ทั้งสี่คนดูแล้วไม่เหมือนผู้ช่ำชอง หน้าตาท่าทางดูเหมือนคนที่ขาดประสบการณ์ แสดงออกอึดอัดและไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ แต่ก็มีสองคนที่รู้สึกอยากลอง ราวกับรู้สึกดีต่อผู้ชายสองสามคนในนี้
กู้เป่ยกวักมือ “เข้ามาให้หมด ล็อตนี้พึ่งเข้ามาใหม่ทั้งหมด สะอาดเลยล่ะ”
ที่ทำให้เขาพอใจที่สุดก็คือคนที่ชื่อซางหยู หน้ารูปไข่ห่านขาวสะอาดตัวเล็ก ผมสีดำมัดหางม้าเรียบร้อย ไม่สูงมาก เหมาะสำหรับเด็กสาวตัวเล็ก ดวงตาสีชา มีออร่าทั้งยังบริสุทธิ์
เห็นผู้หญิงแต่งหน้าจัดๆชอบโพสท่ายั่วยวนมาจนชินแล้ว มีเด็กสาวบริสุทธิ์ขนาดนี้มาปรากฏตรงหน้าอย่างกะทันหัน ความรู้สึกมันแตกต่างกันลิบลับ
ได้แต่จินตนาการ ว่าถ้ากดเด็กสาวที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ลงใต้ร่าง มันจะตื่นเต้นเร้าใจขนาดไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเพิ่มความสัมพันธ์กับจงจิ่งห้าว เขาเสียดายที่จะให้คนอื่น
เขาชี้ไปที่ซางหยู กระดิกนิ้ว “เธอมานี่”
ซางหยูสองมือกำชายเสื้อ เหงื่อออกเต็มฝ่ามือ สายตาค่อยๆมองไปยังเสิ่นเผยซวนที่นั่งริมสุดกำลังเล่นมือถืออยู่
หลังจากที่เข้าใจความหมายของจงจิ่งห้าว เสิ่นเผยซวนก็แกล้งทำเป็นเล่นโทรศัพท์ เขาไม่รู้สึกสนใจผู้หญิงที่อยู่ที่นี่ รู้ว่ามีคนเข้ามาก็ไม่ได้เงยหน้า
ซางหยูยืนนิ่งไม่ขยับ หน้าของกู้เป่ยเย็นชาขึ้น น้ำเสียงก็ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนเมื่อกี้ น้ำเสียงเข้มขึ้น “นั่งตรงนี้”
เขาตบลงตรงที่นั่งข้างๆจงจิ่งห้าว
ซางหยูยังคงไม่ขยับ เพื่อนนักเรียนที่ยืนข้างเธอผลักเธอเล็กน้อย พูดเบาๆว่า “เธอไปสิ นั่งกับผู้ชายที่หล่อที่สุดในนี้เลยนะ ถ้าหากว่าถูกใจเธอขึ้นมา เธอก็ได้เลื่อนขั้นเลยนะ ที่มาที่นี่ ต่างก็เป็นคนมีเงินทั้งนั้น”
“เธอหมายความว่ายังไง? ไม่ใช่บอกว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟหรอ?” ซางหยูรู้สึกใจสั่น งานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารของเธอ ถูกคนแทนที่แล้ว เขาบอกว่ารับสมัครพนักงานระยะยาว เลยปลดเธอออก
งานแจกใบปลิวก็ไม่ได้มีทุกวัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็จะไม่มีรายได้ เพื่อนนักเรียนบอกว่าที่นี่รับสมัครพนักงานเสิร์ฟเธอถึงตามมา มาถึงแล้วถึงจะรู้ว่าเป็นสถานที่แบบนี้
เธอรู้สึกเสียใจภายหลังเป็นอย่างมาก อีกอย่างพอเห็นเสิ่นเผยซวนเข้าในใจก็ยิ่งเหน็บหนาวขึ้นไปอีก เดิมทีเธอรู้สึกเคารพนับถือผู้ชายคนนี้มาก จำได้ว่าเขาเคยไปหาตนเองที่โรงเรียน นำเงินที่แม่ฝากมาให้เธอ เธอรู้สึกว่าคนคนนี้เป็นคนดีที่ซื่อตรง
ตอนนี้เห็นว่ามาในที่แบบนี้เหมือนกัน ก็ไม่ถือว่าเป็นคนดีอะไร ความซื่อตรงเกรงว่าคงจะแสดงให้คนอื่นเห็นซะมากกว่า
จงจิ่งห้าวเอนหลัง เสื้อเชิ้ตสีขาวสูทสีดำแต่งกายแบบคลาสสิคสุดๆ ณ ตอนนี้เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมออกสองเม็ด ต้นคอเรียวยาว ลูกกระเดือกที่นูนออกมา เค้าโครงตรงส่วนโค้งนั้นเซ็กซี่เป็นพิเศษ แสงไฟที่ส่องเฉียงลงมานั้นมืดสลัวๆ เขาหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กลง “เจ้านายกู้นี่มันหมายความว่ายังไง?”
กู้เป่ยรีบหัวเราะกลบเกลื่อนเล็กน้อย “นี่น่ะ พึ่งมาวันนี้ ยังไม่รู้กฎระเบียบ ขอเวลา3นาที”
ขณะพูดเขาก็ลุกขึ้นยืน บีบแขนของซางหยูไว้แน่น หน้าตาโหดเหี้ยม ข่มขู่เบาๆ “มาแล้วก็อย่าทำมาเป็นแสดง ลูกไม้แสร้งปล่อยเพื่อจับ ไม่พอดู เรียกเธอมาก็เพราะถูกใจเธอ ถ้าดูแลคนนี้ดี อยากได้เงินเท่าไหร่บอกราคามา แต่ถ้ากล้ามากำเริบเสิบสานที่นี่ ฉันจะทำให้เธอตายทั้งเป็น!”
ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้เอะอะจนกระตุ้นความสนใจของเสิ่นเผยซวน สายตาของเขาถูกดึงออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ค่อยๆมองมา พอเห็นเด็กสาวที่ตกใจจนตัวสั่นยืนอยู่ข้างประตู ตะลึงไปพักหนึ่ง แปลกใจที่เธอมาปรากฏตัวอยู่ในที่แบบนี้
ซางหยูถูกกู้เป่ยบังคับดึงเข้ามา เขาส่งยิ้มให้กับจงจิ่งห้าว “ให้คุณเห็นเรื่องตลกซะแล้ว แต่ว่าใสซื่อบริสุทธิ์แบบนี้ ถึงจะน่าดึงดูด” เขาหัวเราะอย่างเปิดเผย “คุณว่าอายุขนาดพวกเรา ไม่ยอมแต่งงาน เพื่ออะไร? ถ้าไม่ใช่เพราะอยากสนุก ไม่มีคนผูกมัดไงล่ะ”
งานแต่งงานของจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนตอนนั้นเป็นการแต่งงานลับๆ มีคนรู้ไม่มาก ต่อมากลับมา ข้างนอกก็มีข่าวลือว่าข้างกายจงจิ่งห้าวมีผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไงก็ไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน ไม่ได้พาไปออกงานสังคม ผู้ชายที่มีฐานะมีหน้ามีตาแบบนี้ ข้างกายจะมีผู้หญิงสักคนเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ไม่มีประกาศอย่างเอิกเกริก ทุกคนก็ไม่จริงจังอะไร คิดว่าแค่เล่นๆเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ทุกคนรู้ก็คือเหอรุ่ยหลิน แต่ว่าก็แค่หมั้น ต่อมาก็ถอนหมั้นแล้ว เรื่องที่เฉินชิงอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับจงจิ่งห้าว ก็เป็นเพียงแผนลับๆ ไม่ได้แต่งงาน จะกล้าไปประกาศทั่วได้ไง มาวันนี้เฉินชิงก็ไม่มีตำแหน่งแล้ว มีเพียงแค่ลูกสาวคนเดียว ถือว่าฐานะทางบ้านตกต่ำ ยังจะมีความกล้าที่ไหนมาข่มขู่จงจิ่งห้าว
ฝันหวานที่คิดอยากจะให้ลูกสาวแต่งกับจงจิ่งห้าวก็ต้มซุปไปได้เลย
ตอนนี้เกรงว่าจะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่รอด เหอเหวินหวยรู้ว่าเฉินชิงหลอกใช้ตนเอง หลอกลวงตนเอง ทำร้ายลูกชายลูกสาวของตนจนตาย แค้นครั้งนี้คงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว จะให้เฉินชิงมีบั้นปลายชีวิตที่สงบสุขได้ยังไง
เฉินชิงแค่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเท่านั้น จะคลายความโกรธของตระกูลเหอที่สูญเสียสองชีวิตไปได้อย่างไร
ตระกูลเหอไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อน ตระกูลเฉินก็เพราะเฉินชิงถูกปลดจากตำแหน่งไม่มีที่พึ่ง ใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคนแล้ว
กู้เป่ยกดซางหยูนั่งลงข้างๆจงจิ่งห้าว ขณะนั้น เสิ่นเผยซวนลุกขึ้นยืน มองไปที่จงจิ่งห้าว “คนนี้ ฉันรู้สึกถูกใจ ยกให้ฉันละกันนะ?”
ซูจ้านเกือบจะไม่อ้าปากค้าง เบิกตากว้าง มองเสิ่นเผยซวนอย่างไม่อยากจะเชื่อ โอ้พระเจ้า บุรุษผู้นี้อยากจะขึ้นสวรรค์ ในที่สุดก็มีความปรารถนาต่อผู้หญิงแล้วหรอ?
แต่ว่าสถานที่และเวลาเหมือนจะไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่ ปกติเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอสาวงามมาก่อน รอบนี้ทำไมถึงปรารถนาได้ ขอผู้หญิงจากจงจิ่งห้าว?
หรือว่าในห้องนี้มีของอะไรที่ทำให้จิตใจคนสับสนได้?
เขารีบหันไปมองทั่วทั้งสี่ด้าน ก็ไม่เห็นมีลูกไม้อะไร เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเสิ่นเผยซวน “นาย…”
เสิ่นเผยซวนปัดมือเขาออก “ไปอีกทางเลย”
ซางหยูนั่งนิ่งไม่ขยับ รู้สึกว่าเสิ่นเผยซวนก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน
จงจิ่งห้าวเผยให้เห็นแค่เพียงครึ่งตัว จ้องหน้าเสิ่นเผยซวน ในใจคิดแบบเดียวกันกับซูจ้าน ผู้หญิงไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอ วันนี้ทำไมมาถูกใจคนนี้เข้า?
เขากังวลว่าจะเป็นกู้เป่ยใช้อุบายอยู่เบื้องหลัง หลอกเสิ่นเผยซวน
“เคยเจอกันมาก่อน ก็เลย…” เสิ่นเผยซวนอธิบายออกมาอย่างแข็งทื่อ
“ฉันนี่ตาถึงจริงๆ แม้แต่หัวหน้าเสิ่นก็ยังถูกใจเข้า แต่ว่าสาวสวยคนนี้มีแค่คนเดียว หัวหน้าเสิ่นเลือกสักคนจากในอีกสามคนเป็นไง? สามคนนี้ก็ไม่เลว ต่างก็เป็นสาวๆทั้งนั้น หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่” กู้เป่ยบนหน้ายิ้ม แต่ในใจกลับดูถูก เขาคนข้างกายของจงจิ่งห้าวก็แค่นั้นแหละ ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นเอง
“นานๆทีเผยซวนจะมีที่ชอบ” ความหมายแฝงคือตกลงให้เขา
กู้เป่ยขยับปากแต่กลับไม่ได้พูดอะไร ยังไงก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาพี่น้อง ถึงอย่างไรจุดประสงค์ของเขาก็บรรลุไปแล้วครึ่งหนึ่ง เรื่องสนใจผู้หญิง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนียวแน่น จะต้องมีรอยแตกสักวัน ค่อยใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์
เสิ่นเผยซวนดึงซางหยูเข้ามา ซางหยูอยากจะแกะมือเขาออก กลับถูกเสิ่นเผยซวนบีบแน่นขึ้นไปอีก เตือนเสียงเบาๆ “นี่ ว่าง่ายๆหน่อย!”
กู้เป่ยยิ้ม “หัวหน้าเสิ่นหากว่ารีบร้อน ชั้นข้างบนมีห้องนะ”
เสิ่นเผยซวนก็ยิ้มเช่นกัน “ผมมีคำถามอยากจะถามเจ้านายกู้พอดีเลย สาวน้อยคนนี้ เป็นคนของเจ้านายกู้หรอครับ?”
“ไม่ใช่” กู้เป่ยยังไม่ทันได้พูด ซางหยูก็เปิดปากปฏิเสธ
กู้เป่ยมองซางหยูครู่หนึ่ง ยิ้มแห้งๆ “เธอมาหางาน ฉันให้งานเธอ พวกเราไม่ใช่นายจ้างลูกจ้างหรือไง? ฉันเป็นเจ้านายเธอ ทำไมจะไม่เกี่ยวข้องกันล่ะ?”
“พวกเราไม่มีหนังสือสัญญา คุณก็ยังไม่ได้ให้ค่าจ้างฉัน สถานะนายจ้างลูกจ้างถือว่าไม่มีผล” ซางหยูไม่ใช่คนโง่ที่ไม่มีการศึกษา หากไม่ใช่เพราะว่ารีบร้อนหางานทำ ก็ไม่มีทางมาตกอยู่ในสถานที่แบบนี้หรอก ตอนนั้นที่เพื่อนนักเรียนพูดออกมา แม้แต่ถามว่าเป็นที่ไหนเธอก็ไม่ได้ถาม แล้วก็ตามมาด้วยแล้ว หลังจากที่มาถึง คิดอยากจะไป ก็ไม่ง่ายเลย แบบนี้ถึงได้มาโผล่ตรงนี้ไง
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนของเจ้านายกู้เหมือนกัน ถ้างั้นอีกเดี๋ยวผมพาคนไปด้วย เจ้านายกู้คงจะไม่ถือสาใช่มั้ยครับ?”