“หม่ามี๊วางใจได้ครับ ผมจะเชื่อฟัง อยู่บ้านรอหม่ามี๊กลับมา แต่ว่า หม่ามี๊มีเรื่องอะไร ต้องบอกผมนะครับ อย่าทำให้ผมเป็นห่วง”
ได้ฟังลูกชายพูดรู้เรื่องขนาดนี้ หลินซินเหยียนก็แสบจมูกขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายอ่อนแอ เลยทำให้จิตใจไม่เข้มแข็งไปด้วยหรือเปล่า
เธอกลัวเหลือเกิน กลัวว่าลูกชายจะสถานการณ์ของตนเอง กลัวว่าเรื่องนี้จะไม่มีทางจัดการได้
เธอกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น อดทนอย่างที่สุด ทำให้น้ำเสียงของตนเองฟังดูปกติ “เสี่ยวซี หม่ามี๊ยังมีธุระต่อ วางสายก่อนนะ”
“ครับ…”
ทางนั้นไม่รู้ว่าหลินซีเฉินจะพูดจบแล้วหรือยัง หลินซินเหยียนก็วางสายไปก่อน
ป้าหยูถือชามเข้ามา “คงจะหิวแล้วสินะคะ?”
หลินซินเหยียนไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย ในใจราวกับถูกก้อนหินกดทับอยู่ หนักอึ้งจนปวดหัวใจ
เธอมองป้าหยู “ฉันไม่หิวค่ะ…”
“ไม่กินข้าวได้อย่างไรคะ? ยิ่งกว่านั้นตอนนี้ร่างกายคุณอ่อนแอมากนะคะ” หลินซินเหยียนยังไม่ทันพูดจบ ป้าหยูก็พูดขัดขึ้นมาก่อน เธอถือชามและนั่งลงข้างเตียงจ้องมองหลินซินเหยียนสีหน้าจริงจัง “ตอนที่คุณชายออกไปรับสั่งไว้ค่ะ ให้ป้าดูแลคุณอย่างดี นี่เป็นอาหารที่คุณชายให้คนส่งมาให้ มีประโยชน์ต่อคุณค่ะ ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียว คุณไม่คิดถึงตัวคุณเอง แล้วคุณจะไม่คิดถึงเด็กในท้องของคุณหน่อยหรอคะ?”
ป้าหยูไม่รู้สถานการณ์ของหลินซินเหยียนในตอนนี้ รู้ว่าเธอนอนเตียงเพราะว่าท้อง แถมยังมีลางสังหรณ์ว่ามีภาวะแท้งคุกคามอีกด้วย
ในสายตาเธอก็ควรที่จะรักษาตัวดีๆ
อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับกินอาหาร ร่างกายเธอผอมมาก ถ้ายังไม่กินอะไรอีก เด็กในท้องจะดูดซึมอะไร?
“เพราะกลัวว่าคุณคงจะไม่ค่อยอยากอาหาร ดังนั้นอาหารที่คุณชายให้คนเอามาให้ล้วนเป็นอาหารอ่อนๆทั้งนั้น คุณชิมดูหน่อยเถอะค่ะ” ป้าหยูยื่นชามไปข้างหน้า “ป้าได้ยินมาว่า รังนกร้านนี้ส่งตรงมาจากมาเลเซีย รังนกในประเทศทากาวฟอกสีมากเกินไป คุณภาพไม่ดีอย่างที่พูด กินสักหน่อยเพื่อตัวคุณและเด็กในท้องของคุณนะคะ?”
ได้ยินป้าหยูพูดว่ารังนก ในหัวของเธอก็คิดถึงคำสองคำ‘น้ำลาย’เธอเห็นเกี่ยวกับรูปร่างของรังนก น้ำลายของนกคีรีบูน
“อุบ…”
เธอปิดปากและจมูกของเธอ ในท้องปั่นป่วนรุนแรง เธอดึงผ้าห่มออกจะลงจากเตียง ป้าหยูตกใจไปครู่หนึ่ง วางชามลงและรีบรั้งเธอไว้ “คุณรอป้าแปปนึงนะคะ ป้าจะไปเอากะละมังมา คุณห้ามลงจากเตียงนะคะ”
ป้าหยูรีบร้อนวิ่งไปที่ห้องน้ำ หยิบกะละมังใบหนึ่งออกมา
หลินซินเหยียนอ้วกน้ำเปรี้ยวๆออกมาคำหนึ่ง ในท้องของเธอไม่มีอะไร แต่ว่ารู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างรุนแรง อ้วกออกมาถึงจะรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย
ป้าหยูตบหลังให้เธอ รู้สึกปวดใจอย่างมาก “คุณเป็นแบบนี้ จะไหวได้ยังไง”
หลินซินเหยียนยืดตัวตรง “ขอน้ำแก้วหนึ่งค่ะ”
“ได้ค่ะ” ป้าหยูวางกะละมังลง แต่ก็กลัวเธอเห็นเข้าจะรู้สึกสะอิดสะเอียนอีก ป้าหยูเลยถือกะละมังออกไป ล้างมือเสร็จแล้วถึงจะเทน้ำสะอาดให้เธอหนึ่งแก้ว
“ฉันจะกลั้วคอค่ะ” หลินซินเหยียนมองป้าหยูที่ยุ่งไม่รู้จะทำไงดีแล้วพูดขึ้น
ป้าหยูไปที่ห้องน้ำล้างกะละมังจนสะอาด แล้วหยิบออกมาอีกครั้ง
หลินซินเหยียนกลั้วคอสักพัก ในปากก็รู้สึกสดชื่นไม่น้อย ความรู้สึกสะอิดสะเอียนก็ลดลงไปด้วย
ป้าหยูยืนอยู่ข้างเตียงถามอย่างเป็นห่วง “คุณกินอะไรไม่ได้แบบนี้จะทำยังไงดี?”
ขณะนั้นเอง ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก คุณหมอเดินเข้ามา ข้างกายมีพยาบาลและผู้ช่วยตามมาด้วย ตอนนี้เป็นเวลาตรวจ คุณหมอเดินมาที่หัวเตียงถามไถ่อาการของหลินซินเหยียน “มีอาการปวดท้องมั้ย?”
“ไม่มีค่ะ” หลินซินเหยียนตอบ
คุณหมอเปิดประวัติคนไข้ “คุณรู้สภาพร่างกายของคุณใช่มั้ย?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า ตอนคลอดหลินซีเฉินและหลินลุ่ยซี หมอบอกว่าร่างกายเธอไม่สามารถมีลูกได้อีก
ครั้งนี้ เธอเองก็รู้สึกว่า…เหนือความคาดหมายมาก
“สภาพร่างกายของคุณอ่อนแอมาก บวกกับคลอดครั้งที่แล้วบาดเจ็บไปถึงมดลูก ตอนนี้ผนังมดลูกของคุณบางมาก แท้งได้ง่าย หากว่าคุณอยากจะเก็บรักษาครรภ์นี้ไว้ 3เดือนแรกจะต้องนอนอยู่บนเตียง ให้ครรภ์อยู่ตัว จากนั้นค่อยดูจากสถานการณ์แล้วค่อยรักษาต่อไป”
คุณหมอบอกรายละเอียดให้เธอฟัง
หลินซินเหยียนกล่าว “ฉันทราบค่ะ ฉันอยากจะเก็บไว้ค่ะ”
ถึงจะมาไม่ถูกเวลาซะเท่าไหร่ แต่ว่า เธอต้องการ
“งั้นก็ได้ครับ หนึ่งสัปดาห์นี้คุณต้องอยู่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ ถ้าหากไม่มีอาการปวดท้องและไม่มีเลือดออกตรงช่องคลอด คุณก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ เพียงแต่ต้องนัดตรวจอาการอีกครั้งที่โรงพยาบาลเป็นระยะ”
“ผมเห็นร่างกายคุณผอมอ่อนแอมาก กินเยอะๆ ดูแลร่างกายดีๆ มันช่วยเรื่องการตั้งครรภ์”
“เธออ้วกรุนแรงมาก แล้วก็ยังไม่อยากกินอาหารอีกค่ะ” ป้าหยูรีบพูดแทรก “ไม่มียาต้านอาเจียนหรอคะ ให้เธอกินอาหารได้เยอะหน่อย?”
อาการแพ้ท้องส่วนมากคนท้องล้วนเป็นกัน บางคนรุนแรง ต้องกินวิตามินเพื่อต้านอาการอาเจียน อาการของหลินซินเหยียนแบบนี้เขาไม่แนะนำให้กินยา “กินอาหารทีละน้อยๆ กินอาหารที่อ่อนๆ อันนี้ผมจะให้ผู้ช่วยของผมส่งสูตรอาหารให้คุณ ทำตามที่เขียนไว้ จะลดอาการอาเจียนได้”
ป้าหยูชี้รังนกที่อยู่บนโต๊ะ “อาหารอ่อนๆขนาดนี้ เธอก็กินไม่ลงค่ะ”
คุณหมอมองดูครู่หนึ่ง พูดกับหลินซินเหยียนว่า “อันนี้คุณควรจะกินสักหน่อยนะ รสชาติอ่อนมาก ดูดซึมได้ง่าย อีกอย่างรักนกมีกรดไซอะลิก ช่วยพัฒนาการของทารกอย่างมาก…”
“อุบ—“
หลินซินเหยียนแค่ได้ยินว่าน้ำลายเอามากินก็รู้สึกสะอิดสะเอียน
เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่
ป้าหยูรีบไปหยิบกะละมังมา ครั้งนี้หลินซินเหยียนแค่คลื่นไส้เท่านั้น ไม่ได้อ้วกออกมา
คุณหมอเห็นอาการของหลินซินเหยียนแบบนี้แล้ว “ผมจะให้วิตามินบำบัดแก่คุณแล้วกัน”
คลื่นไส้แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าในกระเพาะว่างเปล่า
“ดีค่ะ” ป้าหยูกล่าว กินอะไรไม่ได้แบบนี้ไม่ดีแน่
“ต้องพักผ่อนให้มาก” คุณหมอออกคำสั่ง
หลินซินเหยียนตอบว่าค่ะ
คุณหมอออกไปได้ไม่นาน ก็มีพยาบาลมาใส่สายน้ำเกลือให้หลินซินเหยียน คุณหมอให้วิตามินเธอสำหรับหนึ่งวัน หลักๆยังคงต้องกินอาหารเพื่อบำรุง
ณ ว่านแยว่กรุ๊ป
หลี่จ้านและจงฉีเฟิงมาถึงบริษัท แม้แต่ประตูก็ไม่เคาะบุกเข้าไปในห้องทำงานของจงจิ่งห้าวเลย
สรุปไม่มีใครอยู่ในนั้น เขาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ซูจ้านกำลังให้คนร่างเอกสารดำเนินคดีฟ้องร้องอยู่
ข่าวแพร่ออกไปในชั่วข้ามคืนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีบางคนจงใจ
เห็นได้ชัดว่าเหวินชิงกำลังกดดันเขาอีกครั้ง
“มีคุกน้ำ” ไม่ว่าที่ไหนก็มีโพสต์ไว้ ฝากข้อความ และคำพูดที่โจมตีต่างๆ ล้วนแต่กล่าวถึงหลินซินเหยียนฆ่าคน บอกว่าเธอยิงปืน รบกวนความสงบของสังคม ยิงปืนฆ่าคน ยกโทษให้ไม่ได้ บลาๆ …
การล้างสื่อเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกนักเลงคีย์บอร์ดเหล่านี้ก็เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้กระจายไปอย่างรวดเร็ว
จงจิ่งห้าวคิดออกแล้ว เรื่องแบบนี้ ต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้พวกชาวเน็ตหูเบาที่เออออไปกับเขาทั้งหลายได้เห็น!
“หามาสักสองสามอันที่เด่นๆ ค้นหาIDของพวกเขา ทำเรื่องฟ้องพวกเขาซะ”
“หาIDต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ” มันเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวต้องใช้ผู้ที่มีฝีมือ
ทันใดนั้น ประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกผลักออก หลี่จ้านยืนอยู่หน้าประตู “เรื่องหาคน ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
เขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตา ตอนเขาอยู่ที่ACก็ไม่ได้ไปอยู่เฉยๆ
เขาเดินเข้ามา ดึงเก้าอี้เลื่อนออกไป หยิบโน๊ตบุ๊คของคนข้างๆมา และเริ่มลงมือทำ
อย่างแรก เขาล็อคบัญชี3บัญชีที่ใช้งานบ่อย…