ลู่หว่านหว่านก็มีแต่ความเกลียดชังในใจมาโดยตลอด จนถึงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมาสารภาพรักกับซางหยู มันทำให้เธอไม่สามารถกดความเกลียดและอิจฉาไว้ในใจได้ต่อไป จนต้องระเบิดออกมา วันนี้พอเห็นว่าคนที่เธอเกลียดลงมาจากรถเสิ่นเผยซวน ก็ลากซางหยูมาที่ประตูโรงเรียนเพื่อที่จะทำให้อับอายให้ซางหยูมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในโรงเรียนนี้
ซางหยูไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ก่อนหน้านี้เรื่องของพ่อเธอ เธอก็ถูกติฉินนินทามาโดยตลอด พอโตขึ้น แน่นอนว่าความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้น
อะไรที่เธอไม่เคยทำ เธอก็จะไม่ยอมรับ และก็จะไม่ยอมให้ใครมาใส่ร้ายป้ายสีจนด่างพร้อยทั้งนั้น
” ถ้าฉันไปโผล่ที่ซ่องโสเภณี ทำไมเธอถึงรู้ล่ะ หรือว่าเธอก็อยู่ที่นั่นเลยเห็นฉัน ถ้างั้นฉันอยากถามเธอหน่อยว่าทำไมเธอถึงไปอยู่ตรงนั้นล่ะ ฉันขายตัวเธอก็ยืนอยู่ข้างๆ เลยเห็นอย่างนั้นเหรอ ” สายตาเธอเฉียบคม มองหน้าลู่หว่านหว่านยังฟาดฟันและเอาเป็นเอาตาย
คำพูดของเธอก็มีเหตุผลเหมือนกัน
ทุกคนเริ่มหันไปมองลู่หว่านหว่านเหมือนกำลังตั้งคำถามเธอรู้ว่าคนอื่นเขาไปอยู่ที่ซ่องได้ไง
ลู่หว่านหว่านเริ่มทำตัวกระวนกระวาย แล้วพูดขึ้นว่า ” ฉันได้ยินเพื่อนพูดมาน่ะ ฉันไม่ได้โกหก ไม่เชื่อพวกเธอก็ลองถามสองคนนั้นสิ ” แล้วเธอก็ชี้ไม้ชี้มือไปที่เพื่อนนักเรียนอีกสองคน ” ซางหยู วันนี้ตอนกลางวันไม่ได้ลงมาจากรถผู้ชายคนหนึ่งหรอกหรือไง “
ตอนที่พวกเธอกลับมาก็เห็นซางหยูลงมาจากรถของผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ ดังนั้นก็เลยพูดกับทุกคนตามความจริง
” เห็นไหม ฉันไม่ได้โกหกใช่มั้ยล่ะ ว่าผู้หญิงคนเนี่ยพออยู่ในโรงเรียนก็ชอบทำตัวจน ทำเป็นน่าสงสาร เพื่อที่จะร้องขอความเห็นใจกับเพื่อนผู้ชาย แต่พออยู่ข้างนอกก็ทำเรื่องหน้าไม่อายยัง จะมีหน้ามาโรงเรียนอีก ถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงเอาหน้ามุดดินไปแล้ว “
ซางหยูกลับป่าวเพื่อกลั้นความโกรธเอาไว้ เพราะว่าตัวเองก็อธิบายไม่ได้ ก็เธอลงมาจากรถของเสิ่นเผยซวนจริงๆ
เมื่อเห็นว่าซางหยูไม่สามารถโต้แย้งได้ ลู่หว่านหว่านก็ยิ่งได้ใจมากกว่าเดิม ” ของไร้ค่าที่หน้าไม่อาย แต่ก็ยังจะมีหน้ามาปฏิเสธรุ่นพี่เจียง ก็เพราะความอวดดี ที่ดึงดูดผู้ชายได้ว่างั้นเถอะ “
ซางหยูโกรธจนหน้าเขียว เธอมองไปที่ลู่หว่านหว่านด้วยดวงตาที่เหมือนกับดอกไม้ไฟกำลังจะปะทุออกมา ” พูดจามั่วซั่ว! “
” ฮ่าฮ่า ถ้าฉันพูดจามั่วซั่ว แล้วเรื่องผู้ชายที่มีความสัมพันธ์กับเธอมาถึงโรงเรียนล่ะ ทำไม เวลานอนบนเตียงของชาวบ้านเนี่ย ไม่นึกว่าจะมีวันนี้อย่างงั้นเหรอ รู้จักคำว่าอับอายสองคำนี้ไหมว่าเขียนยังไง ” ลู่หว่านหว่านยิ่งพูดก็ยิ่งห่างความเป็นจริงยิ่งเลยเถิดไปเรื่อย ” แกเห็นไหมว่าเพื่อนกี่คนยืนมองแกอยู่เนี่ย ไม่งั้นแกก็ลองถอดเสื้อผ้าดูสิ ให้พวกเราชื่นชมเสียหน่อยว่าเนื้อหนังแกมีอะไรที่ดึงดูดผู้ชายนักหนา “
ซางหยูโกรธจัด ตอนนี้รู้สึกแค่ว่าในใจเหมือนไฟกำลังลุกท่วม
” ดูเหมือนแกจะโกรธและอับอายมากเลยนะ ทำไมเหรอ แกจะตอบฉันหรือไง ” ลู่หว่านหว่านฉีกยิ้ม
ซางหยูกำมือแน่น พยายามหลับตาสะกดอารมณ์และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ” ตบแก ก็เปื้อนมือฉันก็เปล่าๆ “
พูดจบก็จะเดินเข้าโรงเรียนไป แต่ลู่หว่านหว่านก็ยังราวีไม่เลิก ก่อนจะกระชากเสื้อเธอ เสื้อผ้าในหน้าร้อนก็จะบางเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อถูกดึงเข้าหน่อย ก็ทำให้เห็นเอวขาวบางนั้นโชว์ต่อสายตาของคนที่ยืนอยู่อย่างชัดเจน ลู่หว่านหว่านเห็นว่าเพื่อนผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องตาเป็นมัน ก็เกิดความคิดแย่ๆ ขึ้น จึงจงใจที่จะดึงเสื้อของเธอขึ้นอีก ” มิน่าล่ะถึงได้ดึงดูดผู้ชายนัก ดูเอวนี่สิ คงจะเล่นสนุกกับผู้ชายได้หลายท่าเลยสินะ “
ซางหยูพยายามดึงเสื้อลง แล้วมองลู่หว่านหว่านด้วยสายตาโกรธจัด จากนั้นก็ตะโกนใส่” ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! “
” ของไร้ค่า ยังจะทำตัวเป็นผู้หญิงใสซื่ออีกเหรอ ” ลู่หว่านหว่านทำท่าทีแยกเขี้ยวยิงฟัน ท่าทีดูดุร้าย ในใจก็อิจฉาริษยาหุ่นของซางหยู ถึงร่างกายของตัวเองจะไม่อวบ แต่หลังจากได้เห็นหุ่นของซางหยูแล้ว ก็เพราะว่าตัวเองก็ไม่เท่าไหร่ ถึงตัวเองจะผอมลงจนเหลือแต่กระดูก ช่วงสะโพกก็ยังใหญ่อยู่ดี ไม่เหมือนซางหยู เอวที่ดูบางและอวบอิ่ม กล้ามเนื้อที่ชัดเจน และกระดูกสะโพกที่ไม่กว้างไม่ใหญ่จนเกินไปขนาดกำลังพอดี
ตอนนี้ซางหยูถูกลู่หว่านหว่านยั่วโมโหจนโกรธจัด สุดท้ายก็เหยียบถูกเส้นที่เธอขีดไว้แล้ว เส้นความคิดเธอแทบจะขาดผึง จึงพริกมือไปผลักออก
การกระทำของซางหยูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ ลู่หว่านหว่านไม่ทันได้ตั้งตัว จึงไถลไปข้างหลังหลายก้าวเกือบจะคะมำ แล้วก็จบลงที่ท่าทางน่าตลก จนทำให้นักเรียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหัวเราะเยาะ
ลู่หว่านหว่านรู้สึกว่าซางหยูทำให้ตัวเองต้องขายหน้า จึงถลึงตา ยกมือขึ้นจะตบเธอ ขณะที่กำลังจะตวัดแขนเตรียมจะง้างตบ ก็ถูกใครบางคนจากข้อมือเอาไว้ ขณะที่โกรธจนขึ้นหัว ก็เลยเงยหน้าจะด่า ” ใครนักที่ชอบแส่เรื่อง…. “
ไม่เห็นใบหน้านั้นเข้าชัดๆ ประโยคที่จากนั้น ก็จุกอยู่ในลำคอลำคอ
ทุกคนที่ยืนอยู่โดยรอบเมื่อเห็นคนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็มองกันใหญ่ ใบหน้าของเสิ่นเผยซวนเมื่อไม่ยิ้ม ก็ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกถึงความแข็งกร้าว วันนี้เขาสวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ ทำให้ดูน่าเกรงขามมากกว่าเดิม
ด้านล่างก็มีคนกำลังซุบซิบ ” ว้า คุณลุงตำรวจมาซะงั้น “
” คุณ คุณ…… ” ลู่หว่านหว่านที่กำลังเกรี้ยวกราด ก็พอจะมองออกว่าลักษณะเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เมื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจจนพูดไม่ออก
เสิ่นเผยซวนเดิมทีก็เป็นคนที่ไม่พูดไม่จาอยู่แล้ว ถ้าหากเวลานี้เป็นซูจ้าน คงปากคอเราะราย ด่ากราดลู่หว่านหว่านอับอายจนไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว
เข้าสะบัดลู่หว่านหว่านออกอย่างเย็นชา ก่อนจะสาวเท้าไปยังซางหยู
ซางหยูก็มองเสิ่นเผยซวนที่อยู่ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนรอบข้าง ขอปรากฏตัวมาในช่วงเวลาที่เธอจนตรอกที่สุด เขาเดินเข้ามาหาเธอ โดยที่ไม่สนสายตาคนอื่นว่าจะมองยังไง
นี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว
เสิ่นเผยซวนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะยื่นกระเป๋าส่งมาให้ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า ” ฉันไปพูดกับผู้อำนวยการโรงเรียนให้ไหม “
คำพูดพวกนั้นมันแย่เกินไป เกรงว่าจะมีผลกับชื่อเสียงเธอในโรงเรียนนี้
ในใจของซางหยูทรมานเป็นอย่างมาก ไม่ได้รับกระเป๋าที่เขาส่งมาให้ แต่เงยหน้าขึ้นมองเขา ” คุณได้ยินที่ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยเหรอ “
เสิ่นเผยซวนตอบอืมสั้นๆ
” บนโลกนี้คนต่างก็ชอบสนใจเรื่องของคนอื่นกันทั้งนั้นแหละ เธออธิบาย คนอื่นจะเข้าใจว่าเธอกำลังแก้ตัว ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย ถึงพวกคนเหล่านั้นจะรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นก็ตามที “
คำพูดของซางหยูดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ หากเจอเรื่องแบบนี้แล้วก็ควรจะพูดให้ชัดเจน ควรจะทำให้มันละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่ทำแบบนี้ การอธิบายไป ถึงแม้คนอื่นจะไม่เชื่อ ก็ยังแสดงได้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะพูด เพราะยิ่งปกปิดมันก็จะยิ่งเห็นเด่นชัด ในขณะที่เสิ่นเผยซวนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ จู่ๆ ซางหยูก็เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วเอื้อมแขนอันเรียวยาวมาโอบรอบคอเขาเอาไว้ และจะเอาริมฝีปากแดงระเรื่อที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งจากลิปสติกมาก่อน เข้ามาใกล้เขา
เสิ่นเผยซวนยืนตัวตรง ก่อนจะเบิกตาโตจ้องมองไปยังใบหน้าน้อยๆ นั้นที่ห่างเพียงคืบนิ้ว เวลานั้นเขาตะลึงจนลืมที่จะโต้ตอบไป รู้ตัวแค่ว่าจมูกนั้นสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่หอมหวานละมุนมีกลิ่นอายของความใสบริสุทธิ์ลอยเข้ามา
ริมฝีปากของเขาถูกสิ่งนุ่มนิ่มบางอย่างกดเอาไว้ ทำให้เขาแข็งทื่ออยู่กับที่
ผ่านไปสักพักเขาจึงเพิ่งนึกได้ว่าซางหยูกำลังทำอะไรอยู่ ก็จะเอามือผลักเธอออก เธอยังเด็กอยู่เลยทำไมถึงได้…. แต่มือของเขายังไม่ทันที่จะได้ยกขึ้นมา ซางหยูก็ปล่อยเขา แล้วมองไปยังนักเรียนที่ยืนรายล้อมและวุ่นวาย ” ใช่ เขาคือผู้ชายที่ฉันคบอยู่ข้างนอก ก็อย่างที่เห็นล่ะ ฉันโตแล้ว มีกดอะไรที่ห้ามมีความรักงั้นเหรอ “
พูดจบเธอก็รับกระเป๋านักเรียนในมือของเสิ่นเผยซวนไป จากนั้นก็ผลักน้องเรียนที่ยืนขวางประตูทางเข้าอยู่ แล้ววิ่งเข้าโรงเรียนไป
เสิ่นเผยซวนมองตามเงาของร่างน้อยนั้นที่หายไปอย่างโดดเดี่ยว เมื่อต้องเผชิญกับคำดูถูกของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ไม่มีทางที่จะสู้ เมื่อมีใครบางคนออกมาปกป้อง
สีหน้าที่ดูตกใจจนไปถึงเย็นชาจนเป็นน้ำแข็งนั้น ก็ปรากฏมาเพียงชั่วขณะหนึ่งแล้วหายไป
เขาหันไปหาลู่หว่านหว่านที่ยังยืนงั่งอยู่กับที่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สูงไม่ต่ำ แต่ดูทรงพลังจนน่าตกใจ ” เธอชื่ออะไร “
ลู่หว่านหว่านกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ตกใจจนอยากจะถอยออกจากเขาให้ไกลกว่าเดิมอีกหน่อย
น้องเรียนรอบข้างที่สนุกกับการมุงดูดราม่าอยู่นั้น ก็พูดออกมาว่า ” เธอชื่อลู่หว่านหว่าน เป็นเพื่อนร่วมห้องของซางหยู แล้วยังอยู่หอเดียวกันด้วยนะ “
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า ก่อนจะแสยะยิ้มที่เย็นชาแปลกๆ ” ถ้าครั้งหน้าฉันได้ยินว่าเธอพูดจาดูถูกซางหยูอีก ฉันจะไปหาผู้อำนวยการโรงเรียน แล้วก็จะเชิญพ่อแม่ของเธอมาด้วย ฉันก็อยากจะรู้นักว่าพ่อแม่แบบไหนกัน ที่สอนลูกออกมาได้ใจจืดใจดำขนาดนี้ “
พูดจบเขาก็กว่าสายตาไปที่นักเรียนที่ยังคงยืนยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ” แยกตัวได้ละ “
ทุกคนก็ค่อยๆ กระจายตัวออก จงใจเดินกันช้าๆ เพราะยังอยากรู้ว่าจะเกิดดราม่าขึ้นอีกหรือเปล่า
เสิ่นเผยซวนเดินไปที่รถ ลู่หว่านหว่านกัดปากแน่น มองไปที่เสิ่นเผยซวนด้วยสายตาโกรธเกลียดรู้สึกว่าเป็นเพราะเขาทำให้ตัวเองต้องขายหน้า ต่อไปเธอจะอยู่ในโรงเรียนนี้อย่างไร
จะมองหน้าคนอื่นเขายังไง
” คุณก็เป็นคนมีฐานะไม่ธรรมดา อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วด้วย แล้วยังจะมาหาเด็กมัธยมอีก ห่างกันอีกไม่กี่ปีก็จะเป็นลูกสาวคุณได้แล้วใช่ไหมล่ะ ก็ยังไม่รู้จักยังอาย แล้วยังกดดันฉันอีก คิดว่าเห็นฉันเป็นนักเรียนก็เลยจะรังแกว่างั้นเถอะ “
เสิ่นเผยซวนหยุดฝีเท้า ลู่หว่านหว่านคิดว่าเขาจะมาตีเธอแน่ ก็เลยตกใจรีบวิ่งหนีไป
เมื่อเขาเห็นว่าลู่หว่านหว่านวิ่งหนีไปก็ถอนหายใจ ก่อนจะก้มหน้ากุมขมับเบาๆ จากนั้นก็เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง แต่ก็ไม่ได้สตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที แค่นั่งอยู่อย่างนั้น
ก่อนจะคิดย้อนกลับไปกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น มันกะทันหันเกินไป เขายังไม่ทันที่จะคิดพิจารณามาด้วยซ้ำ ครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงขนาดนี้ มันทำให้เขารู้สึกลึกซึ้ง โดยเฉพาะลมหายใจของเธอ