงนั้น นี่คือสิ่งที่ฉันตกลงกับหล่อนเอาไว้ ถ้ามันเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแก ที่ทำให้เหวินชิงอยากแยกพวกเราออกจากกัน ฉันก็รู้สึกแปลกใจ แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง
ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ยอมที่จะนั่งรออธิบายกับเขา เออรักษาระยะห่างกับแกให้ได้มากที่สุด…. “
แค่เจอกันแบบลับๆ ก็พอ
มันเป็นเพราะเธอสะเพร่าเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้จงจิ่งห้าวก็เคยเตือนเธอแล้ว
เธอรู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกที่เหวินชิงมีต่อเฉิงยู่ซิ่วมันเป็นยังไง ตอนนั้นเป็นเพราะเหวินเสียนไม่สนว่าเขาจะทำผิดหรือเปล่า ที่กักขังไป๋หงเฟยกับเฉิงยู่ซิ่วไว้นานขนาดนั้น
ตอนนี้เหวินเสียนก็ได้จากไปแล้ว ความรู้สึกที่เหวินชิงมีต่อเฉิงยู่ซิ่วคงมีแค่ความเกลียดชังเท่านั้น
พอยืนอยู่ในจุดของเขา จงจิ่งห้าวก็เป็นลูกเพียงคนเดียวของน้องสาวเขาเท่านั้น เขาจะยอมให้ภรรยาของจงจิ่งห้าวสนิทสนมกับเฉิงยู่ซิ่วได้อย่างไร
เขาคงจะคิดว่าภรรยาของจงจิ่งห้าว ก็ควรจะอยู่ฝ่ายเดียวกับจงจิ่งห้าวสิ ไม่ควรไปเกี่ยวพันกับเฉิงยู่ซิ่วแต่แค่ ทำไมเขาถึงรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉิงยู่ซิ่วถึงไปได้ดีล่ะ
หลินซินเหยียนคิดขึ้นมาได้เรื่องที่ตัวเองไปเจอเฉิงยู่ซิ่วข้างนอก เธอลุกพรวดขึ้นมานั่งตัวตรง ” เธอว่าจะเป็นครั้งนั้น ที่ฉันไปพบเฉิงยู่ซิ่วข้างนอก แล้วถูกเขาเห็นเข้า “
พวกเขาอยู่ที่คฤหาสน์ ก็เคยพูดไปแล้วว่าพวกเขายอมอยู่บ้านเดียวกันกับเฉิงยู่ซิ่วเหวินชิงมีใจที่อยากจะพิสูจน์ความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่วก็คงไม่ยากอะไร
” เรื่องนี้ผมจัดการเถอะ ” จงจิ่งห้าวคว้าตัวเธอให้มาอยู่ในอ้อมกอด ” คุณอยากทำอะไรก็ทำเรื่องที่คุณอยากทำเถอะ “
หน้าของหลินซินเหยียนแนบลงไปตรงกลางอกของเขา ” ค่ะ “
รอให้ถึงวันที่เธอจัดการเรื่องร้านเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะค่อยไปเยี่ยมฉินยา รู้ว่าเธอพักฟื้นเป็นยังไงบ้าง
มอร์มันก็แจ้งข่าวคราวให้เธอผ่านข้อความทุกวัน บอกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวฉินยา ตอนนี้เหมือนว่าจะพักฟื้นได้ค่อนข้างดีแล้ว ใบหน้าก็ได้ทำการผ่าตัดเล็กสองครั้งแล้ว ถ้าอยากฟื้นฟูสภาพหน้าตาให้กลับมาเหมือนเดิม ก็ยังต้องทำการผ่านตัดศัลยกรรมอีกไม่น้อย
” พักนี้ซูจ้านเป็นยังไงบ้างคะ ” เธอถาม
ตั้งแต่ส่งฉินยาไป ซูจ้านก็ไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
ชีวิตของซูจ้านในตอนนี้ อยู่แต่กับสองที่เท่านั้น มันก็คือบ้านและที่ทำงาน
นอกจากจะขลุกอยู่กับการทำงานแล้วก็กลับบ้านไปดูแลคุณย่า
ทั้งที่เมื่อก่อนบ้านก็ไม่ชอบกลับ แต่ชอบไปสังสรรค์ข้างนอก ตอนนี้สถานที่ที่ชอบไปเมื่อก่อนก็ไม่ไปอีกแล้ว
เรื่องของฉินยามีผลกับเขาอย่างมาก
หลินซินเหยียนรู้สึกวันนี้ก็เป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกัน ” เขาควรจะโตได้แล้วล่ะ “
เพราะว่าเขา ฉินยาเลยลำบากมามาก ถ้าเขายังเป็นแบบเมื่อก่อนที่ยังทำตัวโลเลอยู่ มันก็เกินจะเยียวยาแล้วล่ะ
จงจิ่งห้าวหยิกแก้มเธอ ” กลุ้มใจไปเปล่าๆ หน่า “
หลินซินเหยียนตีมือของเขา ” เจ็บนะ “
” เจ็บตรงไหนล่ะ ” เขาจงใจงับไปที่ลำคอของเธอเบาๆ ” ใช่ตรงนี้หรือเปล่า “
หลินซินเหยียนผลักเขาออก ” อย่ามาทะลึ่ง นี่มันห้องรับแขกนะ ”