เขายืนมองอยู่อย่างนั้นจนเข้าภวังค์ มองจนรู้สึกหลงใหลและเคิบเคลิ้ม จนอยากจะพุ่งตัวเข้าไปแล้วก็เธอไว้ แล้วบอกกับเธอว่า ” ผมคิดถึงคุณ “
พวกเขายิ่งเดินยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพียงแค่เขาพูดออกมาเบาๆ พวกเขาก็คงได้ยินเสียงตัวเอง เขามากะทันหันเกินไป รีบมาอย่างรีบร้อน เลยไม่ทันได้คิดว่าจะไปเชิญหน้ากับเธออย่างไร
ก่อนที่พวกเขาจะเจอ ตัวเขาก็เลยยืนหลบอยู่ตรงซอกๆ หนึ่ง
ชีวิตนี้ นี่เป็นครั้งที่เขาขี้ขลาดที่สุดแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองรัก เผชิญหน้ากับลูก เขาดันถอยออกมาเสียได้
” หม่ามี๊ คืนนี้หนูทำเกี๊ยวน้ำด้วยได้ไหม ” เมื่อเดินมาถึงทางเข้าแคบคอนโด จงเหยียนซีก็ดึงแขนของหลินซินเหยียนแล้วถาม
หลินซินเหยียนก้มหน้าลงไปมองลูกสาว ก่อนจะขำแล้วถามออกมา ” ลูกทำเป็นด้วยเหรอจ๊ะ “
” ไม่เป็นหรอก แต่หนูก็เรียนรู้ได้นะคะ “
เมื่อน้องสาวพูดออกมา จงเหยียนเฉินก็พูดต่อ ” อันที่เธอบ้านก็กินเองแล้วกันนะ “
” หนูทำเอง ก็กินเองสิ เหอะ พี่อยากกินหนูก็ไม่ให้พี่กินหรอก ” จงเหยียนซีเชิดหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างอวดดี
จงเหยียนเฉินพูดเหมือนจะเป็นห่วง ” แล้วถ้าเธอห่อเกี๊ยวออกมา แล้วมันไม่มีไส้มีแต่แป้งจะทำยังไง “
” เป็นไปไม่ได้ พี่ต้องเชื่อใจกันสิ ” จงเหยียนซีลากมือพี่ชายไปมา ” หนูไม่ได้ไม่เคยห่อเกี๊ยวเสียหน่อย อย่าลืมสิ ว่าเมื่อก่อนหนูก็เคยห่อเกี๊ยวแห้งนะ หนูมีประสบการณ์นะ จะบอกให้ “
ครั้งนี้จงเหยียนซีพูดดาวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่ พูดจบ เจ้าตัวร้ายก็เอามือตบไปที่ไหล่ของพี่ชาย ” วางใจเถอะหน่า “
” ที่ฉันจำได้คือพวกแป้งหรือเปล่า ครั้งนี้พ่อไม่อยู่ ไม่มีใครกินที่เธอห่อหรอก ‘ มีลูกชิ้นระเบิด’ละสิไม่ว่า
” พี่….. ” จงเหยียนซีรู้สึกตัวเองถูกทำร้าย ก็ปล่อยมือจากพี่ชาย เปลี่ยนไปจูงมือกับหลินซินเหยียนแทน ให้เธออยู่ฝ่ายเดียวกับตัวเอง ” หม่ามี๊ หม่ามี๊ดูสิ พี่ชายนิสัยไม่ดีอ่ะ ชอบไม่ไว้ใจหนู เรายังพูดทำลายกำลังใจหนูอีก คุณครูก็บอกแล้ว ว่าเด็กต้องการกำลังใจและคำชมถึงจะก้าวหน้าได้ พี่ชอบทำลายกำลังใจหนู หนูจะฉลาดน้อยลงไหมเนี่ย “
หลินซินเหยียนอดไม่ได้ที่จะขำออกมา อืม หรือว่าต้องชมมีสักที ไม่งั้น ถ้าความฉลาดลดลงจะทำยังไงล่ะเนี่ย
” เหยียนซีเก่งที่สุดเลยจ้ะ ลูกต้องห่อออกมาได้ดีแน่ “
” ถ้างั้นหม่ามี๊ ผมจะห่อเกี๊ยวด้วย ” จงเหยียนเฉินก็พูดขึ้นมา เพราะทั้งหม่ามี๊ทั้งน้องสาวต่างก็ห่อเกี๊ยวกัน แล้วเขาจะทำอะไรล่ะ เขาก็คงต้องร่วมแจมด้วย ไม่ยอมถูกกีดกันให้ออกข้างนอกหรอก
หลินซินเหยียนรู้สึกเอ็นดูเรายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ” จ้ะๆ ตามใจพวกลูกเลย เพราะหนูอยากทำอะไรก็ทำกันนะ โอเคมั้ยจ๊ะ “
เด็กทั้งสองคำคิกคัก เหมือนจะได้ยินคำพูดที่เอือมระอาออกมาจากปากของหลินซินเหยียน แล้วคิดเรื่องแผงๆ ได้ จึงขำออกมา
เพราะพวกเขาเดินเข้ามาถึงเทพคอนโด เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไปไกลไม่ได้ยินเสียงอีก
จงจิ่งห้าวยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน จากที่ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ทำให้เขานึกถึงหลินซินเหยียนที่กำลังโกรธ ในขณะที่ลูกทั้งสองกำลังห่อ ‘ ลูกชิ้น ‘ แล้วให้เขากินทั้งหมด จุกจนทำให้เขาหลับไม่ได้ทั้งคืน
ตอนนี้คิดถึงมันแล้ว ก็ทำให้นึกถึงความรู้สึกในวินาทีนั้น และเขาก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
ความสุขที่แท้จริง มันง่ายดายเช่นนี้นี่เอง ไม่ต้องมีคำพูดที่ดูสวยรู้ ไม่ต้องมีทิวทัศน์ที่งดงามจนต้องลืมหายใจ แค่ความง่ายดายเช่นนี้ที่คนในครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน
เขายืนอยู่ริมถนนมองตึกที่หลินซินเหยียนอาศัยอยู่ ตั้งแต่ฟ้ายังสว่างจนเริ่มมืด เห็นชั้นของตึกนั้นค่อยๆ มีไฟสว่างขึ้นมา
เขาหาที่นั่งแล้วนั่งลง จากนั้นก็ทิ้งสูทไว้บนพื้นข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้น มองอยู่อย่างนั้นเงียบๆ กำลังคิดจินตนาการว่าตอนนี้คนที่อยู่ในนั้นกำลังทำอะไรอยู่ บางทีก็มีเสียงหัวเราะตลกขบขันดังออกมา สงสัยคงจะคิดเรื่องตลกอะไรบางอย่างออกมาได้
ช่าวหยุนก็มาหาหลินซินเหยียนเช่นกัน เมื่อเขาจอดรถ ก็เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนยิ้มอยู่คนเดียวตรงริมถนน เมื่อเค้าลงจากรถแล้ว ก็หันไปมองอีกครั้ง ตอนแรกคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่พอหันไปเห็นครั้งนี้ มันไม่ใช่เพราะเขาตาฝาด แต่ริมถนนมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่จริงๆ หน้าตาก็ดูหล่อเหลาแต่ทำไมทำตัวเหมือนคนบ้าก็ไม่รู้
ช่าวหยุนรู้สึกเสียดาย หน้าตาดีขนาดนี้ เป็นบ้ามันก็น่าเสียดายอยู่หรอกนะ
พอนึกได้ว่าเขาเพิ่งกลับมา ก็ต้องไปเจอหลินซินเหยียนจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร รีบเดินเข้าไปในคอนโดนั้น เป็นเพราะว่าเขานั่งเที่ยวบินตอนกลางวันกลับมา ก็เลยมาช้ากว่าจงจิ่งห้าวเล็กน้อย ฉินยาน่าจะกลับมาถึงนี่พรุ่งนี้ เพราะเธอนั่งเที่ยวบินกลางคืน
ช่าวหยุนเข้ามาในบ้านแล้วก็เห็นหลินซินเหยียนและเด็กอีกสองคนกำลังหอเกี๊ยว เขาจึงเปลี่ยนรองเท้าแล้วเข้ามา ” ไอ้หยา ฉันนี่กลับเวลาเหมาะเจาะจริงๆ ทันมื้ออาหารพอดีเลยนะเนี่ย “
เขาเดินไปที่โต๊ะก็เห็นเกี๊ยวบนเขียง ฝั่งหนึ่งดูสวยงาม แต่อีกฝั่งหนึ่งแทบจะดูไม่ได้ เลยขมวดคิ้วใหญ่ แล้วชี้ไปยัง’ ลูกชิ้นระเบิด ‘ที่จงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซีห่อ แล้วถามว่า ” นี่มันตัวอะไรเนี่ย กินได้เหรอ “
” หนูไม่ได้ให้คุณกินซะหน่อย ” จงเหยียนซีเหมือนโดนแทงใจดำ
” โหย เหยียนซีวันนี้เป็นอะไรเนี่ย กินดินระเบิดเข้าไปหรือไง ทำไมไม่ให้ฉันกินล่ะ ฉันไม่แย่งหรอกหน่า ” ท่าทีของช่าวหยุนทำให้คนที่ได้ยินไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี จงเหยียนซีจ้องไปที่เขา ” คุณเป็นขโมยหรือไง “
ช่าวหยุนลูบหัวเธอ ” ก็ใช่น่ะสิ เมื่อก่อนฉันก็เคยเป็นโจรนะ “
จงเหยียนซีทำตาโต เธอเห็นในทีวี โจรก็เป็นคนไม่ดีทั้งนั้นที่แท้ เขาเองก็เป็นด้วยอย่างนั้นเหรอ
” โจร คือคนไม่ดีนะ คุณก็เป็นคนไม่ดีเหมือนกันเหรอ “
ช่าวหยุนรีบปฏิเสธ ” ฉันไม่ใช่คนไม่ดีซะหน่อย “
” ถ้างั้นทำไมคุณต้องพูดว่าตัวเองเป็นโดนด้วยล่ะ โจรก็คือคนไม่ดีนะ ” จงเหยียนซีเหมือนเดิมจะงอนเขาแล้ว ก็เลยต้องพูดให้เข้าใจ
ช่าวหยุนลากเก้าอี้แล้วนั่งลง ” อื้ม เธอบอกว่าเป็นอะไรก็เป็นแบบนั้นแหละ ทำตามที่เหยียนซีบอกทุกอย่างเลยเนอะ ” พูดไปเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเจอคนข้างล่าง ก็เลยพูดเตือนหลินซินเหยียน ” ช่วงนี้เธอก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน “
” หืม ทำไมล่ะคะ ” หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมาถาม
” ฉันเห็นแถวนี้มีคนบ้าน่ะ ฉันกลัวสติจะไม่ค่อยครบ แล้วมาทำร้ายเธอกับเด็กสองคนนี้ ” ช่าวหยุนพูดอย่างจริงจัง
” มีหรือคะ ตอนฉันกลับมาก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติเลยนะ แล้วก็ไม่มีคนบ้าที่ว่านั้นด้วย ” หลินซินเหยียนเอาเกี๊ยวที่หอเรียบร้อยแล้ววางไว้บนเคาน์เตอร์ แล้วหยิบแป้งเกี๊ยวอีกแผ่นหนึ่งขึ้นมา
” เธอเชื่อฟังฉันเถอะน่า คนปกติที่ไหนนั่งอยู่ริมถนนและยิ้มเป็นบ้าเป็นหลัง เห็นหน้าตาก็ดูมันเป็นคนมีความสามารถ แถมยังทิ้งสูทไว้บนพื้นอีก ฉันว่าธุรกิจคงล้มละลายละมั้ง คงเป็นคนที่สมองได้รับเรื่องร้ายแรงกระทบมา โดยเฉพาะปีนี้คนที่ธุรกิจล้มละลายก็ชอบโดดตึก บางคนก็เป็นบ้า วัยรุ่นทั้งนั้น เธอไม่ได้ดูข่าวหรือไง กิจการใหญ่ที่หนึ่งในเมืองCได้ยินว่ามีคนรับซื้อไปแล้ว เจ้าของที่นั่นอีกนิดก็คงโดดตึกแล้วล่ะ “
หลินซินเหยียนพอเกี๊ยวอันสุดท้ายเสร็จก็ลุกขึ้นมา เตรียมที่จะเอาเกี๊ยวไปต้ม
พอไม่ได้ยินหลินซินเหยียนตอบรับตัวเอง ช่าวหยุนก็กำชับอีกรอบ ” เธอได้ยินไหมเนี่ย ระวังหน่อยนะ ลูกสองคนไปโรงเรียนก็ต้องไปรับไปส่ง ถ้าเธอไม่มีเวลาก็บอกฉัน ห้ามสะเพร่าเด็ดขาด ลูกหน้าตาน่ารักขนาดนี้ถ้าทำหายแล้วละก็ ถึงเวลานั้นจะมาเสียใจภายหลังก็ไม่ทันแล้วนะ “
หลินซินเหยียนรู้ว่าช่าวหยุนจิตใจดี เป็นห่วงเป็นใหญ่พวกเธอ จึงยิ้มแล้วตอบว่า ” ค่า จะเชื่อฟังนะคะ “
จงเหยียนเฉินหอเกี๊ยวจนมือนั้นติดเต็มไปด้วยแป้งกับเนื้อ จึงอยากจะไปล้างมือ เจ้าตัวเล็กลงมาจากเก้าอี้ ช่าวหยุนนั่งคุยกับจงเหยียนซีตลอด พอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างก็เลยหันไปมอง เพราะมองไปที่หน้าของเด็กน้อย เขาก็ตกตะลึง แล้วก็ยิ้มออกมากว้างๆ ” เหยียนเฉิน ทำไมนายโตมาหน้าตาเหมือนคนบ้าขนาดนี้ “
จงเหยียนเฉินทำหน้ายู่ ” คุณต่างหากล่ะที่บ้า “
ช่าวหยุนชะงักไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจงเหยียนเฉินจะตอบโต้แรงขนาดนี้ พอดึงสติกลับมาได้ก็เพิ่งรู้ว่าเด็กน้อยโกรธเพราะอะไร ไม่ว่าใครโดนพูดว่าเป็นคนบ้าก็ไม่ดีใจทั้งนั้นแหละ แต่มีความคิดหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว รู้สึกว่าจงเหยียนเฉินกับ’ คนบ้า ‘ที่อยู่ข้างล่างนั้นหน้าตาเหมือนกันมาก จึงอธิบายต่อ ” ถึงจะหน้าตาเหมือนกัน แต่ฉันรู้ว่าเหยียนเฉินเป็นคนฉลาด ต่อไปในอนาคตก็ต้องเป็นหัวหน้าคนแน่นอน จะเป็นคนบ้าไปได้ยังไงกันล่ะ “
ช่าวหยุนคิดในใจ หลินซินเหยียนไม่ยอมรับJK ถ้ายังงั้นอีกหน่อยก็คงเหลือไว้ให้จงเหยียนเฉินก็แล้วกัน
จงเหยียนเฉินล้างไม้ล้างมือแล้วเดินออกมา และมองไปที่ช่าวหยุนแล้วพูดว่า ” คนบ้าที่ว่านั่นอยู่ไหน ผมอยากจะเห็นว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง “
ช่าวหยุนพี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ไม่ได้ขยับไปไหน แต่ชี้นิ้วไปตรงระเบียง ” นายก็ลองไปยืนตรงระเบียงแล้วมองไปสิ เดี๋ยวก็เห็นเองนั่นแหละ ”