หลินซินเหยียนอึ้งไปทีหนึ่ง ถึงรู้ว่าคำพูดนี้ของเขากำลังพูดถึงใครอยู่
ความหมายนี้คือจงจิ่งห้าวสะดุดเขาหรอ?
ผู้ชายคนนั้นก็นะ ทำไมถึงได้ปัญญาอ่อนขนาดนี้กัน?
“เธอไม่อยากพูดอะไรหน่อยหรอ?” ไป๋ยิ่นหนิงกลับมองเธอไว้อย่างมีความหวัง ถึงจะลำบากหน่อยก็ไม่เป็นอะไร ถ้าได้ความเป็นห่วงจากเธอเล็กน้อยก็ถือว่าคุ้มแล้ว
ขณะเดียวกันก็ยิ้มขมขื่นในการถาม ทำไมตัวเองถึงได้เหลวไหลขนาดนี้เท่าไร
นี่คือเสียสติไปแล้วหรอ?หรือว่ามีความโน้มที่ชอบทำร้ายตัวเอง?เพียงเพื่อให้เธอสามารถพูดคำเป็นห่วง?
“นายเข้าใจผิดไปรึเปล่า?” หลินซินเหยียนไม่ได้ยอมรับโดยตรง
ไป๋ยิ่นหนิง “………..”
นี่คือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับเขาหรอ?หรือว่าไม่อยากยอมรับที่ผู้ชายของเธอเป็นคนใจแคบ?
“ไม่ใช่ นอกจากเขาแล้วฉันไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง ไม่มีคู่ต่อสู้ทางธุรกิจที่จะกล้าทำอะไรฉันง่ายๆ เลย ถ้ากล้าก็ทำไปนานแล้ว ไม่รอให้ถึงตอนนี้หรอก ครั้งนี้เหมือนนัดกันแล้วออกมือกันหมดเลย ถ้าจะบอกว่าเบื้องหลังไม่มีคนคอยไปวางแผน ฉันไม่เชื่อหรอก” ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ไปสืบ เพราะเขากลัวถูกโจมตีกะทันหัน ไม่มีเวลาไปสืบหาหลักฐาน แต่ว่าเขาสามารถมั่นใจได้ว่าคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังก็คือจงจิ่งห้าว
“รู้อะไรไหม?ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนที่ทำงานกับฉันจงรักภักดีพอ ก็ถูกคนอื่นดึงไปด้วยเงินเดือนที่สูงแล้ว ไป๋ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ คาดว่าจะล้มละลายแล้ว”
“ฉันเป็นห่วงนายเป็นการส่วนตัว” ฟังที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดจนจบ หลินซินเหยียนอยากจะกุมขยับเลย เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจงจิ่งห้าวจะจัดการกับไป๋ยิ่นหนิง
ถ้าจะบอกว่าขัดแย้ง เหมือนว่าจะไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์มากเกินไป
อีกอย่างไป๋ยิ่นหนิงกลับไป๋เฉิงตั้งนานแล้ว ก็จะไม่ก้าวเข้าไปในเมืองBโดยง่ายดาย แค่เรื่องนี้ที่หลินซินเหยียนไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจงจิ่งห้าวถึงได้ลงมือจัดการกับไป๋ยิ่นหนิงหนักขนาดนี้ด้วย
พูดด้วยใจจริง มันก็เกินไปจริงๆ
“หืม?” ไป๋ยิ่นหนิงยักคิ้วนี่หมายความว่ายังไง?
หลินซินเหยียนไม่ได้มองเขา เพียงแต่มองดูเงาต้นไม้ที่ถูกแสงสะท้อนไว้บนถนน “โบราณว่า แต่งงานกับไก่ตามไก่ แต่งงานกับสุนัขตามสุนัข ฉันแต่งงานกับเขา ไม่ว่าเขาทำอะไรฉันก็ต้องสนับสนุน นี่เป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดี”
ในใจไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้ของจงจิ่งห้าว รู้สึกผิดต่อไป๋ยิ่นหนิงเป็นอย่างมากก็จริง แต่เธอกลับจะบอกว่าเป็นความผิดของจงจิ่งห้าวไม่ได้ หนึ่งนั้นเป็นสามีของเธอ สองและที่สำคัญที่สุดคือถ้าไป๋ยิ่นหนิงยังไม่ตัดใจจากเธอ แล้วเธอยังไปเป็นห่วงและขอโทษ นั้นไม่ใช่การให้ความหวังเขาหรอ?
ดังนั้นที่เธอต้องทำคือเข้าข้างสามีตัวเอง ทำให้ไป๋ยิ่นหนิงตัดใจไปซะ
ไป๋ยิ่นหนิงขยับปากจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา “แต่งงานกับไก่ตามไก่ แต่งงานกับสุนัขตามสุนัขนี่ดีจริงๆ เลย ถึงจะเชย แต่กลับน่าฟังอย่างผิดปกติ นี่ถ้าให้จงจิ่งห้าวได้ยิน คาดว่าถ้าหลับอยู่ก็จะดีใจจนตื่นแน่”
หลังจากเสียงหัวเราะแล้วเสียงของเขาก็อ่อนลง “สมกับที่เป็นสามีภรรยากันจริงๆ ทำร้ายคนขึ้นมาไม่ออมมือกันเลย โหดเหมือนกันจริงๆ”
หลินซินเหยียนแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ “เวลาไม่เช้าแล้ว ฉันควรกลับแล้ว ลูกๆ บอกว่ารอฉันกลับไปอยู่ ฉันไม่ดีที่จะอยู่ข้างนอกนานเกินไป”
“ฉันไปส่งเธอ” ไป๋ยิ่นหนิงกลัวว่าหลินซินเหยียนจะปฏิเสธ บอกว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เธอคนเดียวฉันไม่วางใจ เพราะว่าฉันเป็นคนเรียกเธอไว้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะว่าฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็บาปหนักเลย”
เขาพูดขนาดนั้นแล้ว หลินซินเหยียนก็เลยไม่ปฏิเสธแล้ว ไป๋ยิ่นหนิงโทรให้เกาหยวนให้เขามา เกาหยวนพักอาศัยอยู่ละแวกนี้ก็ไปเร็วมาเร็ว รถของไป๋ยิ่นหนิงได้ทำการดัดแปลงพิเศษมาก่อน ข้างประตูสามารถวางคันเบรกได้ คนๆ เดียวก็สามารถดันเขาขึ้นรถได้
ในรถมีที่ว่างไว้หนึ่งที่ เอาไว้ใช้ใส่ล้อเข็น ข้างๆ เป็นที่นั่ง
ขึ้นไปนั่งในรถไป๋ยิ่นหนิงก็ถาม “พักอยู่ที่ไหน?”
หลินซินเหยียนบอกที่อยู่ตัวเองให้เขา เกาหยวนก็ขับรถไปออกไปเลย
ตลอดทางทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลย ด้วยเหตุนี้ในรถก็เลยเงียบ
ไป๋ยิ่นหนิงไม่พูดอะไรเพราะว่าในใจรู้สึกอึดอัดมาก ถึงจะมีใจที่แข็งแกร่งขนาดไหน ต่อหน้าความซื่อตรงของหลินซินเหยียนก็ยังได้รับบาดเจ็บ
เขาโกรธตัวเองที่ไม่ได้เรื่อง แต่ว่าความรู้สึกที่มีต่อคนๆหนึ่งจะไปควบคุมได้ยังไง
คาดว่านี่จะเป็นข้อที่ยากที่สุดตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงตอนนี้ ไม่อย่างนั้นนักเขียนบทกวีโบราณก็เขียนพวกกลอนที่ซาบซึ้งยืนยาว
จำได้ว่าเขาเคยเห็นบทกลอนที่ไม่มีหัวข้อ สามารถบ่งบอกอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้อย่างมาก : คนรักถูกกั้นด้วยภูเขาและทะเล ภูเขาทะเลไม่สามารถปรับขนาดเท่ากันได้ คนที่คิดถึงกั้นด้วยเมฆ เสียดายที่ตัวเป็นมนุษย์
น่าจะผ่านไปประมาณ 30 นาที รถก็ได้จอดอยู่ที่หน้าปากทางเข้า
ไป๋ยิ่นหนิงถอนหายใจทีหนึ่ง เก็บความคิดทุกอย่างแล้วมองไปทางเธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
หลินซินเหยียนไม่ได้รีบลงจากรถ แต่พูดกับเกาหยวนว่า “นายเลี่ยงให้หน่อยได้ไหม?ฉันอยากคุยกับประธานไป๋บ้านนายลำพัง”
เกาหยวนหันไปมองไป๋ยิ่นหนิง เห็นเขาพยักหน้า ก็ได้จอดไว้นิ่งสนิทเสร็จเปิดประตูลงไป
ไม่นานในรถก็เหลือแค่พวกเขาสองคน
หลินซินเหยียนคิดอะไรสักพัก แล้วมองเขาด้วยสีหน้าที่สงบ “ระหว่างฉันกับเขามีปัญหาเล็กน้อย จะบอกว่าหนักก็หนัก…….”
“นี่เป็นเหตุผลที่เธอมาอยู่ที่นี่?” ไป๋ยิ่นหนิงแปลกใจที่เธอสารภาพกับตัวเอง เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ปกติใจเย็นเกินไปจนไม่เหมือนผู้หญิงเลย
ตอนนี้กลับยอมเปิดใน ทำให้เขาดีใจมาก
“ใช่”
เขารีบถามคำถามที่อยู่ในใจออกมาทันที “ฉันมีโอกาสไหม?”
“ไม่มี” หลินซินเหยียนแทบจะพูดอย่างโหดร้าย “ฉันพูดพวกนี้กับนาย เพียงแค่อยากจะบอกนายว่า ตอนที่ฉันตัดสินใจออกห่างจากสักพัก ฉันถึงรู้ว่า ที่แท้ฉันรักเขามากขนาดนี้ ดังนั้น นอกจากเขาแล้วฉันไม่มีทางรักคนอื่นได้อีก”
ก่อนหน้านี้ไป๋ยิ่นหนิงมีความสุขมากแค่ไหน ตอนนี้ก็เสียใจและละอายใจมากแค่นั้น
หลินซินเหยียนเปิดประตูลงจากรถ เธอยืนมองไป๋ยิ่นหนิงอยู่หน้าประตู “อายุก็ไม่น้อยแล้ว รีบหาคนข้างกายเถอะ อย่ารอให้อายุเยอะแล้วไม่มีใครเอา ต้องโดดเดี่ยวไปตลอด นั้นมันจะเสียเวลาที่ดีไปเปล่าๆ ฉันตั้งตารอบัตรเชิญงานแต่งของนายอยู่นะ”
ไป๋ยิ่นหนิงฝืนยิ้ม “เธอนี่ใจร้ายใจดำกับฉันจริงๆ เลยนะ ไม่กลัวว่าฉันจะถูกแทงตายเลยหรอ?”
“นายไม่ตายหรอก นายยังไม่ได้แก้แค้นให้พ่อนายเลย จะตายง่ายๆ ได้ยังไง?นายจะมีชีวิตที่ดี” หลินซินเหยียนโบกมือให้เขาแล้ว สุดท้ายแล้วพูดว่าระวังความปลอดภัยบนท้องถนนด้วยนะ จากนั้นก็ปิดประตูรถ เดินตามแสงบนถนนเข้าไปในซอย
ไป๋ยิ่นหนิงหรี่ตาไว้ มองแผ่นหลังของเธอผ่านกระจกรถ มุมปากยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ฉีกรอยยิ้มที่ซับซ้อนออกมา
สิ่งที่เขาชื่นชมไม่ใช่ความเด็ดขาดของเธอตรงนี้หรอ?
เด็ดขาด เข้าใจหัวใจตัวเอง ทำอะไรไม่เอื่อยเฉื่อย ดีกว่าผู้ชายคนอื่นเยอะ
อยากจะเกลียดเธอแค่ไหน แต่กลับเกลียดไม่ลงสักที
เขาขยับหน้าต่างลงแล้วตะโกนไปทางเธอ “ฉันจะแต่งงาน”
ท่าทางของเธอในวันนี้ ทำให้เขารู้ว่า เขาไม่มีโอกาสและความหวังแล้วจริงๆ สิ่งที่ทำได้ก็คือแอบเอาเธอไว้ในใจเท่านั้นแหละ
ทำได้เพียงแอบคิดถึง แอบรำลึกถึง
ถ้าเป็นเธอไม่ได้ เป็นใครยังไงก็ได้
หลินซินเหยียนได้ยินแล้วแต่ไม่ได้หันหัวกลับมา เพียงแค่ยกมือโบกทีหนึ่ง บอกเขาว่าได้ยินแล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงเรียกเกาหยวนกลับมา เขาไม่ได้กลับที่พัก แต่พูดว่า “พวกเราไปเมืองB”
เกาหยวนทำไมอยู่ๆ ถึงตัดสินใจจะไปเมืองBกัน หลินซินเหยียนพูดอะไรกับเขา?หรือว่าถูกกระตุ้นแล้ว?
“ตอนนี้หรอครับ?”
ไป๋ยิ่นหนิงอื้มเบาๆ ทีหนึ่ง
“แต่ว่าความร่วมมือของพวกเรากับประธานหลี่ยังไม่ลงตัวเลย ถ้าไปตอนนี้……….”
“ที่ฉันพูดไม่มีประโยชน์แล้วใช่ไหม?” ไป๋ยิ่นหนิงขัดคำพูดของเกาหยวนอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี อย่าพูดอะไรกับเขาในตอนนี้ ให้เขาอยู่เงียบๆ สักพัก
เกาหยวนหุบปาก สตาร์ทรถอย่างเงียบๆ ทำตามที่เขาพูด
ไปถึงเมืองBก็เช้าแล้ว
ลิขิตไว้แล้วว่าวันนี้ไม่ใช่วันธรรมดา ไป๋ยิ่นหนิงคิดไม่ถึงว่า การที่เขามาเมืองBจะเป็นข่าวที่ใหญ่ขนาดนี้