หลินซินเหยียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร ทำไมเขาถึงรู้เร็วขนาดนี้ เหนือความคาดหมายของเธอ ยังไงเหวินชิงก็เป็นพ่อแท้ๆของเขา ตามนิสัยของจงจิ่งห้าวเขาน่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับเขาแน่
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไม่ต้องลำบากใจหรอก” หลินซินเหยียนไม่ต้องการให้เขายืนอยู่ข้างไหนทั้งนั้น เขาสามารถที่จะยืนอยู่ข้างนอก ไม่ต้องช่วยใครก็ได้
แต่ถึงแม้เขาจะยืนอยู่ข้างเหวินชิง เธอก็จะไม่ตำหนิเขา ทางนั้นคือพ่อแท้ๆของเขา
หลี่จ้านลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง หลินซินเหยียนพอจะคิดได้ว่าเขาจะต้องรู้สึกลำบากใจเพราะเรื่องนี้ แต่ว่าเหวินชิงไม่ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของเขา
พ่อของเขา……
หลี่จ้านไม่อยากจะคิดถึงเขา นอกเสียจากทำให้เขาผิดหวัง แล้วก็ทำให้ผิดหวัง
“คุณบอกกับพี่ชายฉันได้เลย ถ้ามีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้ ก็ขอให้พูดออกมา” พูดจบหลี่จ้านก็หันหลัง เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงหยุดฝีเท้าลงและหันหน้ามามองหลินซินเหยียน “สุขภาพคุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง?”
หลินซินเหยียนยิ้มแล้วตอบว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ”
“งั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่รู้จะบอกกับพี่ชายฉันยังไง ไม่รู้จะบอกเสี่ยวซียังไง” ยังไงหลินซินเหยียนเป็นทุกข์อย่างนี้นั้นก็เพราะว่าเหวินชิง ถึงแม้เขากับเหวินชิงจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน แต่เรื่องที่เขาเป็นพ่อแท้ๆของเขานั้นคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้
หลินซินเหยียนถอนหายใจอีกครั้ง ความคับข้องใจของรุ่นที่แล้ว ทำไมจะต้องเกี่ยวโยงมาถึงคนรุ่นนี้ด้วย?
เธอไม่รู้จะใช้คำไหนปลอบโยนหลี่จ้าน มีสิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้เขาผ่อนคลาย “ถ้าอยู่ในประเทศมันเหนื่อยนัก จะไปอยู่ต่างประเทศสักพักก็ได้นะ”
แบบนี้ก็สามารถหลบหลีกปัญหานี้ได้ และไม่ต้องทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้
หลี่จ้านยิ้ม “ผมไม่ไปหรอก”
ในเวลานี้เขาจะไปไหนไม่ได้
เขาหลือบมองไปที่ไป๋ยิ่นหนิง เขาไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เข้ามา นั่งอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ มองหลินซินเหยียนตลอด หลี่จ้านถาม “เขาเป็นเพื่อนคุณหรอ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า
หลี่จ้านวางใจแล้ว หลินซินเหยียนรู้จักก็ดี มิเช่นนั้นเขาไม่ควรพาคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามา รบกวนหลินซินเหยียนพักผ่อน
“ผมกลับก่อนนะ” หลี่จ้านใช้ความคิด ยังมีวิธีอื่นอีกไหม ที่จะทำเรื่องนี้จากอาวุธสงครามให้เป็นแค่ผ้าไหมธรรมดา
เขาไม่อยากให้เหวินชิงและจงจิ่งห้าวต้องเป็นศัตรูกัน
“อืม” หลินซินเหยียนตอบเบาๆ
หลังจากที่หลี่จ้านออกไป ไป๋ยิ่นหนิงถึงจะนั่งวีลแชร์เข้าหาเธอ
สีหน้าของเธอไม่ค่อยดี ไป๋ยิ่นหนิงกังวลใจเป็นอย่างมาก “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำ?”
หลินซินเหยียนไม่อยากคุยกับไป๋ยิ่นหนิงในเรื่องนี้ จึงจงใจเบี่ยงเบนประเด็น “ทำไมคุณยังไม่กลับไป?”
“เหวินชิงทำร้ายคุณใช่ไหม?”
ไป๋ยิ่นหนิงกลับไม่หยุด “หลินซินเหยียน เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กหรือไง?”
。
“เรื่องนี้จะใหญ่หรือเล็ก มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณอย่ามายุ่ง กลับไป๋เฉิงไปเถอะ นี่มันเป็นโคลนตม แค่เอาตัวเข้าไป ถึงอยากจะถอนตัวออกก็ยากแล้ว ” หลินซินเหยียนตอบอย่างจริงใจ
เหวินชิงอยากให้จงจิ่งห้าวแต่งงานกับผู้หญิงตระกูลตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา พวกเขาตอบตกลงจะต้องมีแผนของตนเองแน่ ที่นี่ไม่ใช่ไป๋เฉิง ไม่ใช่ที่ของไป๋ยิ่นหนิง มีแต่จะโดนคนอื่นทำร้าย แล้วไงล่ะ?
ไป๋ยิ่นหนิงมองไปที่นัยน์ตาของเธอ มองลึกเข้าไปเรื่อยๆ “คุณกำลังเป็นห่วงฉันหรอ?”
หลินซินเหยียนมองเขาโดยตรงและพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณเคยช่วยฉัน อย่างน้อยก็เห็นแก่ไมตรีจิต เรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไป๋เฉิง แต่ไม่ใช่คุณโน้มนำ อีกอย่างนี่เป็นเรื่องของฉัน คุณสอดมือเข้ามายุ่งไม่ได้”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้?” รอยยิ้มของเขาล้ำลึกขึ้น “คุณไม่คิดว่า ความร่วมมือกันของฉันกับจงจิ่งห้าวครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะโค่นล้มเหวินชิงงั้นหรอ?”
หลินซินเหยียนหรี่ตา “คุณยังคงไม่ปล่อยสินะ”
“ใช่ ฉันจะไม่ปล่อย ความหวังของฉัน คือล้างแค้นให้กับพ่อบุญธรรม” ไป๋ยิ่นหนิงพูดที่ละคำ หนักแน่นเป็นพิเศษ
ตอนแรกเป็นเพราะคำพูดของหลินซินเหยียน จึงตัดสินใจที่จะจากไปแล้ว แต่ว่า หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาคิดว่านี่เป็นโอกาสสำคัญ เขาแค่คนเดียวคงจะโค่นล้มเหวินชิงไม่ได้ แต่ถ้าหากจับมือกับจงจิ่งห้าว ก็ไม่แน่
ยังไงตอนนี้จงจิ่งห้าวกับเหวินชิงก็เป็นศัตรูกัน
พวกเขาก็เป็นฝ่ายเดียวกัน
หลินซินเหยียนพบว่าเธอพูดเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้ “ฉันเหนื่อยแล้ว”
เธอไม่อยากคุยกับเขาเรื่องนี้อีก เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามากจริงๆ
ไป๋ยิ่นหนิงเอื้อมมืออยากจับมือหลินซินเหยียน ขณะนั้น ประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก ไป๋ยิ่นหนิงหยุดมือกลางอากาศประมาณสองวิแล้วดึงมือกลับ
พยาบาลเดินเข้ามาถอดเข็มให้หลินซินเหยียน เธอให้หลินซินเหยียนถือสำลีฆ่าเชื้อ “กดตรงนี้”
เธอเก็บขวดน้ำเกลือ และมอบสูตรอาหารที่คุณหมอให้เธอมาแก่ป้าหยู “คุณทำตามขั้นตอนและวิธีนี้ทุกวัน ก็จะลดอาการแพ้ท้องขึ้นได้ ”
ป้าหยูพยักหน้า “ค่ะ รบกวนพวกคุณแล้ว”
ป้าหยูเดินไปส่งพยาบาลที่ประตู
“เป็นหน้าที่ของพวกเรา” เบื้องบนรับสั่งมา หมอที่มาตรวจครรภ์ให้หลินซินเหยียนนั้นล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ จงจิ่งห้าวเป็นคนไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
มีบางอย่างระเบิดในหัวของไป๋ยิ่นหนิง สตรีมีครรภ์ ยาแก้อาเจียน?
หลินซินเหยียนท้อง?
เขาอยากจะอ้าปากพูด แต่พบว่าปากกลับแข็งทื่อ
ทำไมพูดอะไรไม่ออก ในใจรู้สึกอึดอัด
เธอและจงจิ่งห้าวเคยมีลูกด้วยกันสองคน ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก แต่พอรู้ว่าเธอท้องอีกครั้ง ในใจยังคงตกใจ จนกระทั่งรู้สึกลำบากใจที่จะยอมรับ
เขาเป็นใบ้ไปชั่วขณะ “นานแค่ไหนแล้ว?”
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้ปิดบัง “หนึ่งเดือนกว่าแล้ว”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มอย่างแข็งทื่อ “ดีใจด้วย”
“ขอบคุณ”
ป้าหยูหยิบสูตรอาหารขึ้นมาอ่าน นานๆจะมีประโยคพูดออกมา “อ้อ ที่แท้กะหล่ำดอกสีเขียวถึงจะดี”
กะหล่ำดอกสีเขียวมีวิตามินซีสูง เธอเข้าใจมาตลอดว่าดอกกะหล่ำเหมือนกันหมด
มีผักใบเขียวมากขึ้นในสูตรอาหาร เพราะว่าผักใบเขียวมีกรดโฟลิกสูง จึงไม่มีความจำเป็นเพิ่มกรดโฟลิก อาหารเสริมดูดซึมได้ดีกว่า และมีประโยชน์กว่า ทุกวันเช้ากลางวันเย็น อาหารว่างตอนบ่ายก็เหมือนกัน นอกจากผัก ผลไม้แล้วก็จะเพิ่มโปรตีนเสริมจากเนื้อสัตว์ เช่น กุ้งและเนื้อสัตว์
“ฉันกลับไปไม่ได้ ฉันจะโทรศัพท์กลับไป ให้ที่บ้านทำของมาส่งที่นี่” หัวใจของป้าหยูนั้นอยู่ที่หลินซินเหยียนทั้งหมด
กลัวว่าเธอจะกินข้าวไม่ได้แล้วอาเจียนอีก
หลินซินเหยียนชินแล้วกับความห่วงใยและระมัดระวังของป้าหยู
ไป๋ยิ่นหนิงรู้สึกว่าตนเองเบื่อเหลือเกิน “ฉันกลับก่อนนะ คุณพักผ่อนเยอะๆ”
หลินซินเหยียนพูด “งั้นฉันไม่ไปส่งนะ”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มและพูด “คุณดูแลตัวเองเถอะ คุณไม่ต้องส่งฉัน ฉันก็กลับเองได้ ”
ไป๋ยิ่นหนิงออกจากโรงพยาบาล ทั้งร่างกายเบาหวิว รู้สึกว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันมาก
เกาหยวนตามเขามา “ไม่กลับบ้านหรอ?”
เขาโบกมือ ตอนนี้เขาต้องการความสงบ เกาหยวนเข็นเขาไปตามถนน และเดินอย่างไร้จุดหมาย
ข้างนอกโรงพยาบาลนั้น มีร้านก๋วยเตียวมากมาย ขายของกิน ขายผลไม้ และยังขายดอกไม้
เขามองดูดอกไม้สดในร้าน ดอกไม้สดเบ่งบาน ดอกไม้พวกนี้ยังเผยเสน่ห์เฉพาะออกมาทางกระจก ไป๋ยิ่นหนิงให้เกาหยวนหยุดรถ “คุณช่วยไปซื้อดอกกุหลาบ…หนึ่งดอกให้ฉันหน่อย”