“ฉันง่วงจริงๆค่ะ” เธอพูดเน้นเสียง
จงจิ่งห้าว “…”
เขาโอบเธอแน่น แผงอกแข็งแกร่งแนบชิดติดกับแผ่นหลังของเธอ “ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว นอนเถอะ”
……
หกโมงเช้ากว่าๆพระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นจากท้องฟ้าด้านทิศตะวันออก
“อือ—”
หลินซินเหยียนพลิกตัว เอื้อมมือออกไป ตำแหน่งที่สัมผัสไม่มีร่างกายที่อบอุ่น เธอค่อยๆลืมตาขึ้น เพิ่งตื่นยังปรับตัวกับแสงเหล่านี้ไม่ได้เลยใช้มือขึ้นมาบังเอาไว้ ข้างๆไม่มีใครอยู่แล้ว แม้แต่อุณหภูมิก็ไม่มีเหลือ น่าจะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว
เธอขมวดคิ้ว เมื่อวานก็กลับมาซะดึกดื่น แถมออกไปตั้งแต่เช้าขนาดนี้ จะพักผ่อนพอไหมเนี่ย?
เธอลุกขึ้นนั่ง หยิบมือถือตั้งใจจะโทรหาเขา เลื่อนหาเบอร์โทรของเขาแต่กลับไม่ได้กดโทรออก คิดว่าเขาน่าจะมีธุระแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกไปตั้งแต่เช้าขนาดนี้ ตนเองโทรไปตอนนี้ คงจะไม่เหมาะ
เลยวางโทรศัพท์ลง ดึงผ้าห่มออกและลงจากเตียงเดินไปห้องอาบน้ำล้างหน้าล้างตา ตอนที่เธอบีบยาสีฟันอยู่นั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงก็ดังขึ้น เธอแปรงฟันไปด้วยเดินเข้ามาหยิบโทรศัพท์ไปด้วย เป็นเบอร์ของเสิ่นเผยซวน เธอหยิบแปรงฟันออกจากปาก กดรับโทรศัพท์ ทางนั้นมีเสียงเสิ่นเผยซวนดังออกมา “พี่สะใภ้ เห็นข่าวรึยัง?”
“ข่าวอะไร?”
“รีบไปดูเถอะ”
หลินซินเหยียนรู้สึกงุนงง เอามือถือลงและค้นหาข่าวเช้าวันนี้ของเมืองB พาดหัวข้อข่าว เกี่ยวกับคดีฆ่าคนตายคาบาร์ ทางตำรวจแจ้งผลการคลี่คลายคดี เป็นนักโทษหลบหนีโดนตำรวจยิงเสียชีวิต วิดีโอที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้มีคนเจตนาร้ายตัดต่อขึ้นมา ไม่เป็นความจริง
ตำรวจเมืองBได้โพสต์กระบวนการทั้งหมดของคดีนี้บนWeibo อีกทั้งยังลงมติทำการเตือนของคดีนี้ ห้ามเชื่อข่าวลือและปล่อยข่าวลือ เพื่อมีส่วนช่วยรักษาความสงบของสังคม
Baidu Weibo ที่ไหนๆก็เต็มไปด้วยข่าวนี้ แค่เช้าวันหนึ่งก็แพร่กระจายไปเรียบร้อยแล้ว หลินซินเหยียนหลับตาลง เมื่อวานเขากลับมาตั้งค่ำมืด ตอนเช้าก็ออกไปเช้าขนาดนั้น ก็เพราะเรื่องนี้น่ะหรอ?
“พี่สะใภ้เห็นรึยัง?” เสียงของเสิ่นเผยซวนดังออกมาอีกครั้ง
หลินซินเหยียนถือมือถือเข้ามาแนบหูอีกครั้ง ตอบว่า “เห็นแล้ว”
“เรื่องสนุกมักจะมาตอนท้าย ผู้ก่อเหตุเรื่องนี้หนีไม่พ้นหรอก”
“เหวินชิงหรอ?”
“ไม่ใช่ เฉินชิง…”
“เฉินชิง?” หลินซินเหยียนรู้สึกประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่ใช่เหวินชิงเป็นคนเริ่มขึ้นมาหรอ?
“จริงๆแล้วเบื้องหลังเฉินชิงเป็นคนสร้างกลอุบายทั้งหมด ใช้ประโยชน์จากความเกลียดชังที่เหวินชิงมีต่อคุณ แต่ต่อหน้าช่วยเขาวางแผน เหอรุ่ยเจ๋อเหอรุ่ยหลินต่างก็เป็นหมากของเขา หลอกใช้พวกเขาเพื่อให้ตระกูลเหอมาแก้แค้นคุณ แต่เขายืนอยู่ข้างหลังรอรับผลประโยชน์ทั้งหมด เขาคิดเอาเองว่าไม่มีใครรู้ ที่จริงแล้วไม่รู้ว่าพวกเรากุมหลักฐานการทำความผิดของเขาเอาไว้อยู่…”
คืนวันนั้นจงจิ่งห้าวพบเหวินชิงเสร็จก็ไปพบเหอเหวินหวยต่อ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหวินชิงยอมอ่อนลงก่อน เป็นฝ่ายถอนคดี เรื่องครั้งนี้ก็จะเกี่ยวโยงไปถึงเขาแน่
ตอนนั้นจงจิ่งห้าวให้เสิ่นเผยซวนไปพบเหอเหวินหวยก็เพื่อไปหยั่งเชิงเรื่องการตายของเหอรุ่ยเจ๋อ ว่าเขาร่วมมือกับเฉินชิงหรือไม่
ผลสรุป กลับไม่ใช่ แต่เป็นข้อตกลงระหว่างเฉินชิงกับเหอรุ่ยเจ๋อ เหอรุ่ยเจ๋อรู้ตัวดีว่าตนเองจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นก่อนที่เขาจะไปที่บาร์ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปที่ตระกูลเหอ เฉินชิงไปหาเขา บอกว่าถ้าหากเขายินดีตาย จะช่วยตระกูลเหอได้ แถมยังช่วยเหอรุ่ยหลินให้ออกมาได้อีกด้วย เพราะงั้นเขาเลยตอบตกลง
ตัวเขาคนเดียว แลกกับเหอรุ่ยหลินได้ออกมา เป็นประโยชน์ต่อตระกูลเหอ เขายินดีอย่างแน่นอน
จดหมายฉบับนี้บังเอิญยิ่งกว่าบังเอิญ ตอนที่เสิ่นเผยซวนไปหาเหอเหวินหวย เหอเหวินหวยพึ่งจะได้รับพอดี
เสิ่นเผยซวนเลยบอกเรื่องการตายของเหอรุ่ยหลินให้เขาฟัง พร้อมกับหยิบหลักฐานออกมา
ตอนนั้น เหอเหวินหวยถึงรู้ว่าตนเองถูกเฉินชิงหลอกใช้ พอรู้ความจริง เขาแน่นอนว่าไม่ยอมปล่อยเฉินชิงไปแน่
เขาไม่ใช่จะไม่มีวิธีรับมือกับเฉินชิงซะทีเดียว ทั้งสองคนพบกันและพูดคุยกัน เขาได้อัดคลิปวิดีโอไว้ในที่ลับ เดิมทีเพื่อใช้ป้องกันเฉินชิงสะบัดเขาทิ้ง เอาไว้ใช้ข่มขู่เขา
ตอนนี้กลับกลายเป็นหลักฐานของบทบาททุกอย่างที่เฉินชิงทำในเรื่องนี้แล้ว
รวมถึงการตายของเหอรุ่ยหลิน คมหอกชี้ตรงไปที่เขา จะต้องถูกจับไปสอบสวนแน่นอน
เบื้องบนเร่งรีบที่จะขจัดคนชั่ว เฉินชิงมาก่อเรื่องในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ จบไม่ดีแน่
อันนี้หลินซินเหยียนถึงกับคาดไม่ถึง “เขาทำอย่างนี้ไปทำไม?”
เธอกับเขามีความแค้นต่อกันงั้นหรอ?
เพราะอะไรถึงพยายามทำทุกอย่างขนาดนี้ เพื่อใส่ร้ายเธอกันล่ะ?
“หลักๆผมไม่ค่อยรู้หรอก ผมคิดว่าน่าจะมีจุดประสงค์ของเขาเอง ไม่อย่างนั้นไม่เสียสติขนาดนี้หรอก ที่โทรมาหาคุณก็เพื่อบอกคุณนี่แหละ ไม่ต้องกังวลเรื่องคดีของเหอรุ่ยเจ๋ออีกแล้วนะ เรื่องมันจบลงไปแล้ว”
“เขาล่ะ?” หลินซินเหยียนถาม ทำไมถึงเป็นเสิ่นเผยซวนที่โทรหาเธอ?
“จงฉีเฟิงมาแล้ว ตอนนี้อยู่ในสำนักงานของเขา ผมคิดว่าเขาคงไม่มีเวลามาโทรหาคุณ ดังนั้นผมเลยโทรมาบอกคุณก่อน”
“ฉันรู้แล้ว ไม่มีอะไรแล้วฉันวางก่อนนะ” ในมือของหลินซินเหยียนยังถือแปรงฟันอยู่เลย ทางนั้นเสิ่นเผยซวนตอบว่าครับมาหนึ่งคำ
เธอวางสายโทรศัพท์เอาโทรศัพท์วางบนโต๊ะแล้วเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ เมื่อคืนไม่ได้อาบน้ำเธอรู้สึกเหนียวตัว เธอเลยอาบน้ำ เปลี่ยนชุดที่สะอาด บางทีอาจเป็นเพราะว่าอาบน้ำมา ทั้งเนื้อทั้งตัวสดชื่นขึ้นมาเยอะเลย
เธอลงมาชั้นล่าง ป้าหยูเตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อย เฉิงยู่ซิ่วกำลังล้างหน้าให้หลินลุ่ยซี หลินซีเฉินล้างหน้าเสร็จแล้วเลยนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร
พอเห็นเธอ หลินซีเฉินก็ทักทาย “หม่ามี๊อรุณสวัสดิ์”
หลินซินเหยียนลากเก้าอี้ออกและนั่งลง ตอบกลับว่า “อรุณสวัสดิ์จ่ะเสี่ยวซี”
“หม่ามี๊พูดอรุณสวัสดิ์กับหนูด้วยสิ” หลินลุ่ยซีล้างหน้าล้างมือเสร็จแล้วก็รีบวิ่งมาทางนี้ หลินซินเหยียนจนปัญญากับเธอจริงๆ เตือนเธอให้ช้าลงหน่อย กล่าวอย่างจนใจและเอ็นดู “อรุณสวัสดิ์เสี่ยวลุ่ย”
เด็กหญิงน้อยดีใจแล้ว ปีนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ป้าหยูวางนมสดลงตรงหน้าพวกเขา “รีบกินอาหารเช้าเถอะค่ะ”
เด็กทั้งสองเริ่มทานกันแล้วเฉิงยู่ซิ่วถึงจะเดินเข้ามา เธอนั่งลงข้างหลินลุ่ยซี ยกนมวัวขึ้นดื่มหนึ่งอึก มองหลินซินเหยียน “อีกเดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอก เธออยากจะซื้ออะไรไหม ฉันจะซื้อมาให้”
“ให้หม่ามี๊ไปกับเราสิคะ” หลินลุ่ยซีเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งให้หลินซินเหยียนออกไปด้วยกัน
เฉิงยู่ซิ่วขมวดคิ้ว “ที่ฉันพูดเมื่อวานเธอลืมแล้วหรอ? ในท้องของหม่ามี๊มีทารกน้อย ออกแรงมากไม่ได้…”
“งั้นก็ได้ค่ะ” หลินลุ่ยซีรู้สึกหมดหวังเล็กน้อย เดิมทีอยากจะไปเที่ยวด้วยกันกับหม่ามี๊
ดูท่าตอนนี้จะไม่ได้แล้ว
“เฮ้อ เด็กคนนี้นี่นะ ทำไมถึงคึกคักขนาดนี้?” เมื่อวานก็เข้าใจดีแล้วว่าในท้องของหลินซินเหยียนมีทารกน้อยอยู่ เดินไม่ได้ วันนี้ก็ยังจะเอ่ยขึ้นมาอีก
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปกับพวกเธอด้วยละกัน” หลินซินเหยียนอารมณ์ดี เมฆดำที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวมาตลอดในที่สุดก็สลายไป เหมือนว่าแสงอาทิตย์ด้านนอกจะสดใสแล้ว
“ร่างกายเธอ?” เฉิงยู่ซิ่วไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่
“ฉันรู้สึกสบายดี พรุ่งนี้ฉันมีเวลาว่างจะไปโรงพยาบาลสักรอบค่ะ” เธอยิ้มและกล่าวออกมา
เฉิงยู่ซิ่วก็ไม่อยากขัดความสุข “ก็ได้ เสี่ยวลุ่ยอยากไปกับเธอพอดีเลย อีกสักพักป้าหยูก็จะตามไปด้วย คนเยอะจะได้ดูแลกันได้”
หลินซินเหยียนพยักหน้า ที่ตื่นเต้นมีความสุขที่สุดก็คือหลินลุ่ยซี “เราไปสวนสนุกกันเถอะค่ะ หนูอยากเล่นรถบั๊มพ์”
“ได้ พาเสี่ยวลุ่ยไปทั้งที ยอมให้ละกัน ครั้งเดียวเล่นให้พอนะ” เฉิงยู่ซิ่วลูบหัวหลานสาว
กินข้าวเสร็จป้าหยูก็มาจัดเก็บจาน เพราะว่าอากาศค่อนข้างร้อน เฉิงยู่ซิ่วเลยสวมเสื้อกันลมและหมวกกันแดดให้เด็กทั้งสองคน
“อีกสักพักก็ต้องไปห้างสักรอบ ซื้อเสื้อผ้าหน้าร้อนให้เด็กทั้งสองคนหน่อย กำลังจะถึงหน้าร้อนแล้ว”
หลินซินเหยียนนั่งบนโซฟาจับคางแล้วพูดว่า “ดีค่ะ”
เฉิงยู่ซิ่วมองเธอครู่หนึ่ง “เธอก็ควรซื้อเสียหน่อย ได้หลายเดือนแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้จะสวมไม่ได้แล้วนะ”
“แม่ คุณซื้อให้ฉันสิ” หลินซินเหยียนออดอ้อนเธอ
“ฉันน่ะขอไม่ให้ง่ายๆหรอก” เฉิงยู่ซิ่วยิ้ม
ป้าหยูจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเดินออกจากบ้านเป็นกลุ่ม บอดี้การ์ดสี่คนในบ้านก็ตามมาด้วย ขับรถสามคันออกไป
เฉิงยู่ซิ่วกับเด็กๆแล้วก็หลินซินเหยียนนั่งอยู่ในรถMPVเจ็ดที่นั่งคันกลาง เด็กสองคนเล่นอยู่ที่เบาะหลัง หลินซินเหยียนนั่งข้างเฉิงยู่ซิ่ว เธอหันไปมองเด็กสองคนแวบนึง ลังเลอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “จิ่งห้าวไม่รู้ว่าไปพบอะไรเข้า หลายครั้งฉันเห็นเขาดูไม่ปกติ”
แม้ว่าเขาจะเก็บซ่อนไว้ได้ดี แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ เขามีเรื่องเก็บไว้ในใจ
“แม่…”