ทั้งสองคนมองตากัน จากนั้นก็คิดว่าเธอจะคิดสั้นพร้อมกัน เลยรีบเดินเข้าไป ก็พบว่าซางหยูสลบอยู่ที่พื้น
เสิ่นเผยซวนตรวจดูเธอเล็กน้อย ยังดีที่ไม่ใช่ว่าคิดสั้น แต่อาจจะเป็นเพราะเสียใจเป็นอย่างมาก เลยทำให้สลบไป
เขาอุ้มขึ้นมา ตอนที่กำลังจะเดินออกไป ก็หันกลับมามองคนคนนั้น “ฉันอาจจะต้องพาเธอไปโรงพยาบาล ถ้าที่สถานีมีเรื่องอะไร ก็โทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ”
คนคนนั้นตอบตกลง
เสิ่นเผยซวนอุ้มเธอออกไปจากสถานี จากนั้นก็วางเธอลงบนที่นั่งด้านหลังของรถที่จอดอยู่ด้านหน้าที่จอด แล้วเขาก็นั่งลงด้านหน้าก่อนจะขับรถออกไป
ระหว่างที่ไปโรงพยาบาลซางหยูก็ฟื้นขึ้นก่อนจะมองบริเวณรอบๆ ตัวเอง จากนั้นก็ถามด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณจะพาฉันไปที่ไหน?”
เสิ่นเผยซวนหันกลับมามองเธอ พลางพูด “ไปโรงพยาบาล”
“ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ไปโรงพยาบาล” เธอยันตัวขึ้นมานั่ง เสิ่นเผยซวนจอดรถข้างๆ ก่อนจะหันมามองเธอ พลางถาม “งั้นคุณจะไปที่ไหน?”
ซางหยูมึนงขึ้นมา นอกจากมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่มีที่พักที่ไหนด้านนอกอีก จู่ๆ ก็พบ ว่าตัวเองนั้นไม่มีที่ไปเลย เธอพยายามใช้ชีวิต แต่ชีวิตนั้นยากเกินจะรับไหว
ขนาดญาติของเธอยังถูกพาตัวไปเลย
“ฉันว่าชาติก่อน ฉันต้องเป็นคนเลวแน่ๆ ทำร้ายคนอื่นมาเยอะ ชาตินี้ เลยถูกลงโทษขนาดนี้ ไม่อย่างนั้น พระเจ้าจะทำแบบนี้กับฉันได้อย่างไร” เธออึกอัก จากนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม
เสิ่นเผยซวนปลอบคนไม่เป็นเท่าไหร่ “คุณอย่างคิดแบบนั้นเลย”
เธอเอามือทั้งสองข้างกอดเข่า จากนั้นก็ขดตัว “ถ้าเกิดไม่ใช่ แล้วทำไมพระเจ้าถึงทำแบบนี้กับฉันล่ะ?”
“มีคนตั้งมากมายที่โชคร้ายกว่าคุณ คุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ จากนั้นก็จะมีแต่ชีวิตที่ดี” เสิ่นเผยซวนพยายามโน้มน้าว
ซางหยูหัวเราะอย่างเหม่อลอย “มันจะมีประโยชน์อะไร?ก่อนหน้านี้ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เพื่อหางานดีๆ ทำ หาเงินเยอะๆ แล้วจะได้ให้แม่มีชีวิตดีๆ จากนี้ไป ฉันจะขยัน หาเงินไปเพื่ออะไรกัน?ให้ใครใช้เหรอ?”
เสิ่นเผยซวนเม้มปาก
การอยู่คนเดียวนั้นจะต้องเหงาอย่างแน่นอน แต่ก็ยังต้องพยายามอยู่ต่อไป
ชีวิตมีเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะเพราะอะไร ก็อย่ายอมแพ้
“คุณไม่มีที่ไป ก็ไปที่ของฉันก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณใจเย็นลง แล้วค่อยพาคุณมา” เสิ่นเผยซวนกลัวว่าเธอจะคิดสั้นถ้าอยู่คนเดียว เลยพาไปที่พักของตัวเองก่อน อย่างน้อยก็เห็นเธอ จะได้ไม่เกิดอะไรที่คาดไม่ถึงขึ้น
“ฉันไม่ไป” ซางหยูปฏิเสธ เธออยากจะอยู่คนเดียว เลยเปิดประตูรถลงไป
เสิ่นเผยซวนเองก็ตามลงมา “คุณจะไปไหนล่ะ?”
“ฉันอยากอยู่คนเดียว คุณอย่าตามฉันมา” ซางหยูเดินเร็วเพราะกลัวว่าจะถูกเสิ่นเผยซวนขวาง เลยไม่ได้ระวังเท้า ก่อนจะก้าวพลาดตรงบันได จนเกือบจะล้ม เสิ่นเผยซวนรีบเข้ามาจับแขนของเธอ เลยไม่ล้มลง ตอนที่เขากำลังจะพูดอะไร มือถือในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ เป็นสายที่ผู้บัญชาการซ่งโทรมา บอกว่าอยากเจอเขา
เขามองซางหยูเล็กน้อย ก่อนจะพูด “ฉันอยู่ข้างนอก……”
“อยู่ข้างนอกก็รีบกลับมา” ผู้บัญชาการซ่งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เสิ่นเผยซวนทำได้เพียงรีบกลับไป “ขอเวลาสักสิบนาที”
ทางนั้นตอบรับ ก่อนจะวางสายไป เขาไม่วางใจให้ซางหยูอยู่คนเดียว เลยตัดสินใจพาเธอไปด้วย “เรากลับไปที่สถานีด้วยกัน แล้วค่อยออกมาอีกครั้ง”
“ฉันไม่ไป” ซางหยูยังคงปฏิเสธ
เสิ่นเผยซวนพูดด้วยความอดทน “คุณจะไปไหนคนเดียว?”
เธอไม่พูด
เพราะเธอเองก็ไม่มีที่ให้ไป
เสิ่นเผยซวนไม่สนใจการปฏิเสธของเธอ ก่อนจะดึงไปด้านข้างของรถ แล้วก็เอาเข้ารถไป แถมยังล็อกด้วยความรวดเร็ว “คุณอยู่ข้างนอกคนเดียวมันอันตราย เรารู้จักกัน ฉันไม่สนใจคุณไม่ได้”
เมื่อพูดจบเขาก็ออกรถ
ซางหยูอยู่ทางด้านหลังอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้ร้องอะไร และไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย
เสิ่นเผยซวนหันกลับมามองเธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืนอะไร ก็เหยียบคันเร่งออกไป
เมื่อกลับมาที่สถานีเสิ่นเผยซวนก็จัดให้เธออยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง ก่อนจะรินน้ำให้เธอแก้วหนึ่งแล้ววางบนโต๊ะ “คุณรอฉันก่อนนะ”
ซางหยูไม่ว่าอะไร เพียงแค่มองอย่างเหม่อลอยไปทั่ว และก็ไม่ได้โฟกัสอะไร เหมือนกับคนที่ไม่มีจิตใจ
เสิ่นเผยซวนรู้ว่าตอนนี้เธอฟังอะไรไม่เข้าหูเลย และไม่ได้พูดอะไรออกไป พลางหันตัวออกจากห้องไป แล้วก็ค่อยๆ ปิดประตูเบาๆ
เขาเดินไปที่หน้าห้องทำงานของผู้บัญชาการซ่ง ก่อนจะเคาะประตู เมื่อได้ยินคนด้านในบอกให้เข้าไปเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไป
ผู้บัญชาการซ่งเห็นเขาเข้ามา ก็วางของในมือลง ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะทำงาน พลางถามเขา “อยากจะดื่มน้ำไหม?”
“ไม่ต้องล่ะ” เสิ่นเผยซวนพูดขึ้น
ผู้บัญชาการซ่งเดินไปที่โซนแขกวีไอพี “นั่งลงเถอะ”
เสิ่นเผยซวนเดินมานั่งลง ก่อนจะนั่งลง “ให้ฉันมา มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ผู้บัญชาการซ่งลังเลเล็กน้อย พลางถาม “คุณกับซางหยูคนนั้นจะแต่งงานกันไหม?”
เสิ่นเผยซวนมองผู้บัญชาการซ่งด้วยความตกใจ ถึงเขาจะดูแลเหมือนพ่อ แต่จู่ๆ มาถามแบบนี้ เขาก็แปลกใจไม่น้อย “ทำไมถามแบบนี้?”
“ฉันจะไปรินน้ำ” ผู้บัญชาการซ่งลุกขึ้น จากนั้นก็หยิบถ้วยชามาจากโต๊ะทำงาน แล้วก็แช่ใบชา จากนั้นก็กลับไปนั่งที่เดิม พลางมองเสิ่นเผยซวน “วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่าแม่ของซางหยูทำผิดน่ะ”
“เธอเองก็ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมากมาย การจะแต่งงานกับเธอไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”
เสิ่นเผยซวนพูด “ฉันรู้ว่า”
“ถึงจะเป็นแบบนี้ คุณเองก็ยังอยากจะคบกับเธออีกใช่ไหม?” ผู้บัญชาการซ่งถาม
ผู้บัญชาการซ่งทำเพื่อเสิ่นเผยซวนจริงๆ ตามความสามารถของเขา จะไม่มีทางได้เป็นเพียงรองผู้บัญชาการแน่นอน จากนี้จะต้องมีอนาคตไกลแน่นอน
ถ้าเกิดแต่งงานกับซางหยูที่ครอบครัวไม่มีเบื้องหลังขนาดนี้ แถมยังมีแม่แบบนี้ มันจะต้องมีผลกับชีวิตอนาคตกับเขา
ถ้าเกิดมีภรรยาที่มีภูมิหลัง จากนี้เขาจะใช้ชีวิตได้สบายขึ้น ถ้าเกิดเป็นซางหยู มันไม่สามารถทำให้หน้าที่การงานดีขึ้นได้ มันจะยากต่อเขามากขึ้นหน่อย
เสิ่นเผยซวนเข้าใจความหมายของผู้บัญชาการซ่ง เขาไม่เคยคิดว่าจะแต่งงานแล้วเพิ่งภรรยาเลย
ถึงในใจจะรู้สึกไม่ดีอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็อยากทำด้วยตัวเอง
“ฉันมีข้อกำหนดต่อภรรยาน้อยมาก ขอเพียงแค่เข้ากันได้ เรื่องภูมิหลังอะไรนั่น มันไม่ได้สำคัญเท่าไหร่”
ผู้บัญชาการซ่งกลับไม่ได้แปลกใจ เพราะมันเป็นคำตอบที่คาดเดาได้ ถ้าเกิดเสิ่นเผยซวนเลิกกับซางหยูเพราะเรื่องนี้ เขาเองก็จะไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่แล้ว
เขาลุกขึ้นมาตบไหล่ของเสิ่นเผยซวนเบาๆ “เตรียมใจให้ดีล่ะ”
เสิ่นเผยซวนตอบรับ
“ฉันชื่นชมคุณมาตลอด ก่อนหน้านี้อยากจะให้คุณได้เป็นลูกเขย แต่เราไม่มีพรหมลิขิตต่อกัน แต่ในด้านการทำงานนั้น ในส่วนที่ฉันสามารถทำได้นั้น ฉันก็เอามาให้คุณได้ทั้งนั้น”
ผู้บัญชาการซ่งชักมือกลับ “โอเค ไปทำธุระเถอะ ปลอบให้ดีๆ หน่อย เด็กสาวคนนั้นเดียวนั้นไม่สบายเลยนะ ทำดีกับเธอหน่อยล่ะ”
เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้นมาอยากจะบอกผู้บัญชาการซ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับซางหยู แต่เมื่อคิดถึงเวลาอันสำคัญนั้น ก็ไม่ได้เปิดปากบอกไป ก่อนจะพูดว่า “ฉันรู้แล้วล่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ”
ผู้บัญชาการซ่งโบกมือ “ไปเถอะ”
เสิ่นเผยซวนเดินออกจากห้อง จากนั้นก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง เมื่อเปิดประตูออก ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่โซฟาแล้ว ในนี้ว่างไปหมด แถมน้ำในแก้วก็ยังไม่ได้กินเลยแม้แต่น้อย