เฉินชิงตะโกนเรียกจงจิ่งห้าว
ทว่าจงจิ่งห้าวกลับไม่หยุดเดินเลยด้วยซ้ำ เขาเดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ตอนที่เหวินชิงตัดสินใจทำแบบนี้ เขาก็ควรจะคิดไว้ด้วยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะต้องจบลง
นี่คือผลลัพธ์จากสิ่งที่เขาทำ
เขาไม่สามารถให้อภัยลุงที่เอาแต่คิดจะแยกเขากับหลินซินเหยียนออกจากกันได้
ถึงแม้เขาจะเคยถือสาเรื่องความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่ว แต่ก็อย่างที่หลินซินเหยียนพูด บางทีเฉิงยู่ซิ่งอาจจะทำผิด แต่ว่าหล่อนไม่ใช่คนเลว แต่ที่เขาคิดอย่างนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขายอมรับเฉิงยู่ซิ่ว ชีวิตนี้เขาคงไม่อาจยอมรับเฉิงยู่ซิ่วได้ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือไม่ยอมรับ ไม่เข้าใกล้ และรักษาระยะห่างไว้เหมือนเมื่อก่อนเท่านั้น
เขาไม่สามารถทำให้เหวินเสียนที่จากไปรู้สึกไม่สบายใจ
ขณะที่จงจิ่งห้าวเดินเข้าไปในสำนักงาน ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทั้งหมอทั้งพยาบาลกรูกันออกมา“คนเจ็บอยู่ที่ไหน?”
พอเฉินชิงได้ยินเสียงก็ตะโกนเรียกออกไป“อยู่นี่ ตรงนี้”
เมื่อประตูสำนักงานปิดลง เสียงโหวกเหวกจากภายนอกก็หายไปโดยปริยาย
เหวินชิงถูกเจ้าหน้าที่หามขึ้นเปล เฉินชิงก็วิ่งตามมาติดๆ
รถพยาบาลจอดอยู่ข้างล่างตึก
อีกด้านหนึ่ง ณ ประตูหน้าบ้านตระกูลเหวิน หลี่จ้านยืนอยู่หน้าประตู ภาพใบหน้าอันน่ารักนุ่มนิ่มและดวงตาที่สดใสของหลินซีเฉินวนเวียนอยู่ในหัว ครั้งแรกที่เจอจำได้ว่าเขาตัวนิดเดียวเอง แต่ทำตัวเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแล้วเงยหน้าถามขึ้น“คุณก็เป็นนักเรียนของที่นี่หรอ?”
ตอนนั้นหลี่จ้านรู้สึกแปลกใจมาก ในโรงเรียนมีเด็กอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไง?
นี่มันมหาวิทยาลัยนะไม่ใช่โรงเรียนอนุบาล
ตอนนั้นหลี่จ้านรู้สึกว่าเขาน่าสนใจจึงนั่งยองๆลงแล้วคุยด้วย“ฟังจากที่นายพูดแล้ว เหมือนกับว่านายเป็นนักเรียนของที่นี่ยังไงยังงั้น”
เขาก้มมองลงไปที่เป้ากางเกงของหลินซีเฉิน“ยังใส่ผ้าอ้อมอยู่รึเปล่า?”
หลินซีเฉินโมโหขึ้นมาทันที“คุณนั่นแหละที่ใส่ผ้าอ้อมอยู่”
เด็กน้อยกำลังคำรามใส่เขา
ใบหน้าเล็กๆของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ต่อมาเขาถึงได้รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้เข้ามาด้วยกรณีพิเศษ เนื่องจากเขายังเด็กจึงไม่ได้เข้าเรียนเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ เขาเป็นเด็กมีพรสวรรค์ ผู้อำนวยการเลยรับเขาเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้
ตอนนั้นเขาสงสัยมากว่าพ่อกับแม่ของหลินซีเฉินเป็นใคร ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ฉลาดเป็นกรดขนาดนี้?ต่อมาพอได้รู้ว่าหลินซีเฉินเติบโตมาจากครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แถมยังมีน้องสาวอีกคน ที่บ้านมีผู้หญิงสองคน คนหนึ่งเป็นคนดูแลพวกเขาทั้งสอง ส่วนอีกคนเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว
เขาแปลกใจมาก ไม่นึกเลยว่าหลินซินเหยียนจะเติบโตมาในครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะเขาทั้งฉลาดทั้งมีเหตุผล ใครๆก็รักและเอ็นดู แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีพ่อ……
หลังจากที่ได้รู้เรื่องครอบครัวของหลินซีเฉิน เขาก็นับถือและชื่นชมหลินซินเหยียนมาก เนื่องจากเธอเป็นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว แถมยังอบรมเลี้ยงดูลูกทั้งสองได้ดีมากๆด้วย
เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นเรื่องครอบครัวนี้มาก แต่ในขณะเดียวกันก็รูสึกเห็นใจด้วย ดังนั้นเขาเลยใส่ใจหลินซีเฉินมากเป็นพิเศษ ไม่นานทั้งสองก็สนิทกัน มิตรภาพความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นลูกของจงจิ่งห้าว
โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะกลมขนาดนี้
หลังจากที่คิดอยู่นาน เขาก็สรุปออกมาได้ว่าเขาจะต้องหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเหวินชิงให้ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาจะต้องห้ามไม่ให้เหวินชิงทำครอบครัวนี้แตกแยกได้สำเร็จ
กว่าครอบครัวนี้จะสมบูรณ์มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขายกมือขึ้นมาเคาะประตู ไม่นานหลี่จิ้งก็เปิดประตูออก
เมื่อเห็นว่าเป็นหลี่จ้าน หลี่จิ้งก็พุ่งเข้าไปกอดทันที“แกออกไปไม่ติดต่อแม่เลย รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงแกมากแค่ไหน”
หลี่จิ้งแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นลูกชาย
เธอพูดเสียงสั่น“แกทะเลาะกับพ่อ แล้วก็จะทิ้งแม่ไปใช่ไหม?”
หลี่จิ้งรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
หลี่จ้านกอดเธอไว้พลางตบเบาๆที่ไหล่“แม่เป็นแม่ผม ถึงผมจะไม่ต้องการภรรยาแต่ผมก็ต้องการแม่นะ”
หลี่จิ้งหัวเราะทั้งน้ำตา แล้วก็ตีลูกไปหนึ่งที“ไร้สาระน่า หืม แกมีแฟนแล้วหรอ? ”
หลี่จ้านหน้าจืดลงนิดหน่อยแต่ไม่นานก็กลับสู่ปกติ เขายิ้มพูดขึ้น“มีคนที่ชอบครับ แต่ไม่รู้ว่าเธอจะชอบผมรึเปล่า”
“ใครกัน?แม่รู้จักไหม?”หลี่จิ้งรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่จ้านพูดคำว่าแฟนต่อหน้าเธอ
ไม่มีพ่อกับแม่คนไหนที่ไม่เป็นห่วงเรื่องแต่งงานของลูกหรอก
หลี่จิ้งก็เหมือนกัน
หลี่จ้านแสร้งทำท่าทางให้เธอร้อนใจ“ไม่ให้ผมเข้าไปอีกหรอ?มัวแต่คิดเรื่องลูกสะใภ้อยู่ล่ะสิ?คนที่ผมชอบใช่ว่าจะชอบผมสักหน่อย”
หลี่จิ้งเบิกตาโพลง ลูกชายของเธอเป็นถึงดารา มีแฟนคลับตั้งมากมาย เป็นผู้ชายในอุดมคติของสาวๆตั้งหลายคน“ลูกชายแม่หล่อขนาดนี้ ใครมันตาไม่ถึงกัน?”
ในสายตาของพ่อกับแม่นั้นมักจะมองว่าลูกของตัวเองดีที่สุดเสมอ ซึ่งตอนนี้หลี่จิ้งก็รู้สึกแบบนี้
เธอรู้สึกว่าหลี่จ้านเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดบนโลกนี้
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาไม่คู่ควร
หลี่จ้านโอบหลี่จิ้งเดินเข้าไปในห้อง เขาเหลือบมองไปทั่วห้อง หลี่จิ้งรู้ว่าเขามองหาใครจึงพูดขึ้น“วางใจเถอะ เขาไม่อยู่ เฉินชิงเข้ามาหาเขาก่อนหน้านี้ แล้วทั้งสองอยู่ในห้องหนังสือด้วยกันประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจากนั้นเขาก็ออกไป”
“ไปไหนหรอครับ?”หลี่จ้านถาม
“ไม่รู้สิ แม่ไม่ได้ถาม”หลังจากวันที่ทะเลาะกับเหวินชิง เธอก็ไม่คุยกับเหวินชิงอีกเลย
เธอรู้ว่าเหวินชิงออกไปข้างนอก แต่เธอไม่ได้เอ่ยถามเขา
ทว่าเธอรู้ว่าถ้าเขาออกไปกับเฉินชิงแสดงว่ามันต้องมีเรื่องเกี่ยวกับจงจิ่งห้าว
เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คงมีเพียงแค่เรื่องนี้
เธอไม่อาจเข้าไปก้าวก่ายการตัดสินใจของเหวินชิงได้ แต่ว่าเธอสามารถพูดเรื่องแฟนลูกได้ เพราะนี่คือลูกของเธอ“บอกแม่มาเลยนะว่าแกชอบใคร?”
หลี่จิ้งเห็นเขาบ่นพึมพำจึงรู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ใช่คนดีแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่อึกอักไม่กล้าพูดแบบนี้หรอก พอนึกถึงสายงานของเขา หลี่จิ้งก็เลยพูดดักทางเขาไว้“แกแหกกฎพ่อไปเป็นดาราแล้ว เพราะงั้นแกห้ามมีแฟนเป็นคนในวงการเด็ดขาด”
ทุกวันนี้ดาราสาวต่างก็ใส่ชุดวับๆแวมๆเพื่อเรียกกระแสกันทั้งนั้น แถมยังพูดอีกว่าใส่เสื้อผ้าเปิดนิดเปิดหน่อยมันเป็นงาน……
ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเหวินชิงจะคัดค้านอย่างแรง เพราะเธอก็ไม่อาจยอมรับผู้หญิงแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ได้เหมือนกัน คนทั้งประเทศเแทบจะเห็นทุกซอกทุกมุมของพวกหล่อนแล้ว
เธอยอมรับไม่ได้จริงๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้ทางครอบครัวคงหาผู้หญิงที่มีฐานะเหมาะสมให้ดีกว่า ถึงแม้เด็กผู้หญิงในครอบครัวแบบนี้จะไม่โดดเด่นมาก แต่มันก็ดีกว่าดาราสาวที่อาศัยแค่รูปร่างหน้าตาหากินพวกนั้นเป็นร้อยเท่า
เมื่อหลี่จ้านเห็นท่าทางกระวนกระวายใจของหลี่จิ้ง เขาจึงพูดขึ้นช้าๆ“ไม่ใช่ดาราสาว และไม่ใช่คนในวงการด้วย แถมชาติตระกูลก็ดี”
หลี่จิ้งรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็ถามแกมบังคับออกไป“ถ้างั้นใครล่ะ?รีบบอกแม่เร็ว ทำให้แม่ชื่นใจหน่อย”