เมื่ออ่านจดหมายจบแล้วหลี่จ้านก็ยังคงตะลึงงันอยู่อย่างนั้น
รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเอาเสียเลย
เพราะว่าเหวินเสียนจากโลกนี้ไปเร็วมาก เขาไม่ค่อยมีภาพจำเกี่ยวกับน้าคนนี้เท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้มีเรื่องแบบนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา นี่มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ
เหวินชิงถูกช่วยได้ทันเวลาจึงไม่เป็นอันตรายอะไรกับชีวิต แต่ร่างกายก็ยังคงทรุดอยู่แบบนั้น สภาพจิตใจก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แค่รู้สึกอยากเจอหลินซินเหยียนมาก
ดังนั้นเขาก็เลยอยากจะมาหาหลินซินเหยียน แต่ไม่นึกว่าจะบังเอิญเจอที่นี่
” พ่อของผมเขา…… “
” หลี่จ้าน ” หลินซินเหยียนผละออกมาจากจงจิ่งห้าว ก่อนจะตัดบทหลี่จ้านยกใหญ่ เธอมองไปที่เขา” ฉันไม่อยากเจอคุณอีก หวังว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของเรา โอเคไหม “
เธอดูหนักแน่นมาก ไม่อยากที่จะเกี่ยวข้องกับคนของตระกูลเหวิน เลยสักนิด เธอกับเหวินชิงก็เคยพูดว่า นี่เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา
ไม่ว่าตอนนี้เขาจะเป็นยังไง เธอก็ไม่อยากเจอเขาอีก
หลี่จ้านยืนมองหลินซินเหยียนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ อย่างเหม่อลอย เป็นพักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ ท่าทีที่เด็ดขาดของเธอเป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ ที่ผ่านมา หลินซินเหยียนเป็นคนที่ทำให้คนรอบข้างอบอุ่นเสมอและทำให้รู้สึกอยากเข้าหา
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นท่าทีเย็นชาแบบนี้ เขาเองก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่
เขายังอยากพูดอะไรบางอย่างต่ออีกหน่อย แต่หลินซินเหยียนก็ไม่เปิดช่องให้เขาพูด เธอรีบขึ้นรถไปหรือยังส่งเสียงเร่งคนขับรถอีก ” ออกรถเลยค่ะ “
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นมาตัดผ่านแก้มของเธอ ก่อนที่จะเอาผมยุ่งเหยิงที่ปรกตามหน้าเธอทัดไว้ข้างๆ หู ใบหน้านั้นดูนิ่งสงบ ไร้ซึ่งอารมณ์ เพียงแต่เป็นใบหน้าที่เรียบเฉยที่กำลังจ้องไปทั้งเธอ ทำเป็นนิ่งสงบและเยือกเย็น ” ไปเจอเหวินชิงมาเหรอ “
หลินซินเหยียนพยายามหลบสายตาเขา ไม่กล้าสบตาตรงๆ ” ไปเจอมา แต่ฉันไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเขาอีกแล้วล่ะ “
การที่หลี่จ้านพูดออกมาแบบนั้น จงจิ่งห้าวต้องรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ถ้าเธอตอบว่าไม่ได้ไปเจอก็จะทำให้เขายิ่งสงสัยเรื่องนี้เข้าไปกันใหญ่
เธอเลยชิงซุกเข้าไปในแผงอกของเขา ” ฉันเหนื่อยแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน “
” ไม่ไปดูหนังแล้วเหรอ ” เขาลดสายตาลงมา ก่อนจะเก็บซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้ดวงตานั้น
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นเหนื่อย แล้วดุ๊กดิ๊กอยู่ในอกของเขาไปมา ” อื้ม ฉันไม่อยากดูแล้วล่ะ “
จงจิ่งห้าวบอกให้คนขับรถกลับคฤหาสน์ทันที เขาเอามือข้างหนึ่งกอดหลินซินเหยียนที่อยู่ในอ้อมกอด อีกมือหนึ่งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลี่จ้าน ให้ไปรอเขาที่บริษัท
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าหลินซินเหยียนปิดบังเขาว่าไปหาเหวินชิงแล้วคุยเรื่องอะไรกัน
หลี่จ้านที่หลุดจากหลุดจากภวังค์และเตรียมที่จะกลับโรงพยาบาล เขาก็ได้รับข้อความจากจงจิ่งห้าว เขาได้เปลี่ยนเส้นทางจากที่จะไปโรงพยาบาลเป็นไปที่ว่านเยว่กรุ๊ปแทน
รถจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ หลินซินเหยียนเปิดประตูเตรียมที่จะลงจากรถ จงจิ่งห้าวจับมือเธอไว้ ก่อนจะกุมมือแล้วพูดว่า ” ที่บริษัทมีเรื่องด่วนน่ะ ผมต้องไปจัดการ “
หลินซินเหยียนหันมามองเขา ตอนแรกอยากจะใช้เวลาที่มีค่านี้อยู่กับเขา แต่เห็นแบบนี้ ก็คงจะทำไม่ได้แล้วล่ะ เธอเลยเอี้ยวตัวมาจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของเขา รู้สึกไม่อยากให้เขาไปเลย แต่ยังไงก็ต้องผละตัวออกมา เธอยิ้มแล้วพูด ” ขอบคุณนะ ดอกไม้สวยมากเลย ฉันชอบมากๆ ที่บริษัทมีเรื่องคุณรีบไปก่อนเถอะ “
เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถไป ยิ่งมีเรื่องก่อกวนใจอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้รู้สึกไม่อยากให้เขาไป แต่เธอกลัวว่าจะร้องไห้ต่อหน้าเขา ก็เลยรีบเดินลงจากรถ
จงจิ่งห้าวเปิดกระจกรถลง ” กลางคืนผมจะรีบกลับมานะ “
เธออุ้มดอกไม้ช่อนั้นแล้วยืนอยู่หน้าประตู จากนั้นก็พูดต่อว่า ” ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณ ” เธอมองเค้ายังอะไรอาวรณ์ จนรถขับไกลสายตาจนหายลับไป
เธอจึงหันตัว ระหว่างที่เดินเข้าบ้านไปก็โทรศัพท์หาเสิ่นเผยซวนไปด้วย ไม่นานเขาก็รับสาย
” เผยซวนฉันเองนะ “
เสิ่นเผยซวนที่อยู่ข้างนอกกำลังทำคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางรถอยู่ เมื่อได้รับสายของหลินซินเหยียน ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรแต่ถามขึ้นว่า ” มีเรื่องอะไรหรือเปล่า “
” คุณช่วยโทรไปหาจิ่งห้าวให้หน่อย แล้วบอกว่าแม่ของฉันต้องการพบเขา “
” หืม “
” บอกไปว่าแม่ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา เกี่ยวกับตัวฉัน “
” เกี่ยวกับเรื่องของคุณงั้นเหรอ ” เสิ่นเผยซวนกำลังงงฉงนกับคำพูดของเธอ
” พูดตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน “
เธอไม่ได้บอกกับเสิ่นเผยซวนว่าเพราะอะไร รอให้เธอจากไปก่อน เขาก็คงเข้าใจเธอแล้ว
เรื่องที่จงจิ่งห้าวอ้างว่าบริษัทมีเรื่องเข้ามา เธอก็พอจะรู้แล้ว ทั้งๆ ที่วันนี้เขาบอกกับเธอว่าจะอยู่กับเธอทั้งวัน แต่ว่า จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่าบริษัทมีเรื่องหรือธุระเข้ามา แน่นอนว่าเขาต้องไปสืบค้นว่าทำไมเธอถึงไปเจอเหวินชิง
แทนที่จะให้เขาตามสืบตามค้น เธอยอมที่จะบอกเขาด้วยตัวเองยังดีเสียกว่า
เสิ่นเผยซวนตอบตกลงสั้นๆ ก่อนจะวางสายไป จากนั้นก็โทรหาจงจิ่งห้าว
พอปลายสายรับแล้วเขาก็พูดขึ้นว่า ” จวงจื่อจิ่นอยากเจอคุณ “
” หืม ” จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว
” บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณ เกี่ยวกับพี่สะใภ้น่ะ “
จงจิ่งห้าวลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็ให้คนขับรถยูเทิร์นกลับไปที่โรงพยาบาล หลินซินเหยียนบอกกับเสิ่นเผยซวนแบบนี้ เพราะรู้ว่าเมื่อจงจิ่งห้าวรู้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ เขาจะต้องรีบไปหาจวงจื่อจิ่นก่อนอยู่แล้ว
เมื่อรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตัวเองต้องจากไป ก็เลยหาทางหนีทีไล่ไว้แล้วเพื่อที่จะตั้งตัว
เหวินเสียนเหลือเอกสารให้เธอฉบับหนึ่ง ในนั้นมีที่อยู่ของบริษัท เธอแค่ต้องหาบริษัทนั้นให้เจอ เธอก็จะเจอกับคนที่เหวินเสียนบอกว่าสามารถช่วยเธอได้
ตอนนี้ เธอจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ระดับนี้ไว้ก่อน ถ้ามีแค่ตัวเธอเอง คงจะถูกจงจิ่งห้าวหาเจอได้ง่ายๆ
ของในบ้านเธอก็ไม่ได้เอาไปเช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้นป้าหยูก็จะเห็นว่าเธอทำอะไร เธอเลยพาลูกทั้งสองคนไป ถึงจะเป็นอย่างนั้น ป้าหยูก็ยังถามขึ้นมาอีกว่า ” คุณจะพาเด็กทั้งสองคนไปไหนเหรอ “
” ไปที่บริษัทน่ะค่ะ จิ่งห้าวบอกว่าวันนี้จะพาพวกเราไปกินข้าว ” หลินซินเหยียนยิ้ม มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเธอมีความคิดที่จากที่นี่ไป
ป้าหยูพยักหน้า รู้สึกว่านี้ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน ” ไปเถอะ แต่กลับมาเร็วหน่อยก็ดีนะ คุณยังท้องยังไส้อยู่จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ “
หลินซินเหยียนตอบตกลง เธอจุงมือลูกทั้งสองออกจากบ้านไป เธอไม่ได้คนขับรถขับให้ แต่ตัวเองเป็นคนขับเอง
เธอคาดเข็มขัดนิรภัยให้ลูกทั้งสอง ” หม่ามี๊ พ่อจะชวนพวกเราไปกินข้าวจริงๆ เหรอคะ “
หลินลุ่ยซีกะพริบตาปริบๆ เอ้อ ไม่สิ ตอนนี้เธอควรจะเรียกจงเหยียนซีแต่บางครั้งหลินซินเหยียนก็ยังคงเรียกเหมือนเดิม เธอรูปหน้ากลมรูปไข่ของเด็กน้อยเบาๆ ” เสี่ยวลุ่ย หม่ามี๊ จะพาลูกไปที่ที่หนึ่งสักพัก “
เด็กสาวตัวน้อยขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร ” ไปที่ไหนสักพักล่ะ “
หลินซินเหยียนอธิบายให้เด็กทั้งสองฟังไม่ทันแล้ว ” รอถึงที่นั่นแม่จะบอกลูกเองนะ “
แล้วเธอก็ขึ้นไปสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
หลินลุ่ยซียังอยากจะถามต่อ แต่ก็ถูกหลินซีเฉินจับมือเอาไว้ ” มีหม่ามี๊อยู่ พวกเราก็ไม่หลงหรอกนะ หม่ามี๊บอกเองว่าจะเล่าให้เราฟัง พวกเรารอเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ “
คิดดูดีๆแล้ว ยังไงหม่ามี๊ก็อยู่ข้างๆ เรานี่เนอะ หลินลุ่ยซีก็เก็บเสียงเงียบเราไม่ถามอะไรต่อ
หลินซินเหยียนไม่ได้ขับรถคันนี้เพื่อที่จะจากใบเสร็จทีเดียว แต่เอารถไปจอดในที่ที่มีรถจอดเยอะๆ ก่อนจะนั่งแท็กซี่จากไป แล้วทิ้งรถไว้ริมถนนตรงนั้น
ที่อยู่ของJKกรุ๊ปอยู่เมืองB ติดกับเมืองC ระยะทางที่ห่างกันนั้นก็ไม่ได้ไกลมาก การนั่งรถแท็กซี่ก็ทำให้ยากที่จะสะกดรอยตาม แต่หากเป็นรถของที่บ้านแล้ว ถ้าจงจิ่งห้าวอยากจะตรวจสอบ ไม่นานนักเขาก็จะเจอตัวเธอ เธอก็เลยต้องทิ้งรถ แล้วนั่งแท็กซี่ออกมา
ถ้ากอดลูกสาวและลูกชายของตัวเอง จากนั้นก็ลูบหัวพวกเขา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า ” พวกเราอาจจะต้องไปจากพ่อสักพักนึง ระยะเวลาช่วงนี้ ลูกๆ ก็อยู่กับแม่ไปก่อนดีไหมจ๊ะ “
หลินซีเฉินกลับรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน แต่หลินลุ่ยซีนั้นอาจเป็นปัญหา เพราะลูกสาวของเธอค่อนข้างติดจงจิ่งห้าวมาก ถ้าไม่เจอก็คงคิดถึง
” ถ้าหนูคิดถึงพ่อขึ้นมาล่ะ ” เด็กสาวตัวน้อยทำตาวิบวับ