เดี๋ยวคนมาเห็นเขาจะว่ายังไง
ป้าหยูแล้วก็คนงานคนอื่น ไหนจะเฉิงยู่ซิ่วกับจงฉีเฟิง ก็อยู่ในตึกนี้ด้วย ถ้าตื่นมากลางดึกล่ะก็….
จงจิ่งห้าวมุดเข้าไปในซอกคอของเธอแล้วยิ้มกริ่ม ” ถ้าไม่งั้นกลับห้องไปก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม “
หลินซินเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นเงาของต้นไม้ที่กำลังสั่นไหว ราวกับมันกำลังร่ายรำอยู่ สายตาของเธอไม่ค่อยชัดเจนนัก ตอบอืมด้วยน้ำเสียงอู้อี้ แต่จงจิ่งห้าวกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
เขารวบเอวเธอเอาไว้ ก่อนจะลากสะโพกเธอเข้ามา แล้วอุ้มเธอขึ้นมาจากโซฟา หลินซินเหยียนเอาแค่นั้นคล้องคอเขาเอาไว้ ก่อนที่จะจู่โจมจูบเข้าที่จะริมฝีปากของเขาก่อน
ห้องรับแขกไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่างเท่านั้น จงจิ่งห้าวจูบเธอตอบ พลางอุ้มเธอขึ้นชั้นบนไปด้วย
ประตูห้องของชั้นสองทุกเปิดออก หลินซินเหยียนก็ดึงสติกลับมาได้ ” เด็กทั้งสองยังอยู่ข้างล่าง…. “
” เดี๋ยวสักพักผมจะอุ้มคุณลงไป “
” แต่…. “
นิ้วของเขาแตะที่ริมฝีปากของเธอ ก่อนจะลากไปนิ้วผ่านริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอไป จากบนลงล่าง แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ทำให้เห็นใบหน้าของเขาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่ดูหล่อเหลาและบ้าคลั่งในเวลาเดียวกัน นิ้วของเขาไถลลงมาตามเสื้อผ้าของเธอ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงกลางอก ” ตรงนี้ ต้องคิดถึงแต่ผมคนเดียวเท่านั้น “
เขาแนบอกกว้างนั้นกดเธอเอาไว้ มืออีกข้างก็ช้อนลงมาตรงกลางเอวของเธอ และดอมดมเส้นผมของเธอ จากนั้นก็จบลงที่ข้างหูของเธอ นิ้วมือของเขาปลดเปลื้องกระดุมชุดนอนของเธออย่างคล่องแคล่ว
หลินซินเหยียนสั่นเทาอยู่ภายใต้ร่างของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับเขาแล้ว หลินซินเหยียนก็ไม่มีทางอยู่เหนือกว่าเขาเลยสักครั้ง
แม้ว่าจะเริ่มจู่โจมก่อน แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ดี
สำหรับเขาในเรื่องนั้น ยังคงรุนแรง กุมอำนาจที่เหนือกว่าเธออย่างเช่นเคย
จากนั้นหลินซินเหยียนก็ค่อยๆ หลับใหลไป จากการที่โดนเขาทรมานจนหมดแรง เธอเหนื่อยจนแทบจะทนไม่ไหว โดยไม่รู้ว่าตัวเธอเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวได้อุ้มเธอลงไปหรือเปล่า ขณะที่อยู่ในสภาวะหลับๆ ตื่นๆ ไปกว่าครึ่งคืน เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ประจวบเหมาะกับที่เธอรู้สึกหิวน้ำพอดี กำลังจะเปิดปากพูด เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าในห้องมีแสงไฟสลัวจะโคมไฟดวงหนึ่ง แสงนั้นเหมือนสาดเงาตะคุ่มไปยังโต๊ะเตี้ยที่ติดกำแพง เหมือนโซฟาสีแดงหม่นถูกทับถมด้วยเงาดำกลุ่มหนึ่ง เงานั้นเมื่อเจอเข้ากับแสงเข้มอ่อนทำให้เกิดเป็นความขมุกขมัว แต่กลับดูเงียบสงบ
หลินซินเหยียนพยายามหยีตามอง ก็เห็นว่าตรงนั้นคือใคร
” ทำไมยังไม่นอนล่ะ “
จงจิ่งห้าววางโทรศัพท์ลง แล้วเดินเข้ามา ” ตื่นแล้วเหรอ “
หลินซินเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ” หิวน้ำน่ะ “
เขาเงียบไปสองวิ ก่อนจะเทน้ำบนโต๊ะหนึ่งแก้วแล้วเดินมาทางเธอ เขาเดินเร็วแต่เบา เพราะกลัวว่าเธอจะตื่นจากอาการสะลึมสะลือ แต่ภาพที่ดูมัวๆ ตอนแรกก็เริ่มชัดขึ้น น้ำแก้วน้ำถูกป้อนเข้ามาที่ปากเธอ เธอๆ กระดกมันเข้าไป น้ำอุ่นไหลผ่านลำคอ ค่อยๆ ทำให้อาการที่ทำให้เธอรู้สึกคอแห้งนั้นบรรเทาลง
” ดีขึ้นหรือยัง ” เขาถามอย่างอ่อนโยน
หลินซินเหยียนส่ายหัว แล้วเงยหน้ามองเวลา เพิ่งจะเห็นว่าตอนนี้ตีห้าครึ่ง แต่ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว
” ถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่ได้นอนเหรอ ” เธอถาม
” ผมนอนไปแล้วพักหนึ่ง ” พอเสร็จสรรพแล้ว เขาก็อุ้มเธอไปนอน จากนั้นก็ถูกโทรศัพท์ส่งเสียงปลุกให้ตื่น เพราะกวนจิ้งส่งข่าวมาให้เขา เหมือนจะตรวจสอบเจอว่าเหวินชิงเคยส่งคนไปที่ไป๋เฉิง
นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเหวินชิงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่วอย่างแน่นอน
เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อหาผู้หญิงให้หลานของตัวเอง จากที่ประมาณการ เหตุผลก็คงเป็นเพราะความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่วพอไม่เป็นอย่างที่เขาต้องการก็เลย…….
เมื่อหลินซินเหยียนตื่นแล้ว จงจิ่งห้าวก็วางแก้วน้ำแล้วมาโอบเธอไว้ ก็เห็นชุดนอนของเธอเปิดออก เผยให้เห็นร่องรอยทั้งหมดที่เขาทิ้งเอาไว้ เขาจึงนั่งลงข้างเตียงแล้วใส่กระดุมให้เธอ
หลินซินเหยียนปรายตามองมือของเขา นิ้วของเขาเรียวยาวเห็นรอยกระดูกและเส้นเลือดชัด เล็บยังถูกตัดอย่างเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้าน
เสียงของเธอนั้นแหบพร่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเพิ่งตื่น หรือว่าเพราะอะไร ” คุณเฉินคนนั้น ก็หน้าตาดีไม่น้อย “
จงจิ่งห้าวชะงักมือไปชั่วขณะ จึงช้อนสายตาขึ้นมา ทั้งสองสบตากัน เธอก็หัวเราะ ” ก็คุณเคยบอกว่า คุณก็เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ก็มีความอยากและตัณหาเหมือนกัน คุณจะมีความต้องการต่อผู้หญิง ก็เป็นเรื่องปกติ “
ในใจของเธอนั้นไม่ค่อยสงบนัก เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเช่นกัน แค่คิดไปว่าหากวันหนึ่งจงจิ่งห้าวไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น เธอก็คงจะทรมานมาก แล้วก็รับไม่ได้ด้วย
” คุณจะ… กับผู้หญิงคนอื่น….. “
จงจิ่งห้าวปัดเส้นผมที่ปรกหน้าเธออยู่ ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด ” ทำอะไรกับผู้หญิงคนอื่น “
หลินซินเหยียนถ้าถลึงตามองเขา ” คุณก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร “
” ผมไม่รู้ ” เขายังแสร้งทำตัวเป็นคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
หลินซินเหยียนกัดฟันแน่น ” คุณจะนอกใจฉันไหม “
จงจิ่งห้าวกลับนิ่งเงียบ เหมือนกับว่าคำถามนี้มันยากเกินกว่าจะตอบ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ทุกครั้งที่เธออยู่ในจุดที่โมโหกับท่าทีของเขาจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา จงจิ่งห้าวมักจะจูบที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ ” ถ้าไม่อยากให้ผมไปหาผู้หญิงคนอื่น ก็เติมเต็มผมสิ “
หลินซินเหยียนจ้องไปที่หน้าของเขา แล้วมันเงียบไปหลายวิ ก็โผเข้า ไปกลับที่ไหล่ของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ” ถ้าคุณหักหลังฉันแล้วก็ ฉันฆ่าคุณตายแน่ “
จงจิ่งห้าวไม่ขยับ แม้แต่หัวคิ้วก็ไม่ขมวดขึ้น แต่มุมปากกับแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ” ผมคงไม่ให้โอกาสคุณมากัดผมจนตายหรอก “
เขารัดร่างเธอไว้ ก่อนจะพลิกตัวมาทับเธอ ” ถ้าจะตาย ก็ขอตายบนตัวคุณแล้วกัน “
” จงจิ่ง…ห้าว “
……
เช้ามาหลินซินเหยียนก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบโมงแล้ว เตียงอีกฝั่งหนึ่งก็ไม่มีใครอยู่ ไม่มีสัมผัสที่อุ่นเพราะอีกคนน่าจะลุกไปตั้งแต่เช้าแล้ว
เธอกุมหน้าผาก ในใจก็เอาแต่สาปแช่งด่าทอจงจิ่งห้าวเป็นพันเป็นหมื่นรอบ
เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายกับลูกทั้งสองคนยังไง ที่เมื่อคืนนอนกับพวกเขาอยู่ดีๆ แต่ตอนเช้าเธอกลับมานอนหลับอยู่ชั้นบนเสียอย่างนั้น
จงจิ่งห้าวสร้างปัญหายากๆ ให้เธออีกแล้ว
เธอลุกขึ้นมาจากเตียง รู้สึกได้ว่าส่วนล่างรู้สึกเปียกแฉะ เธอลากร่างกายอันเหนื่อยล้าเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ในกระจกนั้น ร่างกายส่วนบนของเธอเต็มไปด้วยร่องรอย มีทั้งที่เขาไม่ได้ตั้งใจทำ แล้วก็มีทั้งรอยที่เขาตั้งใจทำ ตอนแรกก็รู้สึกเจ็บ พอตอนนี้เป็นรอยที่ดูน่าตกใจและน่าสยดสยองแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอเอื้อมมือขึ้นมารูปบริเวณหน้าท้องของตัวเองยังไม่ได้ตั้งใจ ตั้งแต่อยู่กับจงจิ่งห้าวมา พวกเขาไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์เลย นี่มันก็นานมากแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ท้องเลย
เมื่อก่อนเธอก็ไม่ได้สนใจว่าการตั้งท้องไม่ได้อีกก็ไม่เห็นจะเป็นไร แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ในก้นบึ้งหัวใจของเธอก็ยังแอบหวังที่อยากจะเห็นท่าทีของจงจิ่งห้าวเมื่อรู้ว่าเธอได้ตั้งท้อง
เมื่อก่อนตอนที่มีหลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซี เขาก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ เขาพลาดนาทีที่พวกลูกๆ เกิด พลาดในช่วงที่ลูกเติบโต
เธอถอนหายใจเบาๆ ดึงสติกลับมา ก่อนจะเข้าไปนี้ชำระร่างกาย
เก็บกวาดเสร็จแล้วเธอก็ลงไปชั้นล่าง
เหมือนกับว่าเมื่อวานที่เธอบอกเฉิงยู่ซิ่วเรื่องนั้น วันนี้วันศุกร์ลูกทั้งสองคนก็เลยไม่ได้ไปโรงเรียนอนุบาล เด็กๆ อยู่ที่บ้าน
หลินซีเฉินไม่ได้ขลุกตัวอยู่ในห้องเพื่อสนุกกับโจทย์คณิตศาสของเขา แต่วันนี้กลับนั่งต่อเลโก้กองโตอยู่ในห้องรับแขก
หลินซินเหยียนลงมาแล้ว ก็เห็นกับกล่องที่มีข้อความบนกล่องว่า ตัวต่อสตาร์วอล์
เมื่อคืน จงจิ่งห้าวได้ยินในสิ่งที่ลูกสาวบอกก็ส่งข้อความให้กวนจิ้ง ให้เขาไปซื้อของเล่นมาชุดหนึ่งแล้วส่งมาที่นี่
กวนจิ้งเป็นคนที่ทำงานมีประสิทธิภาพมาก จึงส่งของมาตั้งแต่หัวเช้า
หลินซีเฉินกำลังหลงใหลอยู่กับความสนุกของตัวต่อ จนเอาเรื่องที่สงสัยว่าทำไมหลินซินเหยียนไม่ได้นอนอยู่ในห้องทิ้งไว้ข้างหลัง
แต่หลินลุ่ยซีเป็นเด็กที่โอ๋ง่าย จงจิ่งห้าวอุ้มบ้างหอมบ้าง ทั้งที่ไม่ได้อธิบายอะไร แต่เด็กน้อยก็ลืมไม่ถามอะไรต่อแล้ว
หลินซินเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงกับลูกทั้งสองคนดี ตอนนี้เธอกลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก
” คงจะหิวแล้วล่ะสิ ” ป้าหยูยิ้มตาหยี เอาอาหารที่ทำเก็บไว้ให้เธอยกออกมา ” มาเร็ว มากินข้าวได้แล้ว “
จริงๆ แล้วหลินซินเหยียนก็หิวอยู่เหมือนกัน ท้องร้องโครกครากเป็นสัญญาณ
เธอนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะอาหารข้างหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากวนจิ้ง
ตอนนี้กวนจิ้งกำลังยืนอยู่ที่ห้องประชุม จงจิ่งห้าวกำลังร่วมประชุมอยู่
คาดไม่ถึงว่าโทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้น ขัดจังหวะขณะที่จงจิ่งห้าวกำลังพูด
สายตาของเขาจึงทอดผ่านไปมองอย่างนิ่งๆ