ถึงจะไม่หันหน้าไปมอง จงจิ่งห้าวก็รู้ว่าคนที่มาคือใคร แต่ไม่มีท่าทีว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย
เขาวางหลินซินเหยียนไว้ที่เบาะหลังอย่างมั่นคงแล้วปิดประตู เหมือนจะไม่อยากให้ไป๋ยิ่งหนิงเห็นเธอ
เขาเดินไปทางไป๋ยิ่งหนิงจับที่วางแขนทั้งสองของรถเข็นไว้ มองเขาจากด้านบน ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ขยับเงยหน้าสบตากับเขา
ตาทั้งสี่สบเข้ากัน แสงเงาดาบที่ไร้รูปร่าง
จงจิ่งห้าวขยับปาก สายตาที่แหลมคมเหมือนจะมองทะลุผ่านคนได้เลย “ประธานไป๋ ตัดใจไปเถอะ อย่าเอาแต่ห่วงของคนอื่น…….”
ตอนที่พูดเขาก็มองไปที่ขาที่ของไป๋ยิ่นหนิงทีหนึ่ง ความหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้ว “ภรรยาของผมไม่ชอบคุณหรอก อย่าเสียเวลาเลย”
จงจิ่งห้าวเกลียดที่สุดก็คือไป๋ยิ่นน้ำผึ้งงรู้ทั้งรู้ว่าหลินซินเหยียนเป็นผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว ก็ยังจะคิดถึงในใจอยู่ตลอดเวลา
รักที่ไม่เสียใจภายหลัง?
คืออยากจะบอกคนอื่นว่าเขารักเดียวใจเดียวหรอ?
ยิ่งคิด ความโค้งของปากจงจิ่งห้าวยิ่งเยาะเย้ยเข้าไปใหญ่ “ถึงแม้ว่าภรรยาของฉันจะหาใหม่ ประธานไป๋ก็จัดอันดับไม่ได้ด้วยซ้ำ”
ไป๋ยิ้นหนิงกัดฟันหลังไว้แน่น ถึงจะควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าได้
ขาทั้งสองคือความเป็นจริงที่เขาไม่สามารถรับได้ที่สุดในใจ
เขาแสยะยิ้ม “ประธานจง ใจร้ายขนาดนี้ เพราะกลัวหรอ?”
จงจิ่งห้าวหัวเราะ หัวเราะอย่างไม่รู้ความหมาย แต่กลับเต็มไปด้วยความหมาย “กลัว?ใช่แล้ว กลัวเจอคนที่หน้าโบกซีเมนต์นั่นแหละ”
ไป๋ยิ่นหนิงพยายามรักษามารยาท “วันนี้ฉันมาเพราะมาหาประธานจง ฉันรู้ว่าช่วงนี้เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นเยอะ ฉันว่าประธานจงเองก็น่าจะไม่ง่ายเลย เอางี้ ลืมเรื่องก่อนแล้วมาร่วมมือกันเถอะ”
จงจิ่งห้าวขยับปาก เต็มไปด้วยคำเตือน “จะง่ายหรือไม่ง่าย ก็ไม่จำเป็นต้องให้ประธานไป๋เป็นห่วง แล้วก็ ห่างจากผมหน่อย”
พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้น เมื่อมือทั้งสองออกมาจากที่วางแขน เหมือนจะออกแรงเล็กน้อย รถเข็นไปถอยหลังไปหลายเมตร
ไป๋ยิ่นหนิงสีหน้าไม่เปลี่ยน เขามองจงจิ่งห้าวที่เดินไปทางรถ “ฉันรู้ว่าประธานจงเป็นคนที่หยิ่ง แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาต่อรองเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เธอท้อง สถานการณ์ข้างนอกไม่ดีต่อเธอมาก ถึงจะทำเพื่อเธอ ก็ควรจับมือคืนดีกัน ผ่านสถานการณ์ตอนนี้ไปก่อน”
“ประธานไป๋คิดว่าที่นี่เป็นไป๋เฉิงหรอน้ำผึ้ง” ซูจ้านแทรกคำพูดที่ประชด ไม่ชอบน้ำเสียงการพูดของไป๋ยิ่นหนิงมาก เอาแต่พูดว่าดีต่อหลินซินเหยียน เขาคือใคร?ด้วยสถานะอะไร?
ทำไมถึงได้หน้าด้านขนาดนี้?
“ไม่รู้ว่าประธานไป๋จะเอาอะไรมาร่วมมือ”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้สนใจซูเสิ่นแต่ใช้น้ำเสียงที่มั่นใจว่า “ก่อนหน้านี้ฉันบังเอิญเจอหมอสูตินรีเวช ว่ากันว่าเมื่อ 30 ปีก่อนจงฉีเฟิงเคยพาผู้หญิงคนหนึ่งไปทำคลอดที่นั่น บางทีนี่อาจจะไม่แปลก แต่ที่แปลกคือ เธอไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลใหญ่โตอะไร แต่เป็นแค่โรงพยาบาลแถบชานเมืองเล็กๆ ผู้หญิงคนนั้นพึ่งคลอดเสร็จก็ถูกพาตัวไปอย่างเร็ว ประธานจงคุณไม่สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ?คิดว่าสถานะของแม่คุณเฟวินเสียน ไม่มีทางไปทำคลอดที่โรงพยาบาลเล็กๆ แบบนั้นหรอกใช่ไหม?”
เขารู้ว่าเกิดเรื่องของหลินซินเหยียน เป็นโอกาสที่เขาจะล้มเหวิงชิง แต่ว่าความสามารถของเขายังไม่พอ ก็เลยต้องดึงจงจิ่งห้าวมาเข้าข้าง ก็เลยแอบไปสืบเรื่องเมื่อ 30 ปีก่อน
เวลาผ่านไปนานเกิน เบาะแสไม่พอ แต่ว่าเขาถือว่าโชคดี
ในสถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสแบบนี้ เขาทำได้แค่เดาแล้วตั้งเป้าหมาย
นั้นก็คือหาหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเฉิงยู่ซิ่วเคยทำการคลอดลูกมาก่อน
ขอแค่สามารถยืนยันได้ว่าเธอเคยทำคลอด เรื่องต่อจากนั้นเขาก็คไม่ต้องไปสืบต่อแล้ว ความจริงทุกอย่างจะค่อยๆ ลอยออกจากผิวน้ำเพราะเรื่องนี้
เมือง Bใหญ่มาก แต่ว่าจำนวนโรงพยาบาลมีจำกัด ขอแค่เขากระจายจำนวนคน ก็ต้องหาเบาะแสอะไรเจอแน่นอน อย่างที่คิด การทำงานหนักได้ผลตอบแทนที่คู่ควร
ขอแค่ยืนยันได้ว่าเหวินชิงไม่ใช่ลุงของจงจิ่งห้าว จงจิ่งห้าวจะยังรู้สึกเกรงกลัวเหวิงชิงอยู่ไหมนะ?
เหวินชิงล้มลงก็สามารถเข้าใจถึงภาวะของหลินซินเหยียน เขาก็สามารถล้างแค้นของพ่อบุญธรรมได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
จงจิ่งห้าวหยุดฝีเท้าลง ตัวที่เกร็งทื่อ บนหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย
หลินซินเหยียนคิดไม่ถึงว่าไป๋ยิ่นหนิงจะหาเบาะแสอะไรเจอได้ เขาไม่ใช่ตกลงกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องนี้อีกหรอ?
เธอกระวนกระวาย มือทั้งสองสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เธอกดหน้าต่างลง มองจงจิ่งห้าว “พวกเราไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
เธอเหลือบตามองไป๋ยิ่นหนิงทีหนึ่ง แต่ไม่นานก็เก็บสายตาไป
ซูจ้านยืนอยู่ข้างรถก็ไม่กล้าพูดอะไรแทรก นี่มันเรื่องอะไรกัน?
30ปีก่อนพาจงฉีเฟิงผู้หญิงคนหนึ่งไปทำคลอดที่โรงพยาบาลเล็กๆ แถบชาญเมือง?
“จิ่งห้าว” หลินซินเหยียนเรียกเขาอีกครั้งเบาๆ
จงจิ่งห้าวหันหัวกลับไป มองไป๋ยิ่นหนิงทีหนึ่ง ดูเหมือนจะไร้ความรู้สึก แต่ที่จริงในใจกลับอยู่ไม่สงบเลย
เขารู้ว่าเรื่องที่หลินซินเหยียนปิดบังเขานั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับเขา ถ้าก่อนหน้านั้นยังแค่สงสัย ถ้าอย่างนั้น หลังจากคำพูดของไป๋ยิ่นหนิง และการกระวนกระวายของหลินซินเหยียน ก็ยืนยันแล้วว่าข้อสงสัยของเขานั้นถูก
ผู้หญิง 30 ปีก่อน ความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่ว……
ดูเหมือนจะเป็นเส้นด้ายวุ่นวายไปหมด แต่พอทำให้เรียบแล้วก็เป็นเส้นตรงเส้นเดียว
ความคิดนับพันไม่เคยแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาเดินไปที่รถแล้วยื่นมือเข้าไปจับหน้าของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนจับมือของเขาไว้ จับแน่นมาก “ฉันไม่ค่อยสบาย พวกเรากลับบ้านเถอะ”
มือของเธอเย็นมาก ฝ่ามือมีเหงื่อ กลัวว่าจะกระทบโดนเด็กในครรภ์ จงจิ่งห้าวเปิดประตู
หลินซินเหยียนขยับเข้าไปข้างในเพื่อทิ้งที่ว่างให้เขา ถึงแม้ว่าตอนนี้ในใจจะมีคลื่นยักใหญ่ เขาก็ไม่ได้แสดงออกต่อหน้าหลินซินเหยียนเลยแม้แต่น้อย แต่ไปจับท้องของเธออย่างเป็นห่วง “ตรงนี้ไม่สบาย?”