คุณนายโจวตาเป็นประกาย พอมาคิดดูว่าไป๋ยิ่นหนิงไม่ใช่คนเมืองB ถ้าเขาเอาคนคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไป๋เฉิง แค่นี้มันก็แก้ปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว?
ที่กู้เป่ยอยากจะเอาคนคนนั้นมาซ่อนไว้ที่บ้าน ก็เพราะรู้สึกว่าบ้านของเธอมันปลอดภัย แต่มันจะปลอดภัยกว่าเยอะเลยถ้าส่งไปที่ไป๋เฉิง
คุณนายโจวรู้สึกว่าไป๋ยิ่นหนิงช่วยเธอได้มากเลยทีเดียว“ไป๋ยิ่นหนิง……”
ขณะที่คุณนายโจวกำลังจะเอ่ยปากพูดกับไป๋ยิ่นหนิง โจวหวยโฮ่ก็ตะหวาดภรรยาออกมา“บ้าไปแล้วหรอ!”
ไม่ใช่ว่าโกรธที่คุณนายโจวจะบอกเรื่องกู้เป่ยกับไป๋ยิ่นหนิง แต่โกรธที่เธอไม่คิดถึงผลที่จะตามมาทีหลังต่างหาก เขามองภรรยาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“น้องชายคุณเป็นยังไงคุณก็รู้ดี คุณก็เห็นในข่าวไม่ใช่หรอ?เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นไม่ใช่คนดีซักหน่อย คุณจะเอาคนแบบนั้นส่งไปแปดเปื้อนไป๋ยิ่นหนิงแล้วให้ไป๋ยิ่นหนิงรับมือกับเรื่องสกปรกแบบนี้ได้ยังไง?”
คุณนายโจวไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนจริงๆ เมื่อกี้เธอคิดแค่ว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด พอถูกสามีเตือนเธอจึงกลับมาคิดอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าจะส่งคนคนนั้นให้ไป๋ยิ่นหนิงไม่ได้ เพราะเรื่องที่เขาทำในวัดมันเป็นเรื่องใหญ่
แม้แต่กู้เป่ยเองก็ปิดไม่มิด แสดงว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายเลย
เธอมีลูกสาวอยู่คนเดียว ฉะนั้นต้องห้ามสร้างปัญหาให้กับลูกเขยของเธอ
ไป๋ยิ่นหนิงพึ่งมาถึงเมืองBก็เลยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นก็เลยถามออกไป“ผมก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ถ้ามีเรื่องอะไรพวกท่านก็บอกผมมาเถอะครับ ผมจะได้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้”
โจวหวยโฮ่ถอนหายใจออกแล้วพูดกับไป๋ยิ่นหนิงอย่างจริงจัง“ลูกพึ่งมาถึงเมืองBเพราะงั้นก็เลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองB ที่นี่ไม่เหมือนไป๋เฉิง ที่นี่ทั้งคนเยอะและมีเรื่องเลวร้ายมากมาย และที่ไม่ได้บอกก็เพราะไม่อยากให้ลูกเข้ามาคลุกคลีกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้”
ไป๋ยิ่นหนิงรู้ว่าโจวหวยโฮ่หวังดี แต่เขาอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเขาจริงๆ
“ในเมื่อผมเป็นลูกเขยของพวกท่าน ฉะนั้นครึ่งหนึ่งของผมก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลโจวแล้ว และในวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ก็มีเรื่องลำบาก ผมในฐานะสามีของฉุนฉุน ผมจะยืนดูอยู่เฉยๆได้ยังไง?และถึงแม้ผมจะช่วยอะไรไม่ได้ก็ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่เล่าให้ผมฟัง อย่าเห็นผมเป็นคนอื่นคนไกล และอย่าคิดว่าผมอ่อนแอเลย”
โจวหวยโฮ่ถอนหายใจออก“ทำไมถึงดื้อแบบนี้เนี่ย?”
ไป๋ยิ่นหนิงพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเขายังไม่เล่าให้ฟังมันคงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะงั้นก็เลยบอกให้เปิดข่าวดูแทน
ไป๋ยิ่นหนิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วค้นหาข่าวตามที่โจวหวยโฮ่บอก ไม่นานข่าวเกี่ยวกับวัดนั่นก็เด้งขึ้นมาเป็นจำนวนมาก จู่ๆสถานที่ขาวสะอาดอย่างวัดก็มีชายเปลือยกายปรากฏตัวขึ้น ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเรื่องอะไรเกิดขึ้นในวัดแน่ๆ
“กู้เป่ยน้อยชายของแม่นายต้องการพาไอ้สกปรกนี่แหละเขามาไว้ในบ้านเรา ไม่รู้ว่าคิดได้ยังไง”โจวหวยโฮ่พูดออกมาอย่างเย็นชา
ไป๋ยิ่นหนิงก้มหน้าอ่านข่าวต่อ ทว่ากลับเหลือบไปเห็นหัวข้อข่าวเรื่องจงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนไปเดินห้างเข้าอย่างไม่ตั้งใจ
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เลื่อนผ่านไป จากนั้นก็อ่านข่าวเกี่ยวกับวัดต่อ
“สร้างแต่ปัญหา แถมครั้งนี้ยังมีจงจิ่งห้าวเข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะไม่งั้นเขาคงไม่คิดจะเอาคนคนนั้นมาซ่อนไว้ที่นี่หรอก เห็นทีคงจะซ่อนไว้ข้างนอกไม่ได้น่ะสิท่า”ที่จริงโจวหวยโฮ่นั้นไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องเลวๆของกู้เป่ยเลย แต่เนื่องจากเรื่องที่กู้เป่ยทำมันดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะงั้นถึงเขาจะไม่อยากรู้ยังไงแต่มันก็ยังได้ยินคนเล่าปากต่อปากกันมาอยู่ดี
ไป๋ยิ่นหนิงเงยหน้ามองโจวหวยโฮ่แล้วถามขึ้น“เรื่องนี้เกี่ยวกับจงจิ่งห้าวหรอครับ?”
“พ่อก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ได้ยินเขาลือกันมานิดหน่อย เหมือนกับว่ากู้เป่ยจับคนของจงจิ่งห้าวไปแล้วขังไว้ในวัด ซึ่งก็คือรูปที่ลูกเห็นเมื่อกี้นั่นแหละ หึ เขาไม่ยอมมอบคนให้ แถมเอาซ่อนไว้ข้างนอกก็ไม่ได้ เพราะงั้นก็เลยคิดจะเอามาซ่อนไว้ในบ้านเรา นี่มันบ้าไปแล้ว แม้พ่อเขาจะมาที่นี่บ่อยแต่เขาก็ไม่ควรทำตามอำเภอใจขนาดนี้ นี่มันดาบสองคมชัดๆ ถ้ากู้เป่ยยังทำตัวหยาบช้าแบบนี้ ไม่นานจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่!”
พอฟังเขาพูดจบไป๋ยิ่นหนิงก็จมอยู่ในความคิดพักหนึ่ง กู้เป่ยจับคนของจงจิ่งห้าว จับใครกัน?หลินซินเหยียนงั้นหรอ?แถมผู้ชายที่อยู่ในวัดก็ยังเปลือยล่อนจ้อนอีก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ พอคิดว่าคนที่ถูกจับไปอาจเป็นหลินซินเหยียน แววตาของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที“คุณพ่อครับ ถึงยังไงกู้เป่ยก็เป็นน้องชายของแม่ ถ้าพวกเราปฏิเสธไปแบบนี้ เขาจะต้องลำบากแน่”
โจวหวยโฮ่ไม่ค่อยเห็นด้วย“คนแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วบาปกรรมจะต้องตามทันอยู่แล้ว อาจจะเป็นวันนี้หรือวันหน้าก็ได้ เพราะงั้นให้มันจบลงตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า”
คุณนายโจวเข้าใจอารมณ์ของสามีดี ถ้าเขายืนกรานว่าจะไม่สนใจ ไม่ว่าตัวเองจะพูดอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เธอถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ คนที่จะอยู่กับเธอไปตลอดคือสามี ส่วนน้องชายก็เป็นแค่คนที่มีสายเลือดเดียวกัน ซึ่งถ้าให้พูดถึงความรู้สึกว่าให้เลือกใครยังไงก็ต้องเป็นสามีอยู่แล้ว
“ดึกแล้วล่ะยิ่นหนิง ลูกไปพักผ่อนเถอะ เรื่องนี้แม่เชื่อพ่อเขา และถ้าเขาจะเกลียดแม่ก็ให้เขาเกลียดไป ยังไงหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเขา อีกอย่างในสายตาของเขา เขาก็ไม่เคยเห็นแม่เป็นพี่สาวอยู่แล้ว”
ไป๋ยิ่นหนิงอยากจะสู้ซักตั้ง ซึ่งไม่ใช่เพื่อจงจิ่งห้าวแต่เพื่อหลินซินเหยียน
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมรู้ว่าว่าพวกท่านไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคนแบบกู้เป่ย แต่ถึงยังไงก็เป็นญาติพี่น้องกัน ถ้าเราไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย คนในบ้านก็จะตกเป็นขี้ปากของคนอื่น ผมกับฉุนฉุนใกล้จะกลับไป๋เฉิงแล้ว เพราะงั้นบอกให้เขาส่งคนมาไว้ที่ผม เดี๋ยวผมจะหาที่กบดานในไป๋เฉิงให้เขาซ่อนตัวไว้ซักที่หนึ่ง จะได้ไม่มีใครพบและถือเป็นการปิดปากกู้เป่ยไปด้วย”
โจวหวยโฮ่เงียบ เขาไม่อยากให้ไป๋ยิ่นหนิงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าไป๋ยิ่นหนิงคิดอยากจะช่วยและเป็นห่วงพวกเขา ช่างเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ
ถ้าคุณนายโจวรู้ว่าที่จริงไป๋ยิ่นหนิงคิดจะทำอะไร เกรงว่าเธอคงเสียใจแน่ที่ยกลูกสาวให้แต่งงานกับเขา
“หวยโฮ่ เอาตามที่ยิ่นหนิงพูดไหม ยอมกู้เป่ยซะ ส่งไอ้คนนั้นไปอยู่ไป๋เฉิงแทนของบ้านเรา ถือว่าเห็นแก่กู้เป่ย ยังไงเขาก็เป็นน้องชาย เพราะงั้นช่วยเขาซักครั้งก็ยังดี”
คุณนายโจวเหลือบมองสามีด้วยความระมัดระวัง
ถ้าสามีของเธอปฏิเสธ เธอก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว
โจวหวยโฮ่ยังคงไม่ยอม“ยิ่นหนิง ลูกไม่รู้หรอว่ากู้เป่ยมันทำอะไร พ่อไม่อยากดึงลูกเข้ามาเกี่ยว อย่างที่ลูกบอก พ่อเห็นลูกเป็นคนในครอบครัว ในอนาคตลูกจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับฉุนฉุนไปอีกนาน เพราะงั้นพ่อเลยไม่อยากให้ลูกมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เป่ยเลยแม้แต่นิดเดียว เข้าใจไหม?”
“ผมรู้ครับ แต่ว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน”ไป๋ยิ่นหนิงแสดงความจริงใจออกมา
พอเห็นท่าทางจริงใจของไป๋ยิ่นหนิง โจวหวยโฮ่ก็เงียบไปครู่หนึ่ง“ลูกแน่ใจหรอว่ามันจะไม่กระทบกับลูกโดยตรง?”
ไป๋ยิ่นหนิงยืนกรานพูดออกไป“ครับ ผมทำได่แน่นอน”
โจวหวยโฮ่ไม่สนใจเรื่องนี้ เขาหันไปสบตากับภรรยา“คุณโทรหากู้เป่ย แล้วก็นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย เพราะงั้นถือโอกาสนี้คุยกับเขาให้รู้เรื่องว่าจากนี้ไปห้ามติดต่อมาแล้ว เขามันน่ารำคาญ ที่คุณพ่อท่านไม่สนใจช่วยคนเลวทำชั่ว นี่เป็นการแสดงความรักหรือทำร้ายเขากันแน่นะ?”
“ฉันรู้น่า”คุณนายโจวตบลงบนบ่าของสามีเบาๆ“คุณไปนอนก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึง”
พอคุณนายโจวเห็นว่าสามีของตัวเองกลับเข้าไปในห้องแล้วถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับมองไปที่ไป๋ยิ่นหนิง“ลูกก็ไปพักผ่อนก่อนดีไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะบอก”
“ผมไม่ง่วง ผมจะรอแม่คุยให้เสร็จ”ไป๋ยิ่นหนิงพูด
คุณนายโจวจึงทำได้เพียงกดโทรหากู้เป่ย ไม่นานเสียงของกู้เป่ยก็ดังลอดออกมา“พี่เขยว่ายังไงบ้าง?”
“เอาซ่อนไว้ในบ้านคงไม่ได้ แต่ว่า ฉันมีที่ที่หนึ่งให้คนของแกไปซ่อน ไม่มีใครหาเจอแน่”
กู้เป่ยทำท่าลังเล“ที่ไหน?”
มีสถานที่ไหนในเมืองBที่ปลอดภัยและไม่มีใครหาเจอด้วยงั้นหรอ?