พวกเขาแบ่งงานกันอย่างเป็นระเบียบ ทุกอย่างในแผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น
“นายออกมา ฉันมีอะไรจะพูดด้วย” พูดจบจงฉีเฟิงก็หันหลังและเดินออกไป เขาเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก ห้องที่กว้างขวาง แสงส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง สว่างเป็นอย่างมาก จงฉีเฟิงยืนมือไขว้หลังอยู่ข้างหน้าต่าง
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เขาหันหน้ามามองลูกชาย “นายไปขัดใจใครเข้า?”
นี่มันชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้
นอกจากจะมีคนจงใจ
จงฉีเฟิงก็เคยเป็นตัวละครตัวหนึ่ง จนถึงวันนี้ก็แค่ปกปิดตัวตนเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสติปัญญาของเขาจะลดลง
จงจิ่งห้าวก็ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง รับแสงแดด เขายังคงสวมเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่ยี่ของเมื่อวาน แขนเสื้อพับขึ้นจนถึงข้อศอก สองมือล้วงกระเป๋า ยืนตัวตรง
นัยน์ตาของเขาไม่แสดงสิ่งใด ใบหน้าที่เย็นชาและนิ่งแข็งนั้นงดงามและเป็นหนึ่งเดียว ภายในจิตใจแผ่ความเหน็บหนาวออกมา ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะถอยห่างไปสามฟุต
จงฉีเฟิงรู้ว่าช่องว่างในหัวใจของเขากับตนนั้นยังไม่หายไป พูดด้วยเสียงจริงจังว่า “มีอะไรให้ช่วยไหม?”
เกี่ยวข้องถึงชีวิตคน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เขาไม่สนใจความเย็นชาของจงจิ่งห้าว ตอนนี้การแก้ปัญหาตรงหน้าสำคัญที่สุด
“ไม่ต้อง” จงจิ่งห้าวตอบเบาๆ “คุณกลับไปเถอะ”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไป จงฉีเฟิงเรียกให้เขาหยุด “รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
ฝีเท้าของจงจิ่งห้าวหยุดสักพัก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร “เสี่ยวลุ่ยกับเสี่ยวซี ช่วยผมดูแลพวกเขาอย่างดีด้วย”
พูดจบก็ก้าวฝีเท้าอีกครั้ง จงฉีเฟิงเรียกให้เขาหยุดอีกครั้ง “เด็กทั้งสองคน นายวางใจได้ หลายๆเรื่อง อย่ามองแค่เพียงผิวเผิน รอเรื่องนี้จบลง ฉันมีอะไรจะพูดกับนาย”
ในใจจงจิ่งห้าวพอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะพูดอะไร หนามที่ติดอยู่ระหว่างพวกเขาพ่อลูก ไม่ใช่เฉิงยู่ซิ่วรึไง
“ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”
จงจิ่งห้าวก้าวออกจากห้องรับแขก เมื่อกี้จงฉีเฟิงเลือกที่นี่ เพราะที่นี่เงียบ เขาพึ่งเดินไปถึงพื้นที่สำนักงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เป็นเสิ่นเผยซวนที่โทรเข้ามา
“เฉินชือหานไม่ออกมาเลย พวกเราต้องหาทางล่อเธอออกมา” เสิ่นเผยซวนกล่าว
วันนั้นเฉินชือหานได้ฟังเฉินชิงบอกว่า ไม่มีอะไรก็อย่าออกไป เธอจำไว้ขึ้นใจ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหว เธอไม่อยากสร้างปัญหา ปกติเลยอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน บางครั้งลงมาก็อยู่แค่ในสวนสาธารณะของหมู่บ้านเท่านั้น
เสิ่นเผยซวนหาโอกาสจับเธอไม่ได้เลย บ้านของเขาและบ้านของเหวินชิงอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เฉินชือหานไม่ออกจากหมู่บ้าน เขาก็จับตัวเธอไม่ได้
“เอางี้ นายนัดเธอมาพบไหม?” เสิ่นเผยซวนเสนอ เขารู้ว่าในเวลานี้ไม่เหมาะที่จงจิ่งห้าวจะเจอเฉินชือหาน แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ ไม่จับตัวเฉินชือหานไว้ข่มขู่เหวินชิงกับเฉินชิง พวกเขาก็จะยังคงใช้หลินซินเหยียนเพื่อมาบีบบังคับจงจิ่งห้าวให้แต่งงานกับเฉินชือหานต่อไป
“เรียบร้อย ที่เหลือให้นายจัดการ” ขณะนั้น หลี่จ้านหาIDของพวกที่ใช้งานบ่อยเหล่านั้นได้สำเร็จ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของซูจ้านแล้ว
เขาดูแลเกี่ยวกับกฎหมาย ควรตั้งข้อหาอะไรให้กับคนเหล่านี้ เขารู้ดีที่สุด
จงจิ่งห้าวเหลือบตาขึ้น สายตาของเขาหยุดลงบนตัวของหลี่จ้านที่เพิ่งพูดเมื่อกี้ ตอนนี้หลินซินเหยียนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อีกอย่างเธอยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย
เรื่องล่อเฉินชือหาน เขาไม่สามารถไปด้วยตนเองได้
แต่ว่าหลี่จ้านไปได้ เหวินชิงกับเฉินชิงคุยกันเองก็คงไม่ได้ เรื่องก่อนและหลังแต่งงาน ก่อนและหลังมีลูก เฉินชือหานอายุน้อยกว่าหลี่จ้านแค่หนึ่งปี อีกทั้งความสัมพันธ์ของเหวินชิงและเฉินชิง ทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด หลี่จ้านและเฉินชือหานก็สนิทกัน
ภารกิจนี้หลี่จ้านสามารถทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน
“เสี่ยวจี้” จงจิ่งห้าวเรียกเขา “นายมาที่ห้องทำงานกับฉันหน่อย”
หลี่จ้านไม่มีปัญหาอะไร เขามีเรื่องจะถามจงจิ่งห้าวพอดี ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้?
ตกลงว่าใครเป็นคนทำ?
หลี่จ้านตามจงจิ่งห้าวไปที่ห้องทำงาน ประตูยังไม่ทันปิดสนิทเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ใครมันใส่ร้ายพี่สะใภ้ฉัน?”
จงจิ่งห้าวหันหลังให้เขา และไม่ตอบคำถามของเขา
ให้เขารู้ มีแต่จะทำให้เขาลำบากใจสองด้าน
“นายช่วยฉันอย่างหนึ่งหน่อย”
หลี่จ้านพร้อมทำตามโดยไม่ปฏิเสธ “พี่พูดออกมาก็พอ ขอแค่ฉันช่วยได้ก็จะทำให้”
เขาหันกลับมามองหลี่จ้าน “นายกับเฉินชือหานสนิทกันสินะ”
หลี่จ้านพยักหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับเฉินชือหาน?
เรื่องนี้ทำไมมันวุ่นวายแบบนี้นะ?
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินงั้นหรอ?” หลี่จ้านอดไม่ได้ที่จะถาม
“เรื่องนี้นายไม่ต้องรู้หรอก นายแค่ต้องไปล่อเฉินชือหานออกมาให้ฉันก็พอ”
ขืนบอกเขาเกี่ยวกับบทบาทของเฉินชือหาน หลี่จ้านก็รู้ตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องนี้ทั้งหมดน่ะสิ
หลี่จ้านรู้สึกได้ จงจิ่งห้าวไม่อยากให้เขารู้ เขามองจงจิ่งห้าวสองสามวินาที จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป “ฉันจะไปล่อเธอออกมา”
ในเมื่อจงจิ่งห้าวไม่อยากให้เขารู้ ถึงอย่างนั้นเขาก็จะถาม
ขอแค่ไปทำตามที่เขาบอกให้ลุล่วงก็พอ
เขาขึ้นลิฟต์ไปที่ลานจอดรถใต้ดิน กดปุ่มปลดล็อค ดึงประตูรถออกแล้วขึ้นรถ ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น คุณไจแอ้นโทรหาเขา
ตอนนี้เขายังต้องไปห้างสรรพสินค้ารอบหนึ่ง เกมนี้ยังไม่จบ
คุณไจแอ้นให้เขากับหลินซินเหยียนเข้ามาด้วยกัน
“ผมไม่ว่าง” หลี่จ้านกดปุ่มเปิดลำโพง วางโทรศัพท์ลงบนที่นั่งข้างคนขับ
เขาขับรถออกจากโรงรถ
“คุณไม่มาไม่ได้” แม้ว่านี่จะเป็นเกม แต่ก็รวมอยู่ในสัญญา ไม่ทำให้สำเร็จจะต้องจ่ายค่าปรับที่ผิดสัญญา
“คุณจำเป็นต้องมา แล้วก็…”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ว่าง คุณฟังไม่รู้เรื่องรึไง?” หลี่จ้านคว้ามือถือขึ้นมาแล้วตัดสายโทรศัพท์
เขาพึ่งวางโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสาย ตะโกนตอบตรงนั้น “คุณจัดการเอาเองเถอะ!”
พูดจบหลี่จ้านก็ปิดเครื่องเลย กลัวว่าคุณไจแอ้นจะโทรหาเขาอีกเรื่อยๆ
เขาขับรถไปที่ตระกูลเฉินอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองบ้านอยู่ใกล้กัน เขาและเฉินชือหานก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน เมื่อตอนเด็กๆ เฉินชือหานตามหลังเขาทุกวันและเรียกเขาว่าพี่ชาย
เขาจอดรถไว้ข้างทาง เดินไปเคาะประตู ในบ้านมีเพียง เฉินชือหานกับคุณนายเฉิน เฉินชิงไม่อยู่ คุณนายเฉินเป็นคนเปิดประตูให้หลี่จ้าน
“เสี่ยวจี้ นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” พอเห็นว่าเป็นหลี่จ้าน คุณนายเฉินก็ถามอย่างอบอุ่น
หลี่จ้านยิ้ม “เพิ่งกลับมาไม่นานครับ”
“รีบเข้ามาสิ” คุณนายเฉินเปิดทางให้หลี่จ้านเข้ามา ปิดประตูแล้วคุณนายเฉินก็เดินเข้ามา “นายนี่นะ นิสัยดื้อรั้น ชอบทะเลาะกับพ่อ ยังไงนายก็เป็นลูกชาย ว่างๆก็มาเยี่ยมเขาบ่อยๆบ้าง”
ทั้งสองครอบครัวคุ้นเคยกันก็เลยพูดคุยกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“มีน้ำมั้ยครับ?”
หลี่จ้านไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร
คุณนายเฉินตบขาเข้าทีนึง “ดูสิ ฉันมัวแต่พูดคุยกับนาย ลืมถามไปเลยว่านายหิวน้ำรึเปล่า นายอยากดื่มอะไรล่ะ?”
“น้ำเปล่าก็พอครับ” หลี่จ้านนั่งบนโซฟา เหลือบมองชั้นสองแวบหนึ่ง เข้าสู่ประเด็นหลัก เขาถามลองเชิงว่า “ทำไมไม่เห็นชือหานเลยครับ เธออยู่บ้านมั้ยครับ? รู้สึกว่าไม่เจอเธอมานานแล้ว”
คุณนายเฉินรินน้ำให้เขา “ชือหานอยู่ข้างบน สองวันนี้ค่อนข้างเชื่อฟังเชียว ไม่ออกไปหาเพื่อนเที่ยวเลย”
“อ้อครับ”หลี่จ้านเลิกคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ อยู่บ้านก็ดี เขาจะได้มั่นใจว่าจะหลอกคนออกไปได้
“กินน้ำสิ” คุณนายเฉินยื่นน้ำให้เขา
หลี่จ้านรับมา “เธออยู่บ้านทำอะไรทุกวันครับ? ไม่เบื่อหรอครับ?”