หลินซินเหยียนกลืนน้ำลาย ความคิดที่ยับยั้งไว้ได้ถูกเขาปลุกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เธอทรมานไปทั้งตัว แถมหน้าก็ร้อนผ่าวเล็กน้อย
จงจิ่งห้าวเขี่ยคอเสื้อของเธอพร้อมถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เปลี่ยนแปลงหรือเปล่า?”
หลินซินเหยียนหันหน้ามามองเขา พร้อมยื่นมือจับใบหน้าเขา พูดด้วยเสียงอ่อนแอเล็กน้อย “จะเปลี่ยนแปลงจนน่าเกลียดมาก”
ตอนที่เธอท้องหลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซี ตั้งครรภ์ไม่กี่เดือนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไวมาก เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
“ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงยังไง ผมก็ไม่รังเกียจหรอก”
จงจิ่งห้าวจับมือที่เธอลูบจับใบหน้าตัวเองไว้ บีบฝ่ามือเธอมากดใส่หมอนแล้วจูบริมฝีปากเธอ
สติที่เหลือบอกเขาว่า พวกเขาทำต่อไม่ได้……ทำต่อมีแต่จะยิ่งทรมาน
เธอเสียงแหบพร่า “หมอบอกว่าไม่ได้……”
เขาจูบลึกซึ้งขึ้น พร้อมพูดด้วยเสียงแหบพร่า “คุณไม่รู้ว่าผมอยากให้คุณสำเร็จความใคร่มากแค่ไหน”
ความต้องการของร่างกายไม่ได้ลดลงเลย กลับกันมีแต่ยิ่งรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เธอหันหน้าไปอีกทาง “คุณอยู่ห่างฉันหน่อย”
ทั้งสองโอบกอดกันไว้อย่างนี้ ไม่สามารถดับไฟตัณหานั้นได้เลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะหักห้ามใจเอาไว้ไม่ได้……
จงจิ่งห้าวก็พยายามอดทนสุดฤทธิ์ เขาดึงชายกระโปรงเธอลงมา แล้วพลิกตัวนอนลงบนเตียง ทั้งสองต่างก็ไม่ได้พูดจา แค่นอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ
นาฬิกาบนผนังเดินไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปทุกวินาที
ผ่านไปประมาณสิบนาที หลินซินเหยียนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
“คุณเคยโทษฉันอยู่ในใจหรือเปล่าคะ? ถ้าฉันไม่ไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเฉิงยู่ซิ่ว ก็จะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ขึ้นแล้ว” ฟังเฉิงยู่ซิ่วพูดเรื่องของสมัยก่อน หลินซินเหยียนรู้ว่าความรู้สึกที่เหวินชิงมีต่อเหวินเสียนลึกซึ้ง แต่เธอแค่คิดไม่ถึงว่าเหวินชิงจะบ้าคลั่งถึงขั้นนี้
“ผมไม่เคยโทษคุณเลย แค่ตอนแรกไม่เข้าใจเฉยๆ แต่ผมรู้ว่าคุณมีความคิดของคุณ” เสียงของจงจิ่งห้าวกลับคืนสู่ความเงียบสงบ ไม่แหบเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
หลินซินเหยียนหันมา เอาศีรษะซุกไปที่ข้อพับแขนของเขา “คุณรู้มั้ยคะว่าฉันชอบคุณเข้าแล้ว? ฉันอยาก……” ช่วยคุณดูแลคนที่คุณไม่สามารถดูแลได้
จงจิ่งห้าวสะกดความดีอกดีใจไว้ “นี่คุณกำลังสารภาพรักกับผมอยู่เหรอ?”
หลินซินเหยียน “ถือว่าใช่มั้งคะ”
เขาหันมาใช้มือประกบแก้มสองข้างของเธอไว้ พร้อมมองหน้าเธอ
ขนตาของหลินซินเหยียนกะพริบ “ยังแก้ไขไม่ได้ใช่มั้ยคะ?”
จงจิ่งห้าวจูบหน้าผากเธอ แล้วกอดเธอเข้ามาในอ้อมอก “ใกล้แล้ว คุณพักฟื้นอย่างสบายใจก็พอ ไม่ต้องสนใจเรื่องข้างนอก ได้ยินอะไรก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจ พวกนั้นอาจจะเป็นแผนรับมือชั่วคราวที่เหมาะสม คุณแค่เชื่อมั่นผมก็พอ”
เขาพูดอย่างนี้ต่อจากนี้จะต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน ส่วนอะไรนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ฉันเชื่อคุณค่ะ”
จงจิ่งห้าวทั้งรู้สึกตลกและแกล้งทำเป็นชิวๆ เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ไม่อยากให้ประเด็นแบบนี้มาทำให้เธอกังวล “เชื่อใจผมขนาดนี้ ไม่กลัวผมหนีไปกับหญิงอื่นเหรอ?”
หลินซินเหยียนหยิกเอวของเขา “ถ้าคุณกล้าหนี ฉันจะตีให้ขาคุณพิการไปเลย”
หลินซินเหยียนลงมือหนัก จงจิ่งห้าวเจ็บจนขมวดคิ้ว “ถ้าผมพิการ คุณเลี้ยงดูผมนะ”
“อืม ฉันเลี้ยงดูคุณเอง ฉันจะให้ลูกของฉันขาดพ่อไม่ได้”
ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ไม่แน่เธออาจจะทำแบบนั้นจริงๆ ถึงพิการได้แต่นอนอยู่บนเตียง แต่ก็เป็นพ่อของลูกๆเธอนะ
ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
มือที่จงจิ่งห้าวกอดเธอไว้ได้กอดแน่นยิ่งขึ้น “ผมไม่หนีหรอก ทั้งชีวิตนี้จะเอาแค่คุณคนเดียว ตอนมีชีวิตอยู่จะนอนเตียงเดียวกัน ตอนตายจะอยู่โลงศพเดียวกัน ผมแก่กว่าคุณตั้งหลายปี คงจะตายก่อนแน่นอน ถึงเวลาอย่าลืมบอกลูกๆว่าเอาผมกับคุณไว้ด้วยกันนะ”
หลินซินเหยียนแหงนหน้าขึ้นมาจ้องเขา “เอาแต่พูดจาอัปมงคล ถ้าคุณตายก่อน ฉันก็จะไปหาตาแก่ที่หน้าตาหล่อเหลา……”
จงจิ่งห้าวไม่แคร์ “คุณหาตะแก่ที่หล่อกว่าผมไม่เจอหรอก”
“งั้นเอาที่ขี้เหร่หน่อยก็ได้” หลินซินเหยียนลดระดับลง
“ใครกล้าเอาคุณ ผมก็จะลากมันลงนรกด้วย” จงจิ่งห้าวพูดอย่างโหด
หลินซินเหยียน “……”
เหมือนประเด็นจะพูดไปไกลเกิน ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก ตกดึกป้าหยูหิ้วปิ่นโตไว้พร้อมเคาะประตู จงจิ่งห้าวลุกจากเตียงมาเปิดประตู ป้าหยูเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “น่าจะหิวแล้วมั้ง?”
หลินซินเหยียนรู้สึกหิวแล้วจริงๆ เธอพิงอยู่ที่หัวเตียง “วันนี้ทานอะไรคะ”
อาหารของเธอรู้สึกจะไม่ซ้ำกันเลย เธอชักจะตั้งตารออาหารของแต่ละวันแล้ว เธออยู่ห้องผู้ป่วยทั้งวัน เหมือนตัดขาดกับโลกภายนอกยังไงอย่างงั้น วันๆนอกจากทานข้าวก็คือนอน
ป้าหยูเอาปิ่นโตวางมาที่บนโต๊ะอย่างยิ้มแฉ่ง พร้อมพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ต้องถูกปากหนูแน่นอน” ตามคำแนะนำของหมอ ตามวิธีการมิกซ์แอนด์แมทช์ของตำรับอาหาร หลินซินเหยียนไม่ค่อยอาเจียนจริงๆแล้ว อีกอย่างยิ่งอยู่ยิ่งเจริญอาหารมากขึ้น
ผัดผักครั้งนี้มีผัดกระหล่ำปลี ฟักทองไข่แดง ผัดผักโปยเล้ง ซุปปลาเหลือง ต้มเต้าหู้ขาว อาหารทุกอย่างล้วนใส่ด้วยจานเล็กๆที่สวยงามปราณีต
ป้าหยูมองไปทางจงจิ่งห้าวที่ยืนอยู่หัวเตียง “ป้าได้ยินมาว่าสตรีมีครรภ์ดูสิ่งสวยงามเยอะๆ เด็กที่คลอดออกมาก็จะหน้าตาดีด้วย ป้าเลยไปซื้อถ้วยชามน่ารักแบบนี้มาโดยเฉพาะ”ตะเกียบกับช้อนล้วนเข้าชุดกัน ลายดอกบนนั้นล้วนเพ้นท์ด้วยงานฝีมือ การเคลือบก็ใช้วิธีพิเศษเผาขึ้นไป
จงจิ่งห้าวเอามือสองข้างเสียบเข้าไปในกระเป๋า เสื้อเชิ้ตบนตัวยับยู่ยี่ เขามองหลินซินเหยียนแว๊บนึงแล้วพูด “ต้องระวังจริงด้วย ไม่งั้นถ้าตามใจเธอไม่รู้จะขี้เหร่แค่ไหน”
ป้าหยูรู้ว่าจงจิ่งห้าวพูดเล่น ได้หัวเราะอย่างมีความสุข
หลินซินเหยียนจ้องเขา เขาสิขี้เหร่
ป้าหยูจัดวางกับข้าวทุกอย่างเรียบร้อย “ล้างมือทานข้าวได้แล้วค่ะ”
จงจิ่งห้าวเดินมาอุ้มหลินซินเหยียนไปล้างมือที่ห้องน้ำ จากนั้นอุ้มเธอมานั่งที่เก้าอี้ เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอและตักน้ำซุปให้เธอ “ดื่มน้ำซุปก่อน”
ดื่มน้ำซุปก่อนทานข้าวจะได้เจริญอาหาร
หลินซินเหยียนใช้ช้อนตักขึ้นมาซดคำนึง กับข้าวที่เธอทานส่วนใหญ่ล้วนไม่ใส่เครื่องปรุงเลย ล้วนเป็นรสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบ จืดและมีประโยชน์มาก ซุปปลาขาวข้นและสดมาก
ป้าหยูได้ทานข้าวมาแล้ว เธอถอดผ้าปูเก่าออกแล้วเปลี่ยนผ้าปูผืนใหม่ผ้าปูที่นอนกับปลอกผ้านวมต้องเปลี่ยนทุกวัน อากาศค่อนข้างร้อนแล้ว ร่างกายหลินซินเหยียนจะเป็นหนาวเย็นไม่ได้ ในห้องไม่ได้เปิดแอร์ เธอมีเหงื่อออกบ้างเป็นบางครั้ง ป้าหยูกลัวเธอจะเหนียวเหนอะหนะ เลยเปลี่ยนผ้าปูทุกวัน กลัวก็แต่เธอจะไม่สบายตัว
เธอปูผ้าปูให้เสร็จก็ได้เอาผ้าปูผืนเก่าออกไป พอเข้ามาอีกทีหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวก็ทานข้าวเสร็จแล้ว เธอเก็บถ้วยชามเข้าไปในกล่องอาหาร “คืนนี้ป้ากลับไป พรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่นะคะ?”
จงจิ่งห้าวอยู่ ตอนกลางคืนที่นี่คงไม่ต้องการเธอหรอก
“อืม” เขาตอบอืมคำนึง จากนั้นก็ได้หยิบเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ป้าหยูหิ้วกล่องอาหารไว้ เห็นเขาไปอาบน้ำก็ได้วางกล่องอาหารลงอีกครั้ง “ป้าทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จค่อยไป ห้องน้ำจะเปียกแฉะไม่ได้ ไม่งั้นกลางดึกไปเข้าห้องน้ำจะลื่นเอาได้”
ห้องน้ำของที่นี่ไม่ได้แยกโซนเปียกโซนแห้ง ป้าหยูจึงระวังสุดๆ แม้ว่าห้องน้ำได้ทำกันลื่นไว้แต่ก็ยังกลัวจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่ดี
จงจิ่งห้าวรู้ว่าป้าหยูกังวลอะไร เขาได้พูดว่า “ผมทำเองครับ”
ป้าหยูมองเขาอย่างประหลาดใจ “คุณชายเคยทำเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน? อีกอย่างคุณชายทำได้ไม่ดีแน่นอน”
จงจิ่งห้าวรู้สึกป้าหยูดูถูกเขาเกินไปแล้ว ก็แค่ถูพื้นให้แห้งไม่ใช่เหรอ มันจะไปยากอะไร
“ป้าหยูกลับไปพักเถอะค่ะ ปล่อยให้เขาถูเอง” หลินซินเหยียนอยากดูว่าจงจิ่งห้าวจะถูพื้นยังไง
เธอชักจะตั้งตารอแล้ว
ป้าหยูรู้สึกทั้งคู่ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนสามีภรรยากันแล้ว เธอบอกโอเคด้วยรอยยิ้ม “งั้นป้าไปแล้วนะ” ก็ได้หิ้วกล่องอาหารไปเลย
จงจิ่งห้าวมองเธอแว๊บนึง เหมือนรู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไรอยู่“เทคนิคที่ผมเป็นมีเยอะแยะ ต่อไปคุณจะค่อยๆพบเห็นเอง”
หลินซินเหยียนหัวเราะแต่ไม่พูด
จงจิ่งห้าวเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงน้ำได้หยุดลง เขาใส่ชุดคลุมอาบน้ำไว้ คอยเช็ดผมเปียกชุ่มพร้อมเดินออกมา หลินซินเหยียนพิงอยู่บนเตียง เอามือท้าวคางและมองดูเขา
เขาเดินมาหยิกแก้มเธอ “แอบดูผมอาบน้ำเหรอ?”
หลินซินเหยียนไม่ได้ตอบคำถามเขา แค่เตือนว่า “น้ำในห้องน้ำต้องถูให้แห้งนะคะ”
จงจิ่งห้าวรู้สึกหลินซินเหยียนกำลังดูถูกเขา คิดเหมือนป้าหยูว่าเขาจะทำได้ไม่ดี เขาเป็นถึงท่านประธานของบริษัท โปรเจคที่คุยล้วนหลายร้อยล้านหลายพันล้าน ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะมาดูถูกเขา?
เขาโยนผ้าขนหนูที่เช็ดผมไปบนโต๊ะ จากนั้นได้เดินเข้าไปในห้องน้ำ และมองดูรอบนึง ไม่มีไม้ถูพื้นเลยด้วยซ้ำ ด้านล่างมีผ้าขนหนูแขวนอยู่หลายผืน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่คนรับใช้ที่บ้านหรือพนักงานบริษัททำความสะอาดล้วนใช้ไม้ถูพื้นถูทั้งนั้น ทำไมที่นี่ไม่มีไม้ถูพื้นเลย หรือว่าต้องใช้ผ้าขนหนู?
เขาเอาผ้าขนหนูผืนนึงทิ้งไปที่พื้น ถูไปครู่นึง น้ำไม่ได้ซึมเข้าไปในผ้าขนหนูเลย ถูอีกหลายทีน้ำก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ลดลงเลย
หลินซินเหยียนอดขำไม่ได้จริงๆ “แช่ผ้าขนหนูให้เปียก บีบให้แห้งแล้วค่อยถูใหม่ก็ซับน้ำแล้วค่ะ ไม่เป็นก็ไม่เป็นสิ ดันยังจะฝืนอีก”
จงจิ่งห้าว “……”
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เขาเลยลุกขึ้นเลิกถูซะเลย เอาผ้าขนหนูหลายผืนนั้นปูไปที่พื้น แบบนี้ก็ไม่ลื่นแล้ว
หลินซินเหยียน “……”
ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจจริงๆ
จงจิ่งห้าวขึ้นมาโอบกอดเธอที่บนเตียง “นอนซะ อย่าเอาแต่ดูผมขายหน้าทั้งวัน”
หลินซินเหยียนซุกอยู่ในอ้อมอกเขาอย่างสบายใจ ในใจคิดอยู่ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด เขาทำงานบ้านไม่เป็นๆเรื่องปกติ สิ่งที่เขาถนัดน่าจะคือหาเงินใส่เข้ากระเป๋าตัวเองยังไง
คืนนี้หลินซินเหยียนหลับลึกมาก ตอนที่เธอตื่นขึ้นมาจงจิ่งห้าวก็ตื่นแล้ว ประตูของห้องน้ำเปิดเอาไว้ เขายืนอยู่หน้ากระจกกำลังติดกระดุมเสื้อสูทอยู่
หลินซินเหยียนบดบังสายตาไปครู่นึง ในห้องมีแสง เพิ่งตื่นนอนไม่คุ้นชินกับแสงแบบนี้
ผ่านไปครู่นึงเธอถึงสามารถลืมตาได้ปกติ
จงจิ่งห้าวเดินมา “คุณตื่นแล้วเหรอ? หิวหรือเปล่า? ป้าหยูน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
“คุณจะออกไปตอนนี้เหรอคะ?” หลินซินเหยียนเห็นเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ผมรอป้าหยูมาก่อน”
เขาค่อยไป
หลินซินเหยียนขยับร่างกายอยากลุกขึ้น จงจิ่งห้าวมาอุ้มเธอ ขณะนี้หน้าห้องได้มีความเคลื่อนไหว
“พวกคุณเข้าไม่ได้นะครับ”
มีเสียงฝีเท้าเยอะมาก แถมยังยิ่งอยู่ยิ่งใกล้
เสียงดัง“ปัง” ประตูของห้องผู้ป่วยถูกพุ่งชนออกอย่างแรง
คนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องก้มหน้าไว้ “พวกผมห้ามไว้ไม่ได้ครับ”