ซูจ้านมองไปข้างใน พบว่ามีร่างคนอยู่จริง เขาจิตใจตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อมองโฉมหน้านั้นชัดเจนแล้ว เขาแทบพุ่งเข้าไปในวินาทีเดียวกัน ดึงตัวเธอมาทันที เรียกด้วยเสียงแหบ “ฉินยา”
ฉินยาผลักเขาออกไปอย่างแรง ตะโกนเสียงต่ำ “อย่าแตะต้องฉัน”
ดูเหมือนเธอยังดึงสติกลับมาจากความหวาดกลัวก่อนหน้านี้ไม่ได้ ถูกคนสัมผัสก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้น จนต่อต้านและหวาดกลัว
ถึงแม้รู้ว่าคนคนนี้คือซูจ้านก็เหมือนกัน
ทุกครั้งที่คิดถึงสภาพเปลือยกายของพี่สี่ เธอก็รู้สึกว่าผู้ชายขยะแขยง
ซูจ้านถูกผลักอย่างไม่ได้ตั้งตัว ร่างกายล้มหงายไปข้างหลัง เขารู้สึกได้ถึงความตกใจและหวาดกลัวของเธอ ทันใดนั้น ในใจก็เหมือนกับแตกเป็นรู สูดอากาศยังไงก็ไม่เข้าไป รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศจนตาย
พี่สี่ล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลย บนตัวฉินยาก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าเท่าไหร่ เขากำมือไว้แน่น ถ้าหากตอนนี้ในมือของเขามีมีดสักด้าม เขาต้องแทงพี่สี่ให้ตายแน่นอน
ถ้าหากฉินยาไม่ได้ถูกล่วงละเมิด ทำไมเธอถึงได้หวาดระแวงขนาดนี้?
ซูจ้านลุกขึ้นนั่ง เรียกเธออย่างระมัดระวัง “ฉินยา ผมเอง ผมคือซูจ้าน”
ฉินยาลืมตา ดวงตาเลื่อนลอยสุดท้ายจ้องอยู่ที่ดวงตาอันแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดของเขา “คุณ ทำไมคุณถึง…….”
เธออยากวิ่งหนี ตกลงมาในถ้ำนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำไมเขาถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?
“ผมมาหาคุณไง” เสียงของซูจ้านสั่นและเกร็ง เหมือนสะอื้น
ฉินยามองเขาอยู่สองวินาที พูดอย่างห่างเหิน “ขอบคุณ”
ขอบคุณที่เขามาหาตัวเอง
“ผมไม่ต้องการคำขอบคุณของคุณ เพื่อคุณแล้ว ผมทำได้ทุกอย่าง” คำพูดของนั้นคือความจริงใจ ถึงแม้เธอจะถูกพี่สี่…….
เขาก็ไม่ใส่ใจ เขาอยากชดเชยความผิดที่ผ่านมา และอยากปกป้องจิตใจที่เจ็บปวดของเธอ
“ให้โอกาสผมสักครั้ง ถ้าหากผมทำได้ไม่ดี คุณจะถีบผมออกได้ตลอดเวลา ได้ไหม?” เขาใช้น้ำจนเหมือนการร้องขอ
ฉินยากอดตัวเองไว้ ผิวหนังที่เผยออกมาโดนผนังรู้สึกเย็นเป็นพิเศษ เธอหดตัวอยู่ในมุม “คิดดูก่อนว่าจะขึ้นไปยังไงดีกว่า”
จนสุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมเปิดโอกาส ผ่านความเป็นความตายมาหนึ่งครั้ง เธอไม่อยากไปสัมผัสเรื่องความรักแล้ว แค่อยากมีชีวิตอย่างเรียบง่าย
ซูจ้านไม่ได้ฝืนเธอให้ตอบทันที จากนี้ไปเขาจะปฏิบัติตัวดีๆ เธอพูดถูก ตอนนี้คิดหาวิธีออกไปยังไงก่อน
เขาสังเกตมองสี่ทิศ ถ้ำนี้ไม่ใช่ทางตัน มีช่องว่างแถบยาว ช่องว่างนั้นสามารถผ่านร่างของผู้ใหญ่คนหนึ่ง เขายื่นหัวมองออกไปข้างนอก กลับพบว่าเป็นหน้าผา แถบหน้าผาผิวเรียบไม่มีต้นไม้และเถาวัลย์ให้คนทรงตัวได้เลย ด้านล่างเป็นเหวลึกมาก เขาตกใจจนเบิกตากว้าง เมื่อกี้ตอนเลื่อนลงมาก็พุ่งแรงอีกนิด เขาก็อาจจะพุ่งของไปจากแถบกว้างนั้นร่วงลงไปแล้วใช่ไหม?
แค่คิดก็กลัว
ตอนที่ร่วงลงมาเขารู้สึกว่า ปากถ้ำนี้ลื่นมาก และกว้างมาก ไม่มีคนช่วยปีนออกไปได้ยากมาก เขาลองไปหลายครั้ง ก็ไม่มีประโยชน์
มือถือ
ทันใดนั้นเขานึกถึงมือถือขึ้นมา ใช้มือถือติดต่อเสิ่นเผยซวนและจงจิ่งห้าว เขาไปจับกระเป๋าอย่างรีบร้อน ยังดีที่มือถือไม่ร่วง เขาดีใจอย่างล้นพ้น ปลอบใจฉินยา “คุณไม่ต้องกลัว มือถือผมยังอยู่ ผมโทรเรียกคนมาช่วยพวกเรา”
ระหว่างพูดเขาก็โทรหาเสิ่นเผยซวน แต่ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมาคือติดสาย เขาเปลี่ยนไปโทรหาจงจิ่งห้าว ยังคิดติดสายเหมือนเดิม เขาเริ่มกระวนกระวายแล้ว ทำไมถึงติดสายหมด เขาลองโทรหมายเลขของสำนักงานทนาย ยังคงติดสายเหมือนเดิม
เป็นอะไรกันเนี่ย?
“อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีสัญญาณมั้ง” ป่าที่นี่ลึกเกินไป ไม่มีสัญญาณก็เป็นเรื่องปกติ
ซูจ้านดูการแสดงสัญญาณหน้าจอมือถือ พบว่าไม่มีสัญญาณ แม้แต่ขีดเดียวก็ไม่มีเลย
จะทำยังไงดี?
เขาลุกขึ้นยืนตะโกนอยู่ปากถ้ำ มีเสียงสะท้อนภายในถ้ำ เสียงหนึ่งสะท้อนอยู่นานมาก
ซูจ้านตะโกนอยู่สักพัก จนคอแหบแห้ง ก็ไม่มีคนตอบสนอง
เขาล้มนั่งอยู่กับพื้น “พวกเขาต้องมาหาพวกเราแน่นอน”
ฉินยานั่งอยู่ตรงนั้นไม่เคยขยับ พิงอยู่กับกำแพงหินอย่างเงียบๆมองลงไปจากช่องว่าง วัชพืชเขียวขจี มืดมิดมองไม่เห็นด้านล่าง
เมื่อก่อนเคยเห็นคำเหวนรกจากหนังสือ เห็นเหวนรกกับตาเป็นครั้งแรกว่าเป็นยังไง
มันเหมือนสัตว์ประหลาดตัวมหึมา อ้าปากกว้าง อะไรตกลงไปก็จะถูกกลืนกิน
เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรง ทึ่งกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ และหวาดผวากับสภาพที่ไร้หนทางหนีในวินาทีนี้
จะตายอยู่ที่นี่แบบนี้หรือเปล่า?
เธอยิ้ม เธออยากจะใช้ชีวิตดีๆทำไมถึงได้ยากขนาดนี้?
ซูจ้านอยากใกล้ชิดเข้าไป แล้วก็กลัวเธอจะต่อต้าน ถามเธอด้วยการเว้นระยะห่างจากเธอเล็กน้อย “คุณยังโอเคไหม?”
ฉินยาหันหน้าไปมองเขาพูดว่า “ฉันโอเค”
ซูจ้านอยากจะพูดกับเธอ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวันก็หาวิธีพูดที่ดีไม่ได้ จึงทำได้แค่นั่งอย่างเงียบๆ แสงสว่างในถ้ำยิ่งอยู่ยิ่งมืด เขารู้สึกถึงความเย็น สถานที่นี้อยู่ลึกเข้าไปในป่า มองไม่เห็นแสงอาทิตย์แม้แต่น้อย โดยเฉพาะถ้ำที่ทะลุสองฝั่ง สายผมพัดผ่านดีเป็นพิเศษ
เขาใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวยังรู้สึกถึงความหนาว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบนตัวฉินยาเสื้อบางขนาดนั้น ขาทั้งสองข้างล้วนเปลือยอยู่ข้างนอก เขายกมือแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต
ฉินยาถอยหลัง มองเขาอย่างระวังตัว “คุณทำอะไร?”
ซูจ้านชะงักท่าทางไว้ รีบพูดอธิบาย “คุณอย่ากลัว ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมคิดว่าคุณน่าจะหนาว ผมถอดเสื้อให้คุณใส่”
ฉินยารีบปฏิเสธ “ไม่ต้อง”
“ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นจริง……..”
“ฉันบอกว่า ฉันไม่ต้องการ” ฉินยาย้ำอีกครั้ง
ซูจ้านมองเธอแบบนั้น รู้สึกเจ็บปวดในใจ “ผมทำให้คุณเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฉินยาหันหน้าหนี “ฉันแค่ไม่อยากเห็นคุณเปลือยร่างกาย ฉันรู้สึกขยะแขยง”
ซูจ้านก้มหน้ามองตัวเอง ถอดเสื้อเชิ้ตแล้วข้างในก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ถอดเสื้อเชิ้ตร่างกายท่อนบนก็เปลือยเปล่า
เขารีบกลัดกระดุม “ขอโทษ ที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของคุณ ครั้งต่อไปผมจะระวัง”
ฉินยาไม่ได้พูด ซูจ้านก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นั่งอยู่แบบนั้น จนภายในถ้ำมืดลง มืดสนิท ไม่เห็นอะไรเลย
ตอนมีแสงยังไม่รู้สึก เมื่อมืดสนิทแล้ว ดูเหมือนมีเสียงร้องของแมลงมากมาย
ซูจ้านหยิบมือถือออกมา เขากลัวว่าฉินยาผู้หญิงคนเดียวคงกลัว เขาเปิดไฟฉายในมือถือ
เขากำลังจะยื่นมือถือให้ฉินยา กลับพบว่าขาของเธอมีบาดแผลมากมาย บนขามีรอยเลือดที่แห้งไปแล้ว ตอนนี้เขาถึงพบว่าเธอไม่ได้ใส่รองเท้า ก่อนหน้าถึงแม้ในถ้ำจะมีแสง แต่ก็ไม่ได้สว่างมาก เป็นแสงที่มืดมาก
เขาเป็นห่วงอยากยื่นมือไปสัมผัส แต่ก็คิดได้ว่าเธอปฏิเสธ รีบดึงมือกลับ พูดเสียงต่ำ “คุณบาดเจ็บแล้ว”
ฉินยาพูดอย่างเรียบเฉย “แผลเล็กน้อย ไม่เป็นไร”
ตอนนี้ผ่านช่วงปวดแสบมาแล้ว ขาทั้งสองข้างชาจนรู้สึกถึงความเจ็บไม่ได้แล้ว
เธอเปลือยเท้าเดินอยู่ในป่าแบบนี้ แค่คิดก็รู้ว่าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดไหน
ซูจ้านพิงอยู่กับกำแพง ก้มหน้า “เมื่อก่อนผมกระหยิ่มยิ้มย่องตลอด รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ถึงวินาทีนี้แล้ว ผมเพิ่งรู้ ว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดไหน พูดเต็มปากเต็มคำว่าจะตามคุณกลับมา แต่ว่าแม้แต่การปกป้องอย่างพื้นฐาน ผมยังทำไม่ได้ ทำให้คุณเจ็บอยู่ตลอด”