เมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูเป็นเสิ่นเผยซวน ซางหยูก็ตึงเครียดขึ้นมา “คุณเรียกฉันมาทำไม?”
เรื่องครั้งก่อน ทำให้เธอสติหลุดไปเลยกลัวว่าจะทำให้เขาลำบากอีก
เสิ่นเผยซวนเบี่ยงตัวมา “เข้ามาก่อนค่อยคุยเถอะ”
ซางหยูสะพายกระเป๋า สายมันร่วงลงมา เธอก็เอาขึ้นไปบนไหล่ แต่ไม่เดินเข้ามา
เสิ่นเผยซวนถามเธอ “หิวน้ำไหม?”
ซางหยูส่ายหัว “ฉันไม่หิวน้ำ”
เสิ่นเผยซวนเบ้ปาก พลางพูดว่า “เชิญคุณมา เพราะอยากให้คุณช่วยอะไรฉันหน่อย”
“แค่คุณบอกมา ถ้าฉันช่วยได้ จะไม่ปฏิเสธแน่นอน” เรื่องในครั้งก่อน มาจนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกผิดอยู่ ถึงอย่างไรคนที่ทำให้เขาลำบากก็เพราะตัวเอง
ซางหยูเกรงใจขนาดนั้น จนทำให้เสิ่นเผยซวนรู้สึกเขินอาย “คุณไม่ต้องเกรงใจ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คือหัวหน้าฉันให้ฉันไปกินข้าวที่บ้านเขา แล้วอยากจะให้ฉันพาคุณไป ก็คือผู้บัญชาการซ่งที่คุณเจอครั้งก่อน เขาคิดว่าพวกเราเป็นแฟนกัน แล้วก็ไม่ยอมให้ฉันอธิบาย แถมยังสั่งแล้ว เขามีบุญคุณกับฉัน ฉันไม่สามารถหักหน้าเขาได้ ดังนั้นเลยมาหาคุณ”
ในใจของซางหยูออกจะเศร้าไปสักหน่อย ที่แท้ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากมาหาตัวเอง แต่เพราะมีเรื่อง ถึงจะนึกถึงเธอ
เขานั้นลืมตัวเองไปแล้วใช่ไหม?
“ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าคุณขอร้อง คุณก็ลืมฉันไปแล้วใช่ไหม?” ซางหยูยิ้มเล็กน้อยพลางถาม
เสิ่นเผยซวนพูด “ไม่ได้ลืม น้องสาวน่ารักขนาดนี้ ไม่มีทางลืมหรอก”
เขาไม่มีทางเป็นแฟนกับซางหยู ไม่ว่าซูจ้านหรือคนอื่นจะว่าอย่างไร เขาก็ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก
เธอเด็กเกินไป
เขาคบกับเด็กขนาดนี้ไม่ได้เพราะกลัวว่าคนอื่นจะว่าเอาได้
เสิ่นเผยซวนนั้นยังหัวโบราณถึงกระดูกดำ
ซางหยูเข้าใจความหมายของเสิ่นเผยซวนในทันที ก็คือเห็นเธอเป็นน้องสาวงั้นเหรอ?
ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบมหาลัย และก็ยังไม่ได้มีงานดีๆ ทำ ไม่คู่ควรกับเขา แต่ถ้าให้เวลาสักหน่อยเธอจะต้องคู่ควรกับเขาได้แน่นอน
เธอยิ้ม “โอเค ช่วยพี่ชายนั้นไม่มีทางปฏิเสธ ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว พวกเราไปกันเลยไหม?”
เสิ่นเผยซวนบอกว่าไป จากนั้นเขาก็ใส่ชุดยูนิฟอร์มแล้วก็ใส่หมวก แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
“ถ้าเกิดรู้เร็วกว่านี้หน่อย ว่าต้องไปกับเจอคนอื่นกับคุณ ฉันจะแต่งหน้าสักหน่อย แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีๆ หน่อยค่อยมา” ซางหยูกล่าว
เสิ่นเผยซวนปิดประตู ก่อนจะมองเธอ เธอใส่กางเกงขาบานสีดำ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับปกคอสีดำคอวี สะโพกผายสวยงาม รองเท้าส้นเตี้ยสีขาว สะพายกระเป๋าบนไหล่ แต่งตัวดูบริสุทธิ์ และมีชีวิตชีวาของวัยรุ่น
“เท่านี้ก็ดูดีมากแล้ว”
ซางหยูก้มหน้าลงมองตัวเอง และก็ไม่รู้สึกว่ามันดูดีตรงไหน ยิ้มพลางพูดว่า “คุณไม่ได้ตั้งใจโกหกฉันใช่ไหม?”
เสิ่นเผยซวนกดปุ่มล็อกและเปิดประตู ก่อนจะมีเสียงติ๊ดดังขึ้นไฟรถก็กะพริบขึ้นมา ก่อนจะปลดล็อกประตูข้างคนขับพลางหันไปมองซางหยู “ไม่ได้โกหก คุณดูดีจริงๆ ขึ้นมาเถอะ”
ซางหยูยิ้มๆ ก่อนจะโค้งตัวขึ้นมานั่งแล้วก็คาดเข็มขัด จากนั้นเสิ่นเผยซวนก็ขับรถออกไป
“คุณเห็นฉันเป็นน้อง จากนี้ฉันจะเรียกคุณว่าพี่ชายดีไหม?” ซางหยูยิ้มพลางถาม
เสิ่นเผยซวนเองก็ยิ้ม “คุณอยากจะเรียกอย่างไรก็ได้”
“ฉันไม่อยาก รู้สึกเหมือนคุณตั้งใจจะบอกว่าตัวเองยังเด็ก”
เสิ่นเผยซวน “……”
เขาเปล่า เขามั่นใจว่าตัวเองนั้นโตแล้ว แล้วก็ไม่ได้จะเติมเต็มความเป็นหนุ่มสาว
“คุณดูอายุตัวเองสิ เป็นลุงของฉันได้แล้วด้วยซ้ำ แต่กลับให้ฉันเรียกคุณว่าพี่ คุณอยากจะให้ฉันเรียกให้เด็กหน่อย ไม่ใช่เหรอ?” ซางหยูล้อเล่นขึ้นมา
เสิ่นเผยซวนกระแอมเบาๆ แล้วยิ้มพลางพูด “ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น งั้นคุณจะเรียกฉันว่าลุงงั้นเหรอ?”
ซางหยูปิดปาก แล้วขำด้วยความยิ้มแย้มกว่าเดิม
คิดว่าเขาน่ารักขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เลิกหยอกล้อสักทีนะ?
เสิ่นเผยซวน ถามด้วยความไม่ชิน “ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
ซางหยูส่ายหัว “เปล่า”
“งั้นคุณยิ้มอะไร?” ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันแปลกๆ นะ?
“คุณนี่ใสซื่อจริงๆ” ซางหยูวิจารณ์
ครั้งนี้ ถึงตาสิ่นเผยซวนยิ้มแล้ว “คุณวิจารณ์ชายแก่คนหนึ่ง ว่าเขาใสซื่องั้นเหรอมันเหมาะสมไหม?”
“คำนี้มันเหมาะกับคุณ คำว่าใสซื่อนั้นมันไม่เกี่ยวกับอายุ” ซางหยูนั้นตั้งใจ เมื่อคิดถึงด้านความรู้สึกของเสิ่นเผยซวน มันใสซื่อจริงๆ แถมยังมีท่าทีที่ช้า เหมือนกับคนโง่ที่ไม่เข้าใจการล้อเล่น แต่ว่าก็ทำให้คนชอบ
เธอไม่ชอบผู้ชายที่พูดเก่ง เธอชอบเสิ่นเผยซวนที่เป็นแบบนี้ ตอบสนองช้าๆ ไม่คล่องแคล่ว และเธอคิดว่าพวกชายที่ปากหวานนั้น เชื่อถือไม่ได้
เสิ่นเผยซวนก็ไม่เถียงเธอ เธอบอกว่าใสซื่อ ก็ใสซื่อไปเถอะ
ตอนนี้รถมันจอดอยู่ที่ข้างๆ เขตของรัฐบาลของประชาชน เสิ่นเผยซวนลงมาก่อน จากนั้นซางหยูก็ตามลงมา
“คุณไม่ต้องเคร่งมาก พวกเราแต่มากินข้าวเฉยๆ” เสิ่นเผยซวนพูด
ซางหยูพยักหน้า แต่ว่าในใจก็ยังตึงเครียด ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นข้าราชการระดับสูง อีกอย่างครั้งก่อนที่เขาโกรธ ก็ทำให้คนกลัวได้
“เขาดีมาก ไม่มีทางทำให้คุณลำบากใจ วางใจเถอะ” เสิ่นเผยซวนมองออกว่าซางหยูนั้นตึงเครียดเลยพูดปลอบ
ซางหยูพยักหน้า เสิ่นเผยซวนทักทายกับคนที่คุมประตู แล้วบอกคนคุมประตูมาหาใคร
ก่อนหน้านี้เสิ่นเผยซวนเคยมา แต่เขตนี้ไม่ยอมให้คนนอกเข้ามาตามอำเภอใจ เลยโทรไปตอบรับ ก่อนจะเปิดประตูให้
ตอนนี้ มีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ที่ประตู ไป๋ยิ่นหนิงอยู่ที่บริษัทไม่ได้รอจงจิ่งห้าวก่อน เลยต้องกลับมาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอเสิ่นเผยซวนที่รออยู่หน้าประตู