ยังไม่ทันรอให้คุณนายโจวตอบ โจวฉุนฉุนก็พูดด้วยความโกรธ “เขาเป็นคนเลว”
คุณนายโจวตบลูกสาวเบาๆ “ชู่ อย่าพูดตรงนี้ ช่วยยิ่นหนิงออกมาก่อนเถอะ”
เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าพี่สี่นั้นไม่ใช่คนดีอะไรน่ะ?น้องชายของตัวเองยังไม่ทำเรื่องดีๆ แล้วลูกน้องของเขาจะเป็นคนดีได้อย่างไร?
แต่ปกติคนที่มีหัวใจอยู่บ้าง ปกติใครที่มีหัวใจสักหน่อย ก็คงจะไม่คบค้ากับกู้เป่ยหรอก
ไนต์คลับที่อยู่ที่ถนนจงซิน ใครจะไม่รู้ว่าเป็นของกู้เป่ย เหมือนกับที่เสิ่นเผยซวนคิด ตระกูลกู้นั้นยิ่งใหญ่ หยั่งรากลึก ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาได้ง่ายๆ
ถึงจะมีคนรู้สึกขัดตาอยู่บ้างแต่ก็ไม่กล้าปริปากอะไร
เธอกับพี่น้องอีกคนหนึ่งนั้นไม่ได้โตมาด้วยกัน ไม่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เลยไม่ได้รู้สึกสนิทสนมมาก ปกติเวลามีเรื่องอะไรถึงจะไปมาหาสู่ แต่ว่าด้านความรู้สึกนั้นไม่ได้สนิทเหมือนกับคนที่โตมาด้วยกัน
เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่มีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น
เธอไม่รู้ว่าพี่น้องคนอื่นสนิทสนมกับกู้เป่ยบ้างหรือเปล่า แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องครั้งนี้ไป เธอก็เห็นอย่างชัดเจน ว่ากู้เป่ยนั้นไม่นับญาติกับใครด้วยซ้ำ ในเมื่อเขาไม่ไยดีกับพี่สาวของเธอคนนี้ จากนี้ก็ไม่ต้องไปมาหาสู่แล้ว
เธอจับมือของลูกสาว “วางใจเถอะ เดี๋ยวพอช่วยยิ่นหนิงออกมาแล้ว แม่ก็จะไม่คบค้ากับพวกเขาแล้วล่ะ”
โจวฉุนฉุนพยักหน้า
พวกเธอกลับเข้าไปบนรถอีกครั้ง พี่สี่ขลุกตัวอยู่ที่นั่งแถวที่สามด้านขวา โดยที่ไม่ขยับไปไหน เพราะรู้ว่าพวกเธอไม่ชอบตัวเอง อย่างนั้นก็จะได้ทำตัวเป็นอากาศธาตุ
คุณนายโจวโทรหากู้เป่ย “ฉันหาคนเจอแล้ว พวกเราจะไปเจอกันที่ไหน?”
กู้เป่ยถือโทรศัพท์พลางยิ้มแล้วมองไป๋ยิ่นหนิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง พลางยิ้มมุมปากขึ้น “ฉันอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในวงเวียนที่สอง คุณมาที่นี่เถอะ”
หลังจากที่วางสายไปกู้เป่ยก็นั่งพิงกับโซฟา พลางยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณว่า คุณไม่รู้ว่าคนอยู่ที่ไหน แต่แม่ภรรยาของคุณกลับใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่าชั่วโมงก็เอาคนออกมาได้แล้ว เธอเก่งเกินไป หรือคุณโกหกเหรอ?”
ไป๋ยิ่นหนิงไม่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ในใจก็พอจะเดาได้ว่าคุณนายโจวต้องใช้เล่ห์กลกับโจวฉุนฉุนแน่นอน ไม่อย่างนั้นไม่มีทางหาเจอได้หรอก
เขาอยากช่วยหลินซินเหยียนนั้นจริงๆ แต่ไม่ได้อยากให้เธอมาตอบแทนอะไร ตอนนี้คุณนายโจวไปหาเธอ ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เธอเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า
คนที่ตกที่นั่งลำบากเป็นเขาแท้ๆ แต่ในใจกลับเป็นห่วงหลินซินเหยียน กลัวว่าจะทำให้เขาเดือดร้อน กลัวว่าคุณนายโจวจะสังเกตเห็นเงื่อนงำอะไร
“คุณลองบอกมาซิ ว่าทำไมคุณต้องซ่อนพี่สี่เอาไว้ด้วย?” กู้เป่ยไม่รู้ที่มาระหว่างพวกไป๋ยิ่นหนิงกับหลินซินเหยียนแล้วก็จงจิ่งห้าวเลย
รู้เพียงว่าเขาเป็นสามีของพี่สาว มีชื่ออยู่บ้างในไป๋เฉิงเล็กๆ แห่งนั้น นอกนั้นก็ไม่ได้รู้อะไรมาก
พอจะมีชื่อในไป๋เฉิงบ้าง แต่ในเมืองBนั้น เขาไม่มีคนมองเลยแม้แต่น้อย!ดังนั้นกู้เป่ยเลยไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่ ถึงได้จับโดยพลัน
“ฉันบอกแล้ว ว่าฉันไม่ได้ซ่อน แต่เขาหายไปเอง ฉันจะทำอะไรได้เล่า?” ไป๋ยิ่นหนิงโกหกหน้าตาย ท่าทีหน้าตายนั้น เหมือนกับพูดความจริงเลยล่ะ
กู้เป่ยพึมพำเสียงเย็นชา “หรือว่าเขาลงจากรถหนีไปเองนั้นเหรอ?”
“ก็เป็นไปได้”
“ตอแหลจริงๆ เลยนะ เขาบ้าหรือไง?รู้ทั้งรู้ว่ามีคนอยากจับเขา แต่ยังหนีไปมางั้นเหรอ?”
ไป๋ยิ่นหนิงเองก็ไม่ได้หงุดหงิดใจ ยังคงแถต่อไปอย่างสงบนิ่ง “มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่แน่ว่าสมองของเขาอาจจะเน่าไปแล้วงั้นเหรอ?”
กู้เป่ยถือถ้วยน้ำชาเอาไว้ด้วยความโกรธ พลางอยากจะบีบจนแตกคามือไป เขาจ้องไป๋ยิ่นหนิงด้วยความโหดร้าย อยู่นานก่อนจะพูดออกมา “คุณเองก็อย่าปากแข็งให้มาก แม่ภรรยาของคุณกำลังจะเอามาส่งถึงที่แล้ว เขาหนีไปเองหรือเปล่านั้น เขารู้ดีกว่าใคร”
ไป๋ยิ่นหนิงยังคงมีสีหน้าเปลี่ยนไป “ถึงเขาจะบอกว่าฉันทำให้เขาหายไปแต่ว่าเขามีหลักฐานไหมล่ะ?จะว่าไป ถ้าเขาบอกว่าฉันไม่ได้ทิ้งเขาไว้ ก็หมายความว่าฉันไม่ได้ทำเขาหายไปจริงๆ งั้นเหรอ?”
“คุณเล่นลิ้นให้มันน้อยๆ หน่อยนะ!” กู้เป่ยไม่อยากจะคุยกับไป๋ยิ่นหนิงแล้ว ชายคนนี้เล่นลิ้นไปมา มันเป็นเหตุผลของเขาทั้งนั้น
“ฉันจะต้องสืบให้รู้ให้ได้!” กู้เป่ยโกรธเป็นอย่างมาก
“ประธานกู้อยากจะสืบอะไรก็สืบไป แต่ คุณจับฉันมาแบบนี้ ไม่ได้เห็นพี่สาวคุณอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”
“ฉันให้เธอช่วยก็เพราะเห็นแก่เธอ อีกอย่างก็ไม่ได้ช่วยฉัน แถมยังทำคนหายไปอีก ถ้าเกิดไปตกอยู่ในมือของจงจิ่งห้าว ฉันกับเธอไม่จบเห่เลยเหรอ!” กู้เป่ยนั้นถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ลูกติดของท่านปู่กู้นั้น รักมากจนขนาดที่ว่าริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม อยากได้อะไรก็ได้มาตั้งแต่เด็กๆ เลี้ยงจนติดนิสัยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่สนใจใครและไม่รู้ซึ้งถึงอะไรเลย
สำหรับเขาการที่เขาสามารถใช้ใครได้ก็หมายถึงการไว้หน้าแล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “พวกเรามาพนันกันไหม”
“พนันอะไร?” กู้เป่ยปรายตามองเขา
ไป๋ยิ่นหนิงค่อยๆ พูดอย่างไม่รีบร้อน “พนันว่าสุดท้ายคุณกับจงจิ่งห้าวใครจะชนะ”
“ก็ต้องเป็นฉันสิ” กู้เป่ยมั่นใจเป็นอย่างมาก “ครั้งก่อนเขาทำอะไรฉันไม่ได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน จนถึงตอนนี้เขายังช่วยพี่สี่ออกมาไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ?เขามีใครล่ะ?เสิ่นเผยซวนคนเดียวที่ยังเป็นแค่ผู้ช่วย จะมีอำนาจอะไรมากมาย?ส่วนอีกคนที่เป็นทนาย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เขาแต่มีเงินเยอะเท่านั้น แต่ฉันไม่ใช่ แค่พี่สาวหลายๆ คนของฉัน สามีต่างเป็นคนมีหน้ามีตา ท่านปู่ของฉันก็อยู่บนตำแหน่งใหญ่ ไนต์คลับที่ถนนจงซินน่ะเห็นหรือยัง?
ด้านนอกจะตรวจเข้มแค่ไหน แต่ธุรกิจแบบฉันน่ะ ใครจะกล้าปิด?ใครจะกล้าตรวจสอบ?”
ไป๋ยิ่นหนิงฟังเขาพูดอย่างใจเย็น เมื่อพูดจบ จากนั้นก็ยิ้มเบาๆ พลางพูด “ฉันพนันว่าจงจิ่งห้าวชนะ”
กู้เป่ย &*……%???
“คุณว่าอย่างไรนะ?” เขาคิดว่าเพ้อฝันไปเอง
“จงจิ่งห้าวมีอะไรดี?คุณพนันว่าเขาจะชนะ หรือคุณกลัวว่าจะไม่รู้ว่าใครมีอิทธิพลในเมืองBงั้นเหรอ?”
“แพ้ชนะขึ้นอยู่กับอิทธิพลเหรอ?” ไป๋ยิ่นหนิงถามกลับ
กู้เป่ยยิ้มเยาะพลางพิงโซฟาและ คิดว่าไป๋ยิ่นหนิงกำลังพูดเรื่องโง่ๆ “ถ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลแล้วขึ้นอยู่กับอะไรล่ะ?หรือว่ามัดรวมกันมาต่อยตีงั้นเหรอ?”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มแต่ไม่พูดอะไร กู้เป่ยนั้นได้เปรียบ สติปัญญาของเขาทำให้คนร้อนใจ สิ่งที่เกินความคาดหมายนั้นคือเขาไม่รู้จักการซื้อใจคน
อันที่จริงกู้เป่ยไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักการมัดใจคน เพียงแต่เขาเมินคนที่สนิทมากที่สุดไป
เขาทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พี่สี่ไป เพราะกลัวว่าจะปวดใจกับการเสียคนของเขาไป แถมยังไม่ได้สนิทสนมกับคุณนายโจวมากด้วย นั่นก็เพราะเขาคิดว่า พี่สาวเป็นญาติเขา ไม่ต้องไปปกป้อง เธอก็ช่วยตัวเองได้
แต่เขาคิดผิดแล้ว คนเราก็เหมือนกัน คุณทำไม่ดีกับคนอื่น แต่อยากให้คนอื่นมาทำดีด้วยงั้นเหรอ?
ทำดีด้วยแต่ไม่แสดงออกงั้นเหรอ?
คนเรานั้นมีหัวใจ เพียงแค่คุณจริงใจกับคนที่ถูกต้อง เขาถึงจะจริงใจกับคุณแต่กู้เป่ยนั้นดันเมินจุดนี้ไป
พูดให้ถูก เขาเมินญาติคนสนิทไปหมด เขารู้จักการดึงลูกน้องเข้าหา แต่กลับไม่สามารถทำแบบนั้นกับญาติคนสนิทได้ อาจจะเป็นเพราะเขาชินไปว่าญาตินั้นไม่ต้องการการปกป้อง เพียงแค่เขาสามารถใช้ญาติๆ ได้ก็จะมาช่วยเขาด้วยตัวเอง เรื่องของจิตใจแบบนี้อาจจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในชีวิตของเขาก็ได้
ถึงอย่างไรก็โตมากับการผูกติดงั้นเหรอ
ทางอีกฝั่ง คุณนายโจวรู้ว่ากู้เป่ยมีบ้านพักอยู่บริเวณวงเวียนที่สอง ครั้งก่อนที่ฉลองวันเกิดของท่านปู่กู้ หลังจากที่ฉลองงานเลี้ยงที่คฤหาสน์เสร็จ ลูกสาวหลายคนก็กินข้าวเย็นกับท่านปู่กู้ที่บ้านพักตากอากาศนั้นต่อ
เธอบอกที่อยู่กับคนขับรถไป จากนั้นคนขับรถก็หัดพวงมาลัยก่อนจะตรงไปในเมือง
ระหว่างทางนั้นโจวฉุนฉุนไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรในใจ คุณนายโจวคิดว่าเธอเป็นห่วงไป๋ยิ่นหนิงเลยปลอบ “ไม่ต้องกังวล เพียงแค่พวกเราช่วยคนออกมาแล้ว ยิ่นหนิงก็จะกลับมาอย่างปลอดภัย”
โจวฉุนฉุนไม่ได้พูดอะไร ในใจก็คิดถึงคำพูดของหลินซินเหยียน ชายคนนี้ทำให้คนอื่นเจ็บปวด ก็ควรจะได้รับโทษ แต่กลับปล่อยออกไป ทำให้เธอคิดว่ามันไม่ยุติธรรม
“แม่พ่อบอกกับฉันประจำ เพียงแค่มีเมตตาก็จะดูดีขึ้นมาก และจะมีคนชอบ แต่ทำไมยังมีคนเลวอยู่ล่ะ?หรือพ่อของพวกเขาไม่สอนให้พวกเขามีเมตตางั้นเหรอ?”