หลินซินเหยียนนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ ต่อหน้าธารกำนัลจะสามารถพูดประเด็นที่เป็นส่วนตัวอย่างนี้ออกมาได้
เกิดความรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาชั่วขณะ ไม่รู้ว่าจะตอบเธอกลับไปยังไง
หญิงสาวเห็นหลินซินเหยียนหน้าแดงและยังดูอึดอัดออกมาเล็กน้อย จึงได้ยิ้มออกมา “แต่งงานกันมาแล้ว นั่นมันก็แค่คนที่ผ่านมา ไม่มีอะไรให้น่าอาย เธอพูดออกมาเถอะ?”
หลินซินเหยียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่ได้พูดออกมาต่อ
แต่หญิงสาวก็เหมือนจะไม่คิดจะหยุดเลย “เธอน่ะ ยังอายุน้อย จะต้องไม่รู้วิธีคิดในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
หญิงสาวประชิดเข้ามาอีกครั้ง แม้แต่ “แพทย์ฝึกหัด” ที่อยู่ด้านหลังหลินซินเหยียนเองก็หดตัวลงด้วยเหมือนกัน อยากสำรวจดูว่าการคลอดลูกมันมีผลกระทบต่อผู้หญิงมากเท่าไหร่กันแน่
เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้มาก่อนเลย คิดว่าเรื่องท้องเรื่องคลอดลูกเป็นเรื่องธรรมชาติมาก
เมื่อก่อนหน้านี้หนังสือนั้นที่เขาซื้อมา บอกแค่ขั้นตอนการตั้งครรภ์ และก็ไม่ได้บอกด้วยว่าการคลอดลูกของผู้หญิงจะทำร้ายต่อร่างกายผู้หญิงยังไง
“ฉันขอบอกเธอเลยนะว่าเพื่อนฉันคนนึงตอนที่เธอลูกชายของเธอนั้น เมื่อตอนนั้นลูกชายของเธอตัวโตเกินไป คลอดออกมาไม่ได้ ตอนที่ได้ยินเธอบอกว่าคลอด ต้องผ่าเสียลึกมาก ตอนที่เย็บเข้าด้วยกันก็ไม่ได้ฉีดยาชา ฉันไม่เคยเจอมาก่อน แค่ฟังฉันก็กลัวจนอกสั่นขวัญแขวนไปหมดแล้ว” ตอนที่หญิงสาวพูด เหมือนกับตัวเองได้ประสบกับความเจ็บปวดมาเองก็ไม่ปาน ใบหน้าหดเกร็งไปหมด
หลินซินเหยียนเคยคลอดลูกมาก่อน แต่เคยได้ยินมาว่าทารกที่ตัวใหญ่เกินไปบางคนจะคลอดออกมาไม่ได้ ก็จะต้องใช้วิธีการแบบนี้ แต่เธอไม่เคยมาก่อน
เมื่อตอนนั้นอาการของเธอไม่ใช่ว่าจะดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าสารอาหารหล่อเลี้ยงไม่ทันหรือเปล่าลูกทั้งสองคนถึงเล็กมาก
“เธอลองคิดดูผู้หญิงในตรงจุดนั้นมันใหญ่นิดหน่อยเท่านั้นเอง จู่ๆก็มาอ้าออก ถึงแม้ว่าในตอนหลังมันจะฟื้นฟูกลับมาได้ แต่มันก็ไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันแนะนำให้เธอผ่าคลอดด้วย เพื่อสามีของเธอแล้ว ต้องผ่าคลอดด้วยเหมือนกัน” ท่าทางเข้าอกเข้าใจดีของหญิงสาว ทั้งยังพูดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือจริงใจสุดๆ
หลินซินเหยียนเพียงแค่ยิ้มออกมาตามมารยาท ถึงแม้ว่าประเด็นมันจะเกินไปหน่อย แต่ใจของเธอก็ไม่ได้เลวร้าย ก็เลยไม่กล้าที่จะพูดอะไรอื่นออกไป
“เธออย่าพูดเลย ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน พวกผู้ชายไม่จำเป็นต้องคลอดลูก พูดให้แย่หน่อยก็คืออะไรนั่นของพวกเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน พวกเราไม่เหมือนกัน เดิมทีเป็นสามีภรรยากันไปนาน ก็จะหย่อนคล้อยไปอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับคลอดลูกด้วยแล้ว เฮ้อ ฉันคิดแค่ว่าผู้หญิงน่าเศร้าเกินไป เจอผู้ชายที่มีจิตใจดีก็ดีอยู่หรอก แต่คนที่ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เสี่ยงชีวิตคลอดลูกให้เขา เขาก็ยังจะหย่ากับเธออีก”
ความรู้สึกอินของหญิงสาวเหมือนจะเยอะไปบ้างนิดหน่อย มีท่าทีที่ไม่ได้มีความรู้สึกปลอดภัยนัก แต่หลินซินเหยียนก็เข้าใจ ช่วงที่ผู้หญิงกำลังท้องมักจะไวต่อความรู้สึกกันอยู่แล้ว
คงจะเป็นเพราะสามีของเธอยุ่งเกินไป ความเป็นห่วงที่มีต่อเธอก็ไม่มากพอ เธอถึงได้เกิดความรู้สึกที่รุนแรงขนาดนี้ได้
“อย่าคิดมากเลย” หลินซินเหยียนเอ่ยปลอบใจเธอออกไป
หญิงสาวเห็นหลินซินเหยียนมีท่าทางไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด ก็ไม่เข้าใจเลยเป็นอย่างมาก “เธอจะทำเป็นไม่ใส่ใจไม่ได้เลยนะ รอจนสุดท้ายแล้วเธอไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเธอก็จะรู้ ข้างตัวฉันเองก็มีกรณีตัวอย่างจำพวกนี้เยอะมาก สิ่งที่ฉันเพิ่งจะบอกกับเธอไป เพื่อนของฉันคนนั้น ผ่าช่องคลอด เธอก็กำลังทะเลาะจะหย่ากับสามีของเธออยู่เลยน่ะ”
หลินซินเหยียนมองดูหญิงสาว ไม่ได้พูดอะไรออกมา บางทีผลกระทบเชิงลบจากรอบตัวเธออาจจะเยอะเกินไป เธอถึงได้มีความคิดอย่างนี้
หลินซินเหยียนทอดถอนหายใจออกมา คิดว่าผู้ชายนั้นถ้ารักผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็ควรจะต้องเข้าใจ เพราะถึงยังไงก็เพื่อคลอดลูกให้กับเขา
อิงจากคำพูดของผู้หญิงคนนี้มา ผู้ชายที่เจอไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไปถนอมรักษายังไง สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนใจไปอยู่ดี
เดิมทีความรู้สึกเธอก็ดีมากอยู่ และก็พยายามรักษาอารมณ์ที่มีความสุขเอาไว้เต็มที่แล้ว ได้ยินคำพูดของผู้หญิงคนนี้แล้ว อารมณ์ก็ได้เปลี่ยนมาหดหู่ใจขึ้นมา
ไม่ใช่เพราะกลัวว่าตัวเองคลอดลูกแล้วร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไป เขาจะรังเกียจหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าชีวิตนี้ของผู้หญิงอันที่จริงมันไม่ง่ายเลย เจอผู้ชายที่ดีได้รับความทุกข์ทรมานสักนิดหน่อย ขอเพียงแค่เขาเข้าใจคุณเอาใจคุณมันก็คุ้มค่าแล้ว ถ้าไม่เจอผู้ชายที่ดี เผชิญกับความยากลำบาก ก็จะจบไม่สวยเอามากๆ
เธอตบมือหญิงสาวไปเบาๆพร้อมกับเอ่ยปลอบโยนออกไป “ช่วงที่ท้องจะต้องรักษาอารมณ์ความรู้สึกดีๆเอาไว้อย่างนี้แล้วมันถึงจะดีต่อครรภ์ของเธอ”
คิดๆไปถึงเมื่อก่อน เธอเคยได้ยินคนแก่ท่านหนึ่งบอกว่าผู้หญิงแต่ก่อนเข้าห้องคลอดต่างก็ต้องย้อนกลับมาดูรองเท้าของตัวเองกันทั้งนั้น คิดกันว่าตัวเองจะสามารถที่จะได้สวมไปแบบมีชีวิตอีกได้หรือเปล่า
เมื่อก่อนไม่มีปัจจัยทางการรักษา ตอนนี้ปัจจัยในการรักษาดีขึ้นแล้ว การเสียชีวิตของคนที่ให้กำเนิดบุตรลดน้อยลง ทารกที่คลอดออกมาแล้วปัญญาอ่อนพิการเองก็น้อยมากเช่นกัน
เธอคิดว่าความรักของแม่มันมีมาโดยธรรมชาติ ผู้หญิงถ้าเกิดท้องก็จะรักลูกที่อยู่ในครรภ์มาก ไม่ว่าเธอจะรักผู้ชายที่ทำให้ท้องคนนั้นมากหรือเปล่า แต่เธอจะต้องรักเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน
ก็เหมือนกับคำโบราณประโยคนั้นที่ว่าเด็กเป็นชิ้นเนื้อที่ออกมาจากร่างของมารดา เคยเป็นเลือดเนื้อที่เชื่อมต่อกันมาก่อน เป็นญาติทางสายเลือดที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากที่สุด
ในเวลานี้ผู้หญิงที่เรียกเอาไว้ เธอถือใบตรวจเอาไว้พร้อมกับพยุงท้องลุกขึ้นมา เธอหันมามองหลินซินเหยียนแวบนึง “ขอบคุณ ฉันจะรักษาอารมณ์ที่ดีเอาไว้”
หลินซินเหยียนยิ้มกลับไปให้เธอ เห็นหญิงสาวเดินไปยังช่องเจาะเลือดเพียงลำพังคนเดียว ก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เป็นทุกข์เป็นร้อนนัก
คงจะเป็นเพราะว่าท้องอยู่เพียงลำพังมันลำบากเกินไป ก็เลยถึงได้คิดฟุ้งซ่านขึ้นมา
เธอก้มหน้าลงมองท้องของตัวเอง ตอนนี้มันได้นูนออกมาแล้ว อีกทั้งยังเริ่มมีการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่เบามาก แต่เธอก็รู้สึกได้ สายตาของเธอเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนออกมา ลอบคิดเงียบๆอยู่ในใจว่าไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อของลูกเขาจะคิดถึงลูกหรือเปล่า
ในตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่
จะลืมเธอกับลูกไปแล้วหรือเปล่า?
ทันใดนั้นเองก็หลุดหัวเราะออกมา คิดว่าตัวเองถูกผู้หญิงคนนั้นชักนำความคิดให้เบี่ยงเบนออกไปและก็ได้เปลี่ยนมาจนคิดมากเกินควรไปเสียแล้ว
เธอตกอยู่ในความคิดตัวเอง ไม่ได้สังเกตเลยว่า “แพทย์ฝึกหัด” ที่อยู่ด้านหลังเธอกำลังมองท้องของเธออย่างไม่ละสายตา
เขาอดกลั้นเอาไว้จึงไม่ได้พุ่งตัวเข้าไป ประกบลงไปบนหลังมือของเธอร่วมกันพยุงลูกในท้องของเธอไปด้วยกัน
ผ่านไปได้สักพักก็มาถึงคิวหลินซินเหยียน เธอใช้มือข้างหนึ่งยันเก้าอี้เอาไว้พยุงตัวลุกยืนขึ้น ท้องไม่ได้ใหญ่อะไรนัก ก็เลยไม่ได้กินแรงอะไร
เธอเดินไปยังช่องเจาะเลือด นั่งไปบนเก้าอี้ทรงสูง ยื่นแขนออกไป ด้วยผิวที่ผอมบางและทั้งขาวของเธอเส้นเลือดเลยหาได้ง่ายมาก แต่การเจาะเลือดนั้นเส้นเลือดใหญ่ล้วนแล้วจะอยู่บนแขนทั้งนั้น ดังนั้นแล้วจึงต้องใช้สายยางรัดแขนเอาไว้ เพื่อให้เส้นเลือดปรากฏออกมา หลังจากที่ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดไปที่ท่อนแขนของเธอแล้ว คุณหมอก็หยิบเข็มขึ้นมาเตรียมที่จะแทงเข้ามาในผิวของเธอ
“แพทย์ฝึกหัด” ที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอกลัวว่าเธอจะเจ็บ ไปดูใบหน้าของเธอ บนใบหน้าของเธอไม่ได้มีสีหน้ากลัวเจ็บออกมา แต่เขาสังเกตเห็นว่ามืออีกข้างนึงของเธอที่ห้อยอยู่ข้างๆลำตัว มันกลับกำหมัดแน่น รู้ได้เลยว่าตอนนี้เธอเองก็กังวลด้วยเหมือนกัน
เขาแทบจะเข้าไปกุมมือเธอเอาไว้อย่างไม่ต้องคิดเลย อยากจะให้เขาสามารถได้อยู่ข้างๆเธอ ให้ความรู้สึกสบายใจแก่เธอไปในยามที่เธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวด